เป็นที่รู้จักกันดีว่า "มหานครปารีส" ประเทศฝรั่งเศส นั้นเป็นหนึ่งใน dream destination ของใครหลายๆคน และเป็นหนึ่งในเมืองที่มีนักท่องเที่ยวเดินมาท่องเที่ยวเยอะที่สุดในโลก เป็นที่ชัดเจนอย่างยิ่งว่าปารีสนั้นมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายให้ได้สัมผัส สำหรับใครที่ยังไม่ได้วางแผน หรือไม่รู้จะไปไหนดี ลองมาดูไกด์บุ้คโดย O'bon Paris ที่วางแพลนไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ว่าต้องไปไหนบ้าง ในช่วงเวลา 3 วัน 2 คืน ณ กรุงปารีส รับรองว่าคุณจะได้สัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่ ไม่เหมือนใครแน่นอน
1. I LOVE YOU WALL (LE MUR DES JE T'AIME)
ก่อนที่จะไปเดินเที่ยวที่ย่านมงมาร์ต (Montmartre) ที่ตรงสถานีเมโทร Abbesses เมื่อเดินขึ้นมา จะเห็นกำแพงสีน้ำเงินตั้งอยู่ในสวนสาธารณะเล็กๆ ที่นี่เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูป เนื่องจากกำแพงนี้ เป็นกำแพงบอกรัก หรือ Le Mur des Je t'Aime ชื่อดัง ที่มีคำว่า "I love you" เขียนอยู่ถึง 300 ภาษาเต็มกำแพง ลองไปมองหาภาษาไทยดูได้ ว่าซ่อนตัวอยู่ตรงไหน
การเดินทาง: เมโทรสถานี Abbesses (สาย 12)
2. LA BASILIQUE DU SACRE-COEUR
มหาวิหารซาเครเกอร์ หรือที่ใครต่อใครต่างเรียกกันว่า "โบสถ์ขาว" ตั้งอยู่บนเนินที่สูงที่สุดของกรุงปารีสในย่านมงมาร์ต ถูกสร้างขึ้นในปี 1870 เนื่องจากตัวมหาวิหารนั้นตั้งอยู่บนเนินสูง การที่จะขึ้นไปถึงให้ได้นั้นต้องใช้แรงกายกันสักหน่อยในการเดินขึ้นบันได แต่ใครแข้งขาไม่แข็งแรง ที่นี่มีรถรางไว้ให้บริการ สามารถใช้ตั๋วเมโทรขึ้นได้ และเมื่อขึ้นไปถึงด้านบนสุด อย่างที่เกริ่นไปว่ามหาวิหารนั้นตั้งอยู่บนเนินสูง เพราะฉะนั้นเมื่อขึ้นไปถึงด้านบน ก็จะสามารถมองเห็นวิวของกรุงปารีสทั้งหมดได้จากจุดนั้น
การเดินทาง: เดินเพียง 9 นาทีจากเมโทรสถานี Abbesses (สาย 12) ก็จะถึง หรือใช้บริการรถรางได้ที่สถานีให้บริการ
3. PLACE DU TERTRE
จัตุรัส Tertre หรือ Tertre Plaza เป็นเสมือนแหล่งรวมศิลปินเกี่ยวกับงานศิลปะไว้ในที่เดียว จัตุรัสตั้งอยู่ด้านหลังของมหาวิหาร จะมีศิลปินมากหน้าหลายตามานั่งวาดรูปเพื่อขายเป็นของที่ระลึก หรือแม้กระทั่งการวาดรูปเหมือนต่างๆ อีกทั้ง 2 ข้างทางก็จะมีร้านอาหาร บาร์ ร้านขายของที่ระลึกอื่นๆ เรียงรายให้เลือกซื้อได้ไม่เบื่อ
4. LAVINIA RESTAURANT (* 10% discount coupon)
เมื่อถึงเวลารับประทานอาหาร เราทำการโยกย้ายมารับประทานอาหารในตัวเมืองปารีส ไม่ใกล้ไม่ไกลจาก Opera Garnier ร้านอาหาร Lavinia ตั้งอยู่ เป็นร้านที่มีชื่อเสียงโด่งดังเกี่ยวกับไวน์ ที่ชั้น 2 จะมีร้านอาหารสไตล์ฝรั่งเศสเปิดให้บริการ นอกจากอาหารที่มีรสชาติอร่อยถูกปากนั้นยังมีไวน์ไว้ให้บริการอีกด้วย สามารถสอบถามพนักงานได้เลยว่า ไวน์ชนิดไหนเหมาะที่จะดื่มคู่กับอาหารจานโปรดของเรา
การเดินทาง: เมโทรสถานี Opera (สาย 3, 7 และ 8) หรือสถานี Madeleine (สาย 8, 12 และ 14)
เวลาทำการ: วันจันทร์ถึงวันเสาร์ 10:00-20:30
ราคา: 30-40€
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่
5. OPERA GARNIER
เมื่อรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อย ก็เดินมาเที่ยวต่อกันที่ Opera Garnier โรงอุปราการชื่อดัง ที่ได้รับการขนานนามว่าสวยงามและหรูหรามากที่สุดในกรุงปารีส หินอ่อน แชนเดอเลีย ภาพวาด และเครื่องประดับตกแต่งต่างๆ จะทำให้คุณเพลิดเพลินไม่รู้จบ
เวลาทำการ: เปิดทุกวัน 10:00-17:00
ราคา: ผู้ใหญ่ 12€ และอายุต่ำกว่า 25 ปี 8€
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่
6. JARDIN DES TUILERIES
หลังจากนั้นก็ไปนั่งพักผ่อนหย่อนใจกันต่อที่สวนสาธารณะ Tuileries ที่ตั้งอยู่ด้านหน้าของพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ที่นี่ ทั้งนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่นต่างชอบมานั่งพักผ่อน ชมนกชมไม้ อ่านหนังสือเล่มโปรด หรือจิบชากาแฟ เก้าอี้สีเขียวนั้นมีให้หยิบใช้ได้ฟรีอยู่เต็มทั่วบริเวณ สวนสาธารณะแห่งนี้ ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1564 ตามความต้องการของเจ้าหญิงจากครอบครัว Medici ประเทศอิตาลี สร้างขึ้นพร้อมกับพระราชวัง Tuileries เมื่อตอนที่เธอต้องแต่งงานกับพระราชาของประเทศฝรั่งเศส
7. PONT NEUF
หลังจากนั่งพักก็ไปเดินเล่นต่อกันที่สะพาน Pont Neuf ที่แปลเป็นภาษาไทยว่า "สะพานใหม่" เป็นสะพานที่เชื่อมไปยังเกาะกลางแม่น้ำ ที่มีโบสถ์ Notre-Dame ตั้งอยู่ สะพานนี้เป็นสะพานแรกในกรุงปารีสที่สร้างขึ้นด้วยหิน ได้รับการขนานนามว่าเป็นสะพานที่ยาวที่สุดและเก่าแก่ที่สุดในกรุงปารีส สะพานแห่งนี้มีชื่อเสียงโด่งดังจากภาพยนตร์เรื่อง "The Lovers of Pont Neuf"
8. CATHEDRALE NOTRE-DAME DE PARIS
โบสถ์ Notre-Dame ชื่อดัง สร้างขึ้นในสไตล์โกธิค (Gothic style) เป็นสถานที่จัดพิธีกรรมทางศาสนาคริสต์มากมาย เมื่อครั้งที่เกิดสงครามกลางเมือง โบสถ์นั้นได้รับความเสียหายอย่างมาก หลังจากนั้น นักเขียนชาวฝรั่งเศสชื่อดังอย่าง Victor Hugo ได้เขียนนวนิยายขึ้น เรื่อง "Notre-Dame de Paris" ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย และด้วยนวนิยายเรื่องนี้เอง ที่ทำให้ผู้คนต่างช่วยกันระดมทุนบริจาคเงินเพื่อบูรณะให้โบสถ์แห่งนี้ กลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง
9. CHAMP DE MARS
นอกจากสวนสาธารณะ Tuileries แล้ว ก็ยังมีสวน Champ de Mars ที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวและชาวปารีเซียงเอง ที่ออกมานั่งเล่น รับแดดอุ่นๆ สวนแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ด้านหน้าของหอไอเฟลพอดิบพอดี ระหว่างนั่งเล่นพักผ่อนก็สามารถชมวิวหอไอเฟลอันแสนสวยงามนี้ได้เพลินๆ อย่าลืมพกขนมนมเลยไปนั่งปิคนิคด้วย จะได้ไม่ว่างจนเกินไป
10. EIFFEL TOWER (TOUR EIFFEL)
ถ้ามาเที่ยวที่กรุงปารีสแล้วไม่ได้มาเยี่ยมชมหอไอเฟล ก็เหมือนมาไม่ถึง เพื่อเป็นการทำให้วันแรกในกรุงปารีสนั้น complete อย่าลืมไปเยี่ยมชมหอไอเฟลตอนกลางคืน หลังจากพระอาทิตย์ตก ทุกๆชั่วโมงเมื่อเข็มยาวชี้เลข 12 หอไอเฟลจะทำการเปิดไฟกระพริบเป็นเวลา 5 นาที ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่โรแมนติคไม่น้อยเลย แต่ถ้าหากเป็นช่วงหน้าร้อน พระอาทิตย์ตกช้าสักหน่อย อาจจะต้องรอมืดนานกว่าช่วงหน้าหนาว
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่
11. LA FONTAINE DE MARS
ถึงเวลาอาหารเย็น ร้านอาหาร La Fontaine de Mars นั้น มีความหมายว่า "Fountain of March" ตั้งอยู่ไม่ไกลจากหอไอเฟล ทางร้านได้รับดาวมิชลิน 1 ดาวด้วย นั่นเป็นเครื่องการันตีว่าอาหารต้องอร่อยอย่างแน่นอน อร่อยไม่อร่อยก็ขนาดที่อดีตประธานาธบดีของสหรัฐอเมริกา Barack Obama ยังเคยมารับประทานอาหารที่นี่เมื่อครั้งเยือนประเทศฝรั่งเศส แนะนำว่าควรสำรองที่นั่งล่วงหน้าเพื่อความสะดวกสบาย
เวลาทำการ: เปิดทุกวัน 12:00-15:00 และ 19:30-23:00
ราคา: เริ่มต้นที่ 50€ (อาหารเรียกน้ำย่อย + จานหลัก + ไวน์)
1. CHATEAU DE VERSAILLES
Versailles Palace truly shows very well how the French royal family lived. The room of mirrors and well organized garden are absolutely beautiful. An audio guide tour is also available for you to get a more informed visit.
การเดินทาง: รถไฟ RER สาย C สถานี Versailles-Chateau RG / เมโทรสถานี Pont de Sevres (สาย 9) จากนั้นต่อรถบัสสาย 171 ไปยังสถานี Versailles Chateau Rive Gauche
เวลาทำการ (เมษายน-ตุลาคม): พระราชวัง 09:00-18:30 / สวน 07:00-20:30 / Trianon 12:00-18:30
เวลาทำการ (พฤศจิกายน-มีนาคม): พระราชวัง 09:00-17:30 / สวน 08:00-18:00 / Trianon 12:00-17:30
ราคา: พระราชวัง 18€ / ตั๋ว 1 วัน 20€ (รวมทั้งหมด 3 พื้นที่ พระราชวัง สวน และ Trianon)
2. LE TRAIN BLEU
ร้านอาหารสุดหรูชื่อดังที่เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย Le Train Bleu ตั้งอยู่ในสถานีรถไฟ Gare de Lyon ร้านนี้มีประวัติความเป็นมากว่า 100 ปี ภายในร้านอาหารมีการประดับตกแต่งอย่างสวยหรู ให้บรรยากาศเหมือนกำลังรับประทานอาหารในพระราชวังอย่างไรอย่างนั้น แม้แต่ Coco Chanel ยังเดินทางมารับประทานอาหารที่ร้านนี้เป็นประจำเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่
การเดินทาง: เมโทรสถานี Gare de Lyon (สาย 1 และ 14) อาคาร 1 ชั้น 2
เวลาทำการ: อาหารเช้า 07:30-11:30 / อาหารกลางวัน 11:30-14:45 / อาหารเย็น 19:00-22:45
ราคา: ประมาณ 30-50€ (อาหารจานหลักและของหวาน)
อ่านรานละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ และ ดาวน์โหลดคูปองส่วนลด 20% ที่นี่
3. LE MARAIS
ถ้าพูดถึงย่านสุดชิคที่คนต่างนิยมมาเดินเล่นกันก็คงจะหนีไม่พ้นย่านมาเรส์ (Le Marais) ที่ทุกซอกทุกมุม จะมีร้านรวงต่างๆ ที่ขายของที่ไม่เหมือนใคร ร้านอาหาร คาเฟ่สุดชิว หรือแม้แต่ร้านเสื้อผ้าเก๋ๆซ่อนตัวอยู่ ในย่านนี้ นอกจากช้อปปิ้งแล้ว ยังสามารถไปนั่งคาเฟ่เก๋ๆอย่าง Merci เดินเล่นที่ Saint Paul Village เข้าชม Pompidou Canter ถ่ายรูปหน้า Hôtel de Ville และนั่งชิวที่ Place des Vosges
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่
4. LE BHV
ตั้งอยู่ข้างๆ Hôtel de Ville คือห้างสรรพสินค้า Le BHV ที่รวบรวมเอาสินค้าทุกอย่าง ย้ำ ว่าทุกอย่างจริงๆมารวมไว้ในที่เดียว เป็นห้างที่พอก้าวเข้าไปนั้นให้ความรู้สึกที่เป็นกันเอง และไม่ว่าใครจะมองหาสินค้าอะไร เสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับ เครื่องสำอาง รวมไปถึงเครื่องเขียน และของแต่งบ้านต่างๆ
การเดินทาง: เมโทรสถานี Hôtel de Ville (สาย 1 และ 11)
เวลาทำการ: วันจันทร์ถึงวันเสาร์ 09:30-20:00 และวันอาทิตย์ 11:00 - 19:00
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ และ ดาวน์โหลดคูปองส่วนลด 15% ที่นี่
5. LE SPICY HOME
ถึงเวลาอาหารเย็น มาลองรับประทานอาหารเอเชียฟิวชั่นกันบ้างที่ร้าน Le Spicy Home ตั้งอยู่ไม่ไกลจาก Pompidou Center และ Forum des Halles ที่นี่เน้นอาหารสไตล์ฟิวชั่นผสมผสานระหว่างอาหารเอเชียและอาหารฝรั่งเศส ให้รสชาติที่แปลกใหม่ ร้านอาหารตกแต่งน่ารัก ให้บรรยากาศแบบเป็นกันเอง เหมาะกับการนั่งรับประทานอาหารแบบสบายๆในช่วงเย็น
การเดินทาง: เมโทรสถานี Étienne Marcel หรือ Les Halles (สาย 4)
เวลาทำการ: เปิดทุกวัน 08:00-02:00
ราคา: ประมาณ 15-20€
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ และ ดาวน์โหลดคูปองส่วนลด 30% ที่นี่
6. BATEAU PARISIEN
หลังจากรับประทานอาหารเย็นเรียบร้อยแล้ว พระอาทิตย์ใกล้ลาลับขอบฟ้า เป็นเวลาอันเหมาะสมที่เราจะไปล่องเรือแม่น้ำแซนกัน เรือ Bateau Parisien จะนำพาคุณไปยังแลนด์มาร์คต่างๆของกรุงปารีสที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำแซน ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 1 ชั่วโมง
การเดินทาง: เมโทรสถานี Bir-Hakeim (สาย 6) เดินต่อประมาณ 10 นาทีจะถึงท่าเรือ Pont d’Léna
เวลาทำการ (ช่วงไฮซีซั่น): 10:00-22:30 / วันเสาร์อาทิตย์และวันหยุดเปิดถึง 10:00-23:00 เรือออกทุกครึ่งชั่วโมง
เวลาทำการ (ช่วงโลว์ซีซั่น): 10:30-21:30 เรือออกทุก 1 ชั่วโมง
ราคา: 15€
1. ARC DE TRIOMPHE
หลังจากที่จักรพรรดินโปเลียนประกาศชัยชนะในสงครามเอาสเทอร์ลิทซ์ (Austerlitz War) เมื่อปี 1805 ท่านมีคำสั่งให้สร้างประตูชัยแห่งนี้ขึ้นมา เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้แก่เหล่าทหาร และถ้าหากสังเกตุดู จะเห็นได้ว่าจากประตูชัยตรงนี้ จะมีถนนแยกออกไปอีก 12 เส้น หนึ่งในนั้นคือถนน Champs-Elysees ที่ตัดตรงยาวไปจนถึงจัตุรัสคองคอร์ด (Place de la Concorde) นอกจากไปยืนถ่ายรูปที่หน้าประตูชัยแล้ว ยังสามารถเดินขึ้นไปข้างบนได้อีกด้วย ด้านบนจะสามารถมองเห็นวิวเมืองรวมไปถึงหอไอเฟลด้วย
เวลาทำการ: เปิดทุกวัน 10:00-23:00 (เปิดให้เข้ารอบสุดท้าย 30 นาทีก่อนปิดให้บริการ)
ราคา: ผู้ใหญ่ 12€ นักเรียน 6€ ฟรีสำหรับผู้ที่ถือบัตร Museum Pass (เปิดให้เข้าฟรีทุกวันอาทิตย์แรกของเดือน)
2. AVENUE DES CHAMPS-ELYSEES
หนึ่งในถนนเส้นหลักชื่อดังที่ตัดผ่านประตูชัยแห่งนี้ก็คือถนน Champs-Elysees ที่เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในฐานะถนนช้อปปิ้งที่รวมเอาแบรนด์เนมหลากหลายแบรนด์ไว้ที่นี่ หากแต่ไม่ได้มีเพียงแบรนด์เนมเท่านั้น ยังมีเหล่าร้านอาหาร ร้านขนมอีกเพียบให้ได้ลองชิมกัน อย่างเช่นร้าน Ladurée ที่ขึ้นชื่อเรื่องขนมมาการอง หอมหวนชวนรับประทาน
3. CAFE DE FLORE
คาเฟ่สุดเก๋ชื่อดังแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขต แซงต์เฌอแมงเดเพรส์ (Saint-Germain-des-Près) สาเหตุที่คาเฟ่นี้มีชื่อเสียงที่ค่อนข้างโด่งดังก็เพราะว่าเหล่าคนดังต่างๆของประเทศฝรั่งเศสมักจะแวะเวียนมาที่นี่เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง ศิลปิน เช่น Albert Camus และ Mitterrand เป็นต้น พวกเขามักจะมารวมตัวกันที่นี่เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่างในยุคศตวรรษที่ 20 ที่ผ่านมา
เวลาทำการ: เปิดทุกวัน 07:30-01:30
ราคา: ราคาอาหารประมาณ 10-25€ เครื่องดื่มประมาณ 6-9€
4. DISNEYLAND PARIS
อีกหนึ่งในสถานที่ที่ทุกๆคนอยากไปมากที่สุดก็เห็นจะเป็นที่อื่นไม่ได้นอกจากสวนสนุกดิสนีย์แลนด์ ที่ที่ทุกคนจะได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง! ที่นี่สวนสนุกจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วนนั่นก็คือ Disneyland Park และ Walt Disney Studio คุณสามารถเลือกได้ว่าจะไปที่ใดที่หนึ่งหรือจะไปทั้ง 2 ส่วนเลยก็ได้ แน่นอนว่าในสวนสนุกจะได้พบกับตัวละครที่เราเห็นในทีวีตอนเด็กๆ ออกมาโลดแล่นมีชีวิตอยู่จริง และเครื่องเล่นอีกมากมายให้ได้เลือกเล่นกันได้ ไฮไลท์นั้นอยู่ที่โชว์ Illumination ตอนกลางคืนก่อนที่สวนสนุกจะปิด อย่าพลาดที่จะรอชมโชว์แสงสีเสียงตระการตา รวมไปถึงพลุที่สวยงามอย่างไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน
การเดินทาง: รถไฟ RER สาย A สถานี Marne La Vallee–Chessy
เวลาทำการ: Disneyland Park 10:00-20:00 / Walt Disney Studio 10:00-18:00
ราคา: 1 Day 1 Park เริ่มต้นที่ 53€ / 1 Day 2 Parks เริ่มต้นที่ 73€ (ราคาตั๋วเปลี่ยนแปลงได้ตามวัน เวลา และฤดูกาล)
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ และ ดาวน์โหลดคูปองส่วนลด 10% ที่นี่