ในบทความนี้ เรามาแนะนำร้านอาหาร Accents Table Bourse ร้านอาหารสไตล์ฟิวชั่นระดับมิชลิน หนึ่งในร้านที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาถึงฝรั่งเศส
ปารีสเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยร้านอาหารมากมาย หลากหลายชาติ ดังนั้นการจะเลือกร้านใดร้านหนึ่งสำหรับมื้ออาหารในแต่ละทริปนั้นเป็นเรื่องไม่ง่ายเลย และเมื่อมาถึงประเทศต้นกำเนิดของผู้คิดค้นมิชลินไกด์เราก็ต้องไม่พลาดที่จะไปลองสัมผัสประสบการณ์มิชลินกัน เป็นเรื่องธรรมดาของร้านอาหารมิชลินที่จะมีการตกแต่งหรือสร้างบรรยากาศให้มีเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นการรังสรรค์เมนูอาหาร การบริการก็เป็นอะรไที่เรียกได้ว่าล้ำกว่าร้านอาหารทั่วๆไป
Accents Table Bourse เป็นร้านอาหารมิชลินที่มีความโดดเด่เรื่องรสชาติและอาหารที่ราคาไม่แพงมากนักเมื่อเทียบกับร้านอื่นๆในปารีส (เริ่มต้นราคาที่ 52 ยูโร สำหรับเมนูมื้อกลางวัน) อีกหนึ่งเหตุผลที่เราเลือกหยิบยกเอาร้านอาหารนี้มานำเสนอ คือ สถานที่ตั้งของร้านอาหารนี้อยู่ในเจตใจกลางเมืองเดินทางได้ง่าย ร้านนี้อยู่ใกล้กับ Place de la Bourse นั่นเอง
ที่ตั้ง : 24 rue Feydeau, 75002 Paris
เวลาทำการ : วันอังคารถึงวันเสาร์ 12:00 น. –14:00 น. และ 19:00 น. –22:00 น.
การเดินทาง : เมโทรสาย 3 สถานี Bourse
ก่อนที่จะเข้าเรื่องอาหาร เรามาดูบรรยากาศในร้านกันก่อนดีกว่า ภายในห้องอาหารแห้งนี้ตกแต่งเป็นอย่างดี ระยะห่างระหว่างโต๊ะไม่ทำให้คุณรู้สึกกสนใจจากโต๊ะข้างเพราะมีการเว้นระยะระหว่างโต๊ะค่อนข้างพอเหมาะพอดี หากมากับคนรู้ใจก็จะรู้สึกได้ว่ามีความเป็นส่วนตัวถึงแม้จะนั่งอยู่ในโถงร้านอาหารก็ตาม สีที่ใช้ในการตกแต่งก็เป็นโทนพาสเล และมีความโมเดิร์น การบริการของพนักงานนั้นก็มีอัธยาศัย ยิ้มแย้ม พร้อมต้อนรับอยู่เสมอ มีทั้งความเป็นมืออาชีพและความเป็นกันเองไปพร้อมๆกัน
ร้านอาหารระดับดาวมิชลินหนึ่งดวงแห่งนี้มีเชฟ Ayumi Sugiyama และเชฟ Romain Mahi เป็นผู้ดูแล ชื่อของร้านแห่งนี้ถูกอ่านออกเสียงในรูปแบบที่หลากหลาย ซึ่งนั่นก็เป็นความเป็นลักษณะเดียวกับรูปแบบอาหารที่บอกเล่าเรื่องราวของพื้นเพของเชฟ และแรงบันดาลใจของอาหาร ที่มาของเครื่องปรุง เอกลักษณ์ในรสชาติของอาหารแต่ละจานที่แตกต่างออกไปตามแต่ที่มาของแรงบันดาลใจ
สำหรับราคาเมนูอาหารกลางวันนั้นมีให้เลือกตามแบบเฉพาะของแต่ละเซ็ต ได้แก่ “en 3 temps” (52 ยูโร), “4 temps” (65 ยูโร), “6 temps” (100 ยูโร)
3 temps เป็นเซ็ตคลาสสิคแบบฝรั่งเศส โดยจะประกอบไปด้วย “entrée (อาหารเรียกน้ำย่อย), plat (จานหลัก), dessert (ของหวาน)” และยังมีของว่าง หรือเรียกว่า amuse-bouche เสิร์ฟมาด้วย
6 temps เป็นเซ็ตที่ประกอบไปด้วย ของว่าง อาหารเรียกน้ำย่อย 2 อย่าง จานหลัก 2 จาน และของหวาน 2 อย่าง
หากใครที่มีงบประหยัดหรือเพียงแค่อยากลองสัมผัสบรรยากาศของมิชลินสตาร์ เมนูเซ็ต 3 temps ก็เพียงพอแล้ว แต่หากใครอยากไปให้สุดก็สามารถเลือกจัดเต็มด้วยเซ็ต 6 temps ไปเลยก็ได้และนอกจากอิ่มท้องแล้วอยากให้ลองพิจารณาบรรยากาศรอบๆร้านอาหาร การบริการด้วย เพราะนี่คือส่วนหนึ่งของประสบการณ์ร้านอาหารดาวมิชลิน
รายการอาหารที่เราถ่ายรูปมาด้านล่างนี้เป็นอาหารที่เราได้ลิ้มลองที่ร้านอาหารแห่งนี้ และเนื่องจากว่าเมนูอาจมีการเปลี่ยนแปลงไปตามช่วงเวลา หรือความสร้างสรรค์ของเชฟ วันที่คุณเดินทางไปที่ร้านอาหารนี้ด้วยตัวเอง คุณก็อาจจะได้พบกับเมนูที่ต่างออกไป เมนูแต่ละอย่างล้วนมีเรื่องราว เพราะฉะนั้นอย่ารอช้า ไปดูเมนูกันเลย
เมนูของว่างเป็นสิ่งแรกที่ถูกนำมาเสิร์ฟโดยเมนูนี้ประกอบไปด้วย ของว่างชิ้นเล็กๆ 5 ชนิดที่ได้รับการรังสรรค์ ออกแบบมาเป็นอย่างดี ตัวอย่างเช่น เมอแรงก์ซอสวูสเตอร์เชียร์ ไส้กรอกเลือด (black pudding) ที่มาพร้อมกับกล้วย แอนโชวี่ เกาลัด และแอปเปิ้ล ที่เสิร์ฟมาในรูปทรงของหน้ารูปหมู เมนูอาหารว่างเหล่านี้ถือว่าเป็นการเริ่มต้นมื้ออาหารที่ดีทีเดียว
เมนูเรียกน้ำย่อยจานนี้เริ่มต้นแบบเบาๆ ด้วยริซอตโต้ขึ้นช่ายฝรั่ง ให้ความสดชื่น โดยเสิร์ฟมาในจานที่ดีไซน์มาอย่างดี มีส่วนผสมของไส้กรอกลมควัน (Morteau sausage) กลิ่นของลูกแพร์และเหล้าวิสกี้ การเสิร์ฟมาในจานสีดำที่มีฟองสีขาวปกคลุมช่วยเพื่มความน่าค้นหาให้มื้ออาหารได้ดีทีเดียว
เมนูเรียกน้ำย่อยอีกตัวคือ นกกระทาแดงกับทูน่า ที่ปรุงมาพร้อมกับซาร์ดีน หอยเชลล์ พีชขาว และเหล้าเวอร์มุท การผสมผสานกับของส่วนประกอบต่างๆในจานทำให้เมนูนี้มีกลิ่มหอม เป็นการนำส่วนประกอบต่างมีทำให้เข้ากันได้อย่างลงตัว เรียกได้ว่าการชิมอาหารจานนี้เป็นอีกหนึ่งประสบการณณ์ที่แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร
สำหรับเมนูจานหลัก โดยทั่วๆไปแล้วจะเป็นเมนูเนื้อวัวหรือปลา แต่หากต้องการอาหารมังสวิรัติก็สามารถแจ้งเชฟได้ล่วงหน้าเช่นกัน ในภาพด้านบนเป็นเนื้อวัวม้วนกับ Colonatta เบคอนและผักผักชิโครี่ เสิร์ฟมาพร้อมกับพัฟชีสกงเต้ และทรัฟเฟิลดำ
Ayumi Sugiyama เป็นเชฟขนมอบที่ใส่ใจทุกรายละเอียดกับเมนูขนมหวาน เพราะฉะนั้นสายของหวานไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน
หนึ่งในของหวานที่เราได้ลองชิมววันนี้มีหน้าเหมือนกับรังนก และได้แรงบรรดาลใจมาขากฝั่งเอเชีย ส่วนประกอบของของหวานนี้ทำมาจาก Kadaif (ของหวานลักษณะเป็นเส่นเล็กๆของประเทศตุรกี) และยังมีส่วนประกอบของกล้วย มันหวาน และอิทผาลัม
อีกหนึ่งเมนูที่เป็นที่ชื่นชอบไม่แพ้กัน คือ “sugar bubble” เมนูนี้เหมือนงานศิลปะชิ้นหนึ่ง โดยส่วนประกอบของของหวานจานนี้ได้แก่ นม แอปเปิ้ล ขิง และผลไม้ที่มีชื่อเรียกว่า "ควินซ"
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด ก่อนจะสิ้นสุดมื้ออาหาร เราได้เลือกรับกาแฟและมาพร้อมกับ "mignardises" (ขนมหวานชิ้นเล็กๆ) เป็นการปิดท้ายแบบสมบูรณ์และมีความสุข
เราหวังว่าการแนะนำร้านอาหารมิชลินร้านนี้ตะทำให้ใครหลายคนรู้สึกหิวขึ้นมาบ้าง และเปิดโอกาสให้ใครหลายคนอยากไปลองสัใผัสประสบการณ์อาหารใหม่ๆ ก่อนจะจบบทความนี้ เราอยากแนะนำ "accords mets et vins" ซึ่งเป็นการเสิร์ฟไวน์ล้อไปกับอาหารแต่ละจาน โดยไวน์นั้นได้รับการเลือกมาเป็นอย่างดีจากซอมเมอลิเย่หรือผู้เชียวชาญด้านไวน์ เพื่อให้เหมาะสมกับมื้ออาหารและอาหารแต่ละจาน การดื่มไวน์ดีๆจะเป็นการช่วยเพิ่มความสนุกให้กับมื้ออาหารได้เป็นอย่างดี
เรื่อง : O'bon Paris Team
ภาพ : Yuka