เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักท่องเที่ยวสำหรับมงแซงมิเชล (Mont Saint Michel) ในนามมหาวิหารกลางน้ำที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวจำนวนมากหลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย ตำนานของมหาวิหารกลางน้ำมงแซงมิเชลแห่งนี้ ต้องย้อนกลับไปเมื่อปี ค.ศ. 708 เลยทีเดียว ย้อนกลับไปสมัยนั้นได้มีเทวดานามว่า Saint Michel มาเข้าฝันของ Aubert บาทหลวงแห่ง Avranches ถึง 3 ครั้งด้วยกัน ในฝัน Saint Michel มาเข้าฝันบอกเล่าให้ Aubert นั้นสร้างมหาวิหารนี้ขึ้น ก่อนหน้านี้ Aubert ไม่เชื่อจึงไม่ได้ทำตามจนฝันครั้งที่ 3 เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้เชื่อสนิทใจจึงทำการก่อสร้างมหาวิหารบนเกาะนี้ขึ้นมา ก่อนหน้านี้เกาะนี้มีชื่อว่า "Mont-Tombe" หรือมงตงบ์ แล้วได้เปลี่ยนชื่อเป็น "Mont Saint Michel" มาจนถึงปัจจุบันนี้
ตัวมหาวิหารนั้นถูกสร้างอยู่ตรงกลางของเกาะ ล้อมรอบด้วยหมู่บ้านเล็กๆ ร้านอาหาร และร้านขายของที่ระลึกต่างๆ การที่จะเข้าไปให้ถึงมหาวิหารนั้นจะต้องเดินเท้าไปบนสะพานที่ทอดยาวไปจนถึงตัวเกาะ ที่มีอายุกว่าร้อยปี ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1879
การเดินทางไปเกาะ
1) โดยการเดินเท้า: จากจุดเริ่มต้นของสะพานไปจนถึงตัวเกาะ ใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 30 นาที
2) รถ shuttle bus ฟรี: รถวิ่งทุกๆ 5-10 นาที โดยใช้เวลาเพียง 5 นาทีในการเดินทางไปให้ถึงตัวเกาะ
3) รถจักรยาน: ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับโรงแรมที่ไปพักว่าจะมีรถจักรยานให้เช่าหรือไม่ บางโรงแรมจะมีให้เช่าในราคาถูกหรือบางที่อาจจะให้เช่าฟรี อย่างไรก็ตาม คุณไม่สามารถนำจักรยานขึ้นไปบนเกาะได้ จะต้องจอดเอาไว้ที่ด้านล่างของเกาะเท่านั้น
หลังจากที่ตัวมหาวิหารได้ถูกสร้างจนแล้วเสร็จนั้น เนื่องจากยังไม่มีพระจำพรรษา ในยุคสงครามปฏิวัติฝรั่งเศส (French Revolution) มหาวิหารแห่งนี้จึงถูกใช้เป็นเรือนจำเพื่อคุมขังนักโทษสำคัญทางการเมืองที่ต่อต้านรัฐบาลในสมัยนั้น แต่หลังจากปี 1922 ก็เริ่มถูกนำกลับคืนมาใช้ประโยชน์อีกครั้งในฐานะมหาวิหาร ตัวมหาวิหารกลางน้ำนี้ถูกสร้างขึ้นในรูปแบบของสถาปัตยกรรมสไตล์โรมาเนสก์ (Romanesque style) ถ้าหากสังเกตที่ยอดสูงสุดของมหาวิหารขึ้นไปอีก 156 เมตร จะเจอกับรูปปั้นสีทองของ Saint Michel ตั้งอยู่
ที่อยู่: 50170 Le Mont-Saint-Michel
เวลาทำการ: วันที่ 2 พฤษภาคมถึงวันที่ 31 สิงหาคม 09:00-19:00 / วันที่ 1 กันยายนถึงวันที่ 30 เมษายน 09:30-18:00 (ปิดทุกวันที่ 1 มกราคม, 1 พฤษภาคม และวันคริสต์มาส 25 ธันวาคม)
ราคา: 10€
ที่เกาะเล็กๆแห่งนี้ทั้งเงียบสงบและมีเสน่ห์ในสไตล์เมืองเก่า เลียบถนนจะมีร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร และคาเฟ่เรียงราย และดูเหมือนว่าเสน่ห์ของเมืองนี้จะพาเราย้อนเวลากลับไปในยุคเรเนซองส์ (Renaissance) อย่างไรอย่างนั้น
ถ้าหากไม่อยากไปเดินเบียนกับคนอื่นๆ คุณสามารถเดินขึ้นมารับลมชมวิวตรงกำแพงป้อมปราการได้ ที่ด้านบนนี้ก็มีคาเฟ่และร้านอาหารคอยให้บริการเช่นกัน
ถ้าหากไปถึงมงแซงมิเชลแล้ว แต่ไม่ได้ลองรับประทานอาหารที่ร้านอาหารชื่อดัง La Mere Poulard นั้นก็เหมือนมาไม่ถึง ร้านอาหารนี้เปิดให้บริการตั้งแต่ปี 1888 ศิลปินชื่อดังในอดีตหลายคนเคยเดินทางมารับประทานอาหารที่นี่ อย่างเช่น Ernest Hemingway และ Yves Saint Laurant เป็นต้น ด้านในร้านอาหารมีลายเซ็นของเหล่าคนดังที่เคยเดินทางมารับประทานอาหารที่นี่แปะอยู่ เป็นเครื่องการันตีความมีชื่อเสียง
ตำนานของร้านอาหารนั้นว่ากันว่า ในอดีต นักเดินทางจำต้องรอให้ระดับน้ำลดก่อน จึงจะสามารถเดินทางออกจากเกาะได้ ในขณะนั้น Annette Poulard จึงได้เริ่มต้นคิดค้นเมนู Soufflé Omelette ขึ้นมา เป็นที่มาของไข่ที่นุ่มฟู ละลายในปาก ว่ากันว่าเมนูสูตรนี้เป็นความลับสุดยอดมากว่า 130 ปีและเป็นสิ่งที่ทำให้ร้าน La Mere Poulard นั้นเป็นหนึ่งในร้านอาหารที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในประเทศฝรั่งเศส ตอนนี้มีสาขาอยู่ที่ประเทศเกาหลี ไต้หวัน ญี่ปุ่น และฟิลิปปินส์
ที่อยู่: Grande Rue, 50170 Le Mont-Saint-Michel
เวลาทำการ: 07:00-21:30
ระหว่างทางที่จะเดินไปมหาวิหารกลางน้ำ คุณจะพบกับโบสถ์เล็กๆที่ชื่อว่า Église Saint-Pierre ที่มีภาพของ Joan of Arc ตั้งอยู่ที่ด้านหน้าของประตูทางเข้า และที่ด้านในของตัวโบสถ์นั้นมีกระจกสีที่ทำออกมาเลียนแบบภาพในความฝันของ Aubert ที่ Saint Michel มาบอกเล่าให้สร้างมหาวิหารกลางน้ำนี้ขึ้นมา ตรงประตูทางออกด้านข้าง จะพบกับสุสานของผู้ที่เคยอาศัยอยู่ที่มงแซงมิเชลนี้ตั้งอยู่ เช่น Annette Poulard เจ้าของร้านอาหาร La Mere Poulard เป็นต้น
ที่อยู่: Grande Rue, 50170 Le Mont-Saint-Michel
เวลาทำการ: 09:00-22:00
หลังจากได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกทางประวัติศาสตร์ของประเทศฝรั่งเศสในปี 1862 ต่อมาในปี 1979 มหาวิหารกลางน้ำมงแซงมิเชลก็ได้การรับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และสถาปัตยกรรม โดยองค์การ UNESCO
ในแคว้นนอร์มังดี (Normandy) ระดับน้ำทะเลจะขึ้นลงค่อนข้างเร็ว ถ้าหากน้ำขึ้นจะเป็นสาเหตุให้ไม่สามารถเดินข้ามไปยังตัวเกาะได้ แนะนำว่าให้เช็คเวลาและระดับน้ำขึ้นลงก่อนเดินทาง มากไปกว่านั้นอยากแนะนำให้นอนพักที่มงแซงมิเชล 1 คืนโดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน เพื่อที่จะมีโอกาสได้ชมมหาวิหารตอนกลางคืน ที่เมื่อเปิดไฟล้อกับแสงจันทร์แล้ว ก็ดูเหมือนว่าปราสาทในเทพนิยายนั้นมีอยู่จริง
เรื่อง: Aphinya Kasemsukphaisan
ภาพ: Yuna Lee