สิ่งแรกเลยที่ต้องทำเมื่อมาถึงก็คือ กิน! กองทัพต้องเดินด้วยท้อง และแพนเค้กก็เป็นหนึ่งในอาหารพื้นเมืองชื่อดังของเมืองอัมสเตอร์ดัม (Amsterdam) แพนเค้กที่นี่จะเรียกว่า "Poffertjes" เป็นแพนเค้กขนาดจิ๋ว เสิร์ฟพร้อมเนย และโรยน้ำตาลไอซ์ซิ่ง เพื่อความหอมหวาน เจ้าแพนเค้กนี้แน่นอนว่าไม่ได้เสิร์ฟมากับแค่เนยน้ำตาลเท่านั้น ยังมีอีกหลากหลายท็อปปิ้งให้เลือก และนอกจากแพนเค้กแผ่นจิ๋ว ก็ยังมี "Stroopwafle" ชื่อดังอีกอย่าง ที่มักจะพบเจอได้ทั่วไปตามคาเฟ่ มักจะเสิร์ฟมาพร้อมกับกาแฟ
ร้าน Pancakes Amsterdam นั้นมีหลายสาขา แต่จะมีแค่ที่สาขา Westermarkt เท่านั้น ที่เสิร์ฟเจ้า Poffertjes นี้ ที่นี่รับบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตเท่านั้น และห้องน้ำเสียเงินนะจ๊ะ
ที่อยู่: Prinsengracht 277, 1016 GW Amsterdam
เวลาทำการ: เปิดทุกวัน 08:00-20:00
ตั้งแต่ Anne Frank House เดินเล่นลัดเลาะไปจนถึงพิพิธภัณฑ์ Amsterdam Tulip ก็จะเห็นได้ว่ามีคาเฟ่และร้านอาหารมากมายที่น่าสนใจซ่อนตัวอยู่ตามซอกมุมต่างๆของเมือง ในบริเวณนี้ เรียกว่า ย่านจอร์แดนหรือ Jordaan District อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก ที่ตรงนี้มีชื่อเสียงในหมู่นักท่องเที่ยวและวัยรุ่นท้องถิ่น ด้วยความที่มีคาเฟ่และร้านอาหารซ่อนตัวอยู่มากมาย ผู้คนจึงนิยมมานั่งเสพบรรยากาศที่นี่พลางจิบกาแฟเพลินๆริมฝั่งคลอง ถ้าหากใครผ่านไปแถวนั้นและวางแผนจะเข้าชม Anne Frank House เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา แนะนำว่าควรจองตั๋วออนไลน์มาล่วงหน้าเลย เพราะคิวยาวม๊าก
และเมื่อเดินมาที่ฝั่งตรงข้ามของ Joordan District ก็จะเจอกับย่าน "De 9 Straatjes" หรือ "9 Streets" ซึ่งเป็นย่านที่เต็มไปด้วยร้านขายของกิ๊บเก๋มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เครื่องประดับต่างๆ ตามวิถีฮิปสเตอร์ นอกจากการช้อปปิ้งของตั่งต่างแล้ว ที่ย่านนี้ยังถือว่าเป็นอีกย่านหนึ่งที่น่ามาเดินเล่น เสพบรรยากาศติสต์ๆ ของอัมสเตอร์ดัม
จัตุรัสดัมนั้นตั้งอยู่ที่ใจกลางเมืองอัมสเตอร์ดัมเลยก็ว่าได้ ที่จัตุรัสนี้เป็นสถานที่ที่คึกคักและคึกครื้นที่สุดที่หนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นช่วงกลางวันหรือกลางคืน ที่นี่มีหลายสิ่งเกิดขึ้นพร้อมๆกันเสียจนบางทีไม่รู้ว่าจะต้องไปโฟกัสที่จุดไหนก่อน ไม่ว่าจะเป็นนักดนตรีที่มาร้องเพลง เหล่านักแสดงอิสระที่ออกมาแสดงฝีมือ หรือจิตรกรที่มานั่งวาดรูปให้ได้ชมกันจะๆ จัตุรัสดัมนั้นถูกล้อมรอบด้วยสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ อย่างเช่น พระราชวังหลวงอัมสเตอร์ดัม (Royal Palace of Amsterdam), De Nieuwe Kerk และห้างสรรพสินค้า แหล่งช้อปปิ้งชื่อดังอย่าง De Bijenkorf เป็นต้น
The Pantry คือร้านอาหารที่ทุกคนจะได้สัมผัสรสชาติของอาหารพื้นเมืองโฮมเมดของประเทศเนเธอร์แลนด์อย่างแท้จริง ภายในร้านตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ บวกกับจานที่แขวนตกแต่งอยู่เต็มผนัง ให้บรรยากาศเหมือนรับประทานอาหารอยู่ที่บ้าน อาหารที่ห้ามพลาดเลยก็คือ "Hutspot" ที่ซึ่งเป็นอาหารพื้นเมือง ประกอบไปด้วยมันฝรั่ง แครอท และหอมหัวใหญ่ เสิร์ฟมาพร้อมกับมีทบอลหรือไส้กรอก หรือถ้าเลือกไม่ถูก สามารถสั่งเซ็ตเมนูได้ ราคาเริ่มต้นที่ 20.95€ ไปจนถึง 30.25€
ที่อยู่: Leidsekruisstraat 21, 1017 RE Amsterdam
เวลาทำการ: เปิดทุกวัน 11:00-22:30
เป็นที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งดอกทิวลิป ทำให้ในตัวเมืองอัมสเตอร์ดัมนั้นเต็มไปด้วยตลาดดอกไม้ แต่ตลาดดอกไม้ Bloemenmarkt นั้นเป็นตลาดดอกไม้ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด และควรไปมากที่สุด ที่นี่เน้นขายต้นไม้ ดอกไม้ และเมล็ดเพื่อนำไปปลูก แน่นอนว่าถ้ามาท่องเที่ยวก็อาจจะไม่สะดวกนักถ้าต้องการจะซื้อต้นไม้กลับไป แต่อย่างไรก็ตาม การที่ได้มาเดินที่ตลาดดอกไม้นี้ จะทำให้เราได้ซึมซับบรรยากาศของเมือง เดินเที่ยวในแบบที่คนท้องถิ่นใช้ชีวิตกัน และจะสังเกตุเห็นได้เลยว่า คนที่นี่เค้ารักดอกไม้กันเสียจริงๆ
ที่อยู่: Singel, 1012 XN Amsterdam
เวลาทำการ: วันจันทร์ถึงวันเสาร์ 09:00-17:30 / วันอาทิตย์ 11:00-17:30
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ แรกเริ่มเดิมทีนั้นเคยเป็นที่อยู่อาศัยของแร็มบรันต์ (Rembrandt) จิตรกรชื่อดังของประเทศเนเธอร์แลนด์ นั่นจึงเป็นที่มาของชื่อ "พิพิธภัณฑ์บ้าน Rembrandt" ที่นี่มี Audio Guide ไว้ให้บริการฟรี เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เข้าถึงประวัติศาสตร์ ความเป็นมา และผลงานศิลปะที่แสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ นอกจากผลงานศิลปะต่างๆแล้ว ยังมีห้องหับอย่างเช่น ห้องนอน ห้องครัว และห้องทำงาน เปิดให้เข้าชมอีกด้วย นอกจากนั้นแล้ว ที่นี่ยังมีคลาสให้เข้าเรียนด้วย อย่างเช่นคลาส Printmaking หรือคลาส Color Combination เป็นต้น ถ้าหากใครมีกระเป๋าเดินทาง ที่นี่มีล็อคเกอร์ฟรีไว้ให้บริการด้วย
ที่อยู่: Jodenbreestraat 4, 1011 NK Amsterdam
เวลาทำการ: เปิดทุกวัน 10:00-18:00 / ปิดทุกวันที่ 27 เมษายนและ 25 ธันวาคม / วันที่ 24 และ 31 ธันวาคมเปิดถึง 17:00
ราคา: ผู้ใหญ่ 13€ euros / นักเรียน 10€ / อายุระหว่าง 6-17 ปี 4€ / อายุต่ำกว่า 6 ปีเข้าฟรี / ผู้ที่ถือ Museum Card หรือ I Amsterdam Care เข้าฟรี
คำว่า "Magere Brug" ในภาษาดัช แปลว่า "สะพาน" โดยสะพาน Magere นั้นถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1691 สะพานถูกทาด้วยสีขาวทั้งหมด และประดับตกแต่งด้วยไฟจนเต็มสะพาน สะพานอาจจะดูไม่มีอะไรพิเศษมากนัก แต่ถ้าหากมาที่นี่ในช่วงพระอาทิตย์ใกล้ตก บ้านเรือนเริ่มเปิดไฟล้อกับความมืดที่กำลังคืบคลานเข้ามา เรียกได้ว่าเป็นวิวที่โรแมนติคสุดๆเลยก็ว่าได้
ถึงเวลาอาหารเย็น วันนี้มากันที่ร้าน The Seafood Bar ที่เน้นเสิร์ฟอาหารทะเลสดใหม่ คุณภาพดี The Seafood Bar นั้นมีหลายสาขาทั่วเมือง เตือนไว้ก่อนว่าควรจองโต๊ะมาล่วงหน้า เพราะที่นี่มีชื่อเสียงโด่งดังขนาดที่ว่าคิวยาวทุกวัน ถ้าหากไม่ได้จองโต๊ะมาล่วงหน้านั้นเกรงว่าจะเป็นการเสียเวลา ด้านในร้านมีสัตว์ทะเลสดใหม่วางเรียงรายกันอยู่บนถาดน้ำแข็ง พร้อมนำไปปรุงอาหารเสิร์ฟ โดยทางร้านมีเมนูชื่อดังนั่นก็คือ "Mixed Grill" ซึ่งเป็นจานอาหารทะเลรวมมิตร ทั้งกุ้ง หอย ปู และปลาชนิดต่างๆ เกณฑ์กันมาอยู่ในจานเดียว ที่นี่มีผ้ากันเปื้อนแจกสำหรับทุกคนก่อนเริ่มรับประทานอาหาร เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวว่าเสื้อผ้าจะเลอะเทอะแต่อย่างใด
ที่อยู่: Spui 15, 1012 WX Amsterdam (สาขา Spui)
เวลาทำการ: เปิดทุกวัน 12:00-23:00
หลังรับประทานอาหารเย็นเสร็จ ก็เป็นช่วงเวลาพักผ่อน ไปนั่งจิบค็อกเทลที่บาร์ Skylounge ตั้งอยู่ที่โรงแรม DoubleTree by Hilton Hotel จากตรงนั้นสามารถมองเห็นวิวเมืองตอนกลางคืนได้อย่างชัดเจน พร้อมนั่งฟังเพลงที่เปิดคลออย่างเพลิดเพลิน ที่นี่เสิร์ฟทั้งเบียร์ ไวน์ ค็อกเทล และเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ นอกจากนั้นแล้วยังมีอาหารจานเบาๆเสิร์ฟเพื่อรับประทานคู่เครื่องดื่มอีกด้วย ทางร้านจะมี dress code ที่ค่อนข้างเข้มงวด แนะนำว่าควรแต่งตัวให้เหมาะสมกับสถานที่สักหน่อย แล้วออกไปสนุกกัน
ที่อยู่: Oosterdoksstraat 4, 1011 DK Amsterdam
เวลาทำการ: วันจันทร์ อังคาร และวันอาทิตย์ 11:00-01:00 / วันพุธและวันพฤหัส 11:00-02:00 / วันศุกร์และวันเสาร์ 11:00-03:00
มาเมืองฮิปๆทั้งที จะไม่นั่งคาเฟ่ได้อย่างไร ที่คาเฟ่ Toki ถือว่าเป็นคาเฟ่ที่มีชื่อเสียงที่สุดในตอนนี้ ซ่อนตัวอยู่ในถนนที่ค่อนข้างสงบ ร้านนี้โดดเด่นออกมาจากร้านรวงต่างๆแถวนั้น ด้วยการตกแต่งสไตล์โมเดิร์นที่ไม่มีใครเหมือน ผู้คนมักจะนิยมมานั่งทำงาน หรือนั่งคุยกันที่นี่ นอกจากกาแฟแล้ว คาเฟ่ Toki ยังเสิร์ฟเค้กชนิดต่างๆ เช่น เค้กกล้วยหอม และเค้กแครอท เค้กสองชนิดนี้ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ถ้าหากอยากลองชิมเค้กของที่นี่ แนะนำว่าควรไปตอนเช้า เพราะถ้าหากสายหน่อยเค้กอาจจะขายหมดแล้วก็เป็นได้
ที่อยู่: Binnen Dommersstraat 15, 1013 HK Amsterdam
เวลาทำการ: วันจันทร์ถึงศุกร์ 07:30-18:00 / วันเสาร์อาทิตย์ 09:00-18:00
หมู่บ้านกังหันลมโบราณแห่งนี้ ใช้เวลาเดินทางจากตัวเมืองอัมสเตอร์ดัมประมาณ 30 นาทีโดยรถไฟหรือรถบัส โดยที่นี่จะมีกังหันลมให้เห็นเรียงรายกันอยู่ตรงหน้าเต็มไปหมด นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีโรงงานรองเท้าที่ทำจากไม้ และพิพิธภัณฑ์กังหันลม De Kat ให้เข้าชมอีกด้วย ด้านในพิพิธภัณฑ์จะบอกเล่าเรื่องราวของหมู่บ้านกังหันลมนี้ทั้งหมด หรือถ้าหากมีเวลามากหน่อย แนะนำว่าให้เช่าจักรยานขี่รอบๆตัวหมู่บ้าน เพื่อเป็นการซึมซับบรรยากาศอย่างคนท้องถิ่น หรือจะล่องเรือชมเมืองก็ย่อมได้ ชมเมืองเสร็จก็มาเดินเลือกซื้อของที่ระลึก ทั้งที่ทำจากดอกทิวลิป และรองเท้าไม้ขนาดจิ๋ว ใครที่มีเวลาไม่มากนัก และไม่ได้ต้องการจะทำกิจกรรมอะไร แค่มาเดินเที่ยวที่หมู่บ้านนี้เล่นๆซึมซับบรรยากาศ ใช้เวลาแค่ประมาณ 2 ชั่วโมงก็เพียงพอแล้ว
การเดินทาง:
โดยรถไฟ - นั่งรถไฟจากสถานี Amsterdam Centraal มุ่งหน้าไปทาง Uitgeest และลงที่สถานี Zaandijk Zaanse Schans เดินต่ออีกประมาณ 15 นาทีจากสถานี (รถออกทุกๆ 15 นาที)
โดยรถบัส - นั่งรถบัสสาย 391 จากสถานี Amsterdam Centraal มุ่งหน้าไปยัง Zaanse Schans (รถออกทุกๆ 15 นาที)
เมือง Zaandam นั้นเป็นเมืองเล็กๆ ซึ่งเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านกังหันลมโบราณนั่นเอง ที่นี่ได้รับการขนานนามว่าเป็น "Lego City" หรือเมืองเลโก้! นั่งรถไฟจากอัมสเตอร์ดัมมาเพียง 10 นาทีเท่านั้น หรือสามารถนั่งย้อนมาจากหมู่บ้านกังหันลม Zaanse Schans ก็ได้ ที่บอกว่าเป็นเมืองเล็กก็เล็กจริงๆ โดยสถานที่ที่ต้องไปถ่ายรูปด้วยเลยก็คือสถานีรถไฟ และโรงแรม Inntel Hotel Zaandam นั่นเอง ที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับบ้านที่สร้างขึ้นมาจากตัวต่อเลโก้อย่างไรอย่างนั้น
การเดินทาง: โดยรถไฟ - นั่งรถไฟจากสถานี Amsterdam Centraal มุ่งหน้าไปทาง Uitgeest หรือ Alkmaar และลงที่สถานี Zaandam (รถออกทุกๆ 15 นาที)
ที่ De Hallen แห่งนี้จะเรียกว่าเป็นห้างสรรพสินค้าก็ไม่เชิง แต่เป็นเหมือน Avenue ที่เต็มไปด้วยแหล่งช้อปปิ้งและสถานบันเทิงต่างๆเสียมากกว่า ที่นี่มีทั้งโรงภาพยนตร์ ร้านรวงต่างๆ และร้านอาหาร อีกทั้งยังมี Food Court ชื่อว่า "Food Hallen" อีกด้วย ที่เต็มไปด้วยอาหารจากหลากหลายชาติ รวมไปถึงอาหารเอเชียสำหรับใครที่คิดถึงรสชาติอาหารไทยๆ และอาหารท้องถิ่น
ที่อยู่: Hannie Dankbaarpassage 47, 1053 RT Amsterdam
พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ Rijksmuseum นี้ เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองอัมสเตอร์ดัม โดยที่นี่สร้างขึ้นเมื่อปี 1808 ที่นี่รวบรวมผลงานศิลปะจากศิลปินชื่อดังเอาไว้มากมาย เช่น "Night Watch Gallery" โดย Rembrandt หรือแม้กระทั่งผลงานของ Johannes Vermeer และ Vincent Van Gogh หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ "แวนโก๊ะ" นั่นเอง พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีขนาดใหญ่ แต่ได้มีการแบ่งห้องหับแสดงผลงานได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย มีการใส่ใจรายละเอียดเล็กๆน้อยๆตามทางเดิน คาเฟ่ที่ซ่อนตัวอยู่ด้านในพิพิธภัณฑ์มากมาย และห้องสมุดที่ตกแต่งอย่างสวยงาม และที่ขาดไม่ได้เลยก็เห็นจะเป็นสัญลักษณ์ "I amsterdam" ที่ตั้งอยู่ด้านหน้าของพิพิธภัณฑ์ ที่ไม่ว่านักท่องเที่ยวคนไหนก็จะต้องเดินทางมาถ่ายรูปที่นี่ให้ได้ ไม่อย่างนั้นจะเรียกว่ามาไม่ถึงอัมสเตอร์ดัม
ที่อยู่: Museumstraat 1, 1071 XX Amsterdam
เวลาทำการ: เปิดทุกวัน 09:00-17:00
ราคา: 17.50€ euros(19 euros from 2019) / free under 18 years old
อีกครั้งกับการรับประทานอาหารท้องถิ่น ที่ร้านอาหาร Humphrey's นั้นมีจุดเด่นที่จะเสิร์ฟอาหารแค่เพียงแบบเดียวเท่านั้น นั่นก็คือเซ็ตเมนู 3 คอร์ส ประกอบไปด้วย จานเรียกน้ำย่อย จานหลัก และขนมหวาน โดยเมนูอาหารจะเป็นอาหารท้องถิ่นโฮมเมด ปรุงด้วยวัตถุดิบคุณภาพ ตัวเลือกอาหารมีไม่มากนัก หากแต่ว่าทุกจานรับประกันเรื่องรสชาติและคุณภาพ โดยราคาเซ็ตเมนูจะอยู่ที่ 27.50€
ที่อยู่: Nieuwezijds Kolk 23, 1012 PV Amsterdam
เวลาทำการ: วันจันทร์ถึงพฤหัส และวันอาทิตย์ 17:00-22:00 / วันศุกร์และวันเสาร์ 17:00-22:30
ราคา: เซ็ตเมนู 3 คอร์ส 27.50€
การที่จะขึ้นไปยังจุดชมวิว A'Dam Lookout ตรงนี้ได้ จะต้องนั่งเรือเฟอร์รี่ (ฟรี) จาก Amsterdam Centraal โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น ก็จะมาถึงที่จุดชมวิว ที่นี่เป็นจุดชมวิวยอดนิยมเลยทีเดียว ระหว่างที่ขึ้นลิฟท์เพื่อไปยังด้านบน ด้านในลิฟท์จะจำลองบรรยากาศราวกับว่าอยู่ในยานอวกาศ สร้างความบันเทิงก่อนที่จะไปพบกับวิวของจริง เมื่อขึ้นมาถึงที่ Observation Deck แล้ว ก็จะพบกับวิวเมืองที่น่าตื่นตาตื่นใจ ด้านบนมีบาร์ให้บริการ จะซื้อเบียร์มาจิบพลางชมวิวเมืองสวยๆก็ดูจะเป็นความคิดที่ไม่เลวนัก โดยไฮไลท์ของที่นี่คือ "Air Swing" หรือชิงช้าที่ตั้งอยู่บนจุดชมวิว โดยตัวชิงช้าจะแกว่งออกไปเหนือพื้นดิน สร้างประสบการณ์หวาดเสียวให้ใครก็ตามไปที่อยากทดลองไปตามๆกัน ใครที่อยากชมวิวแบบใหม่ อย่าลืมลองไปเล่นชิงช้าที่นี่ดู แล้วมันจะกลายเป็นประสบการณ์ที่คุณไม่มีวันลืม
ที่อยู่: Overhoeksplein 5, 1031 KS Amsterdam
เวลาทำการ: เปิดทุกวัน 10:00-22:00
ราคา: 12.50€ / Air Swing จ่ายเพิ่ม 5€
เมื่อเหนื่อยล้าจากการท่องเที่ยว การที่ได้มานั่งเล่นในบรรยากาศที่สบายๆ ก็นับว่าเป็นการพักผ่อนอย่างหนึ่ง โดยที่บาร์ Pulitzer's แห่งนี้ เพิ่งถูกรีโนเวทไปเมื่อปี 2016 ที่ผ่านมา โดยได้มีการตกแต่งภายในใหม่ทั้งหมด และถึงแม้บาร์นี้จะตั้งอยู่ในย่านดัง ผู้คนพลุกพล่าน หากแต่ว่าเมื่อก้าวเท้าเข้ามาในร้านแล้ว ก็เหมือนถูกตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง ทางร้านมีทั้งที่นั่งด้านนอกไว้ให้บริการในช่วงซัมเมอร์และที่นั่งด้านในร้านที่ทั้งอบอุ่นและสบายในช่วงหน้าหนาว
ที่อยู่: Pulitzers Bar, Keizersgracht 234, 1016 DZ Amsterdam
เวลาทำการ: วันจันทร์ถึงวันพฤหัส และวันอาทิตย์ 15:00-01:00 / วันศุกร์และวันเสาร์ 15:00-02:00
มาเริ่มต้นวันกันด้วยคาเฟ่น่ารักๆ คาเฟ่ CT Coffee & Coconut นั้นตั้งอยู่ทางใต้ของเมืองอัมสเตอร์ดัม ด้านในร้านตกแต่งสไตล์วินเทจ เน้นสีเอิร์ธโทนเป็นหลัก โดยผนังอิฐปูนเปลือย เฟอร์นิเจอร์ไม้ บวกกับต้นไม้ที่แต่งเติมสีเขียว ทำให้บรรยากาศในร้านนั้นอบอุ่นและสบาย คาเฟ่นี้มีทั้งหมด 3 ชั้น เพราะฉะนั้นมีโต๊ะเพียงพอสำหรับทุกคนแน่นอน ที่นี่เสิร์ฟอาหารเช้า บรันช์ ชากาแฟ และของว่างอีกมากมาย ไม่ว่าจะนัดเพื่อนมานั่งคุยเล่น หรือมานั่งทำงานก็ได้ทั้งนั้น และจากชื่อของร้าน CT Coffee & Coconut ก็สามารถเดาได้ไม่ยากว่าทางร้านใช้มะพร้าวเป็นวัตถุดิบหลักในการทำกาแฟและขนมหวานต่างๆ
ที่อยู่: Ceintuurbaan 282-284, 1072 GK Amsterdam
เวลาทำการ: 8:00-23:00
ตรงกันข้ามกับพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ Rijksmuseum จะมีพิพิธภัณฑ์อีกแห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงไม่แพ้กัน นั่นก็คือพิพิธภัณฑ์ Stedelijk และพิพิธภัณฑ์ Van Gogh โดยที่ใครเป็นแฟนของศิลปินชื่อดังอย่าง วินเซนต์ แวนโก๊ะ (Vincent Van Gogh) นั้นห้ามพลาดเป็นอันขาด เพราะพิพิธภัณฑ์แวนโก๊ะแห่งนี้เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก ผู้คนต่างหลั่งไหลเข้ามาเพื่อที่จะมาเข้าชมพิพิธภัณฑ์นี้โดยเฉพาะ แต่ถ้าหากใครเป็นแฟนศิลปะสไตล์โมเดิร์น พิพิธภัณฑ์ Stedelijk คือที่สำหรับคุณ ที่นี่มีความน่าสนใจอย่างหนึ่งก็คือ แม้ว่าคนที่ไม่ได้สนใจในเรื่องศิลปะก็สามารถเพลิดเพลินไปกับการเดินพิพิธภัณฑ์นี้ได้ เพราะที่นี่มีผลงานระดับโลกจัดแสดงอยู่ ไม่ว่าจะเป็นจาก Lichtenstein, Van Gogh, Chagall และ Mondrian
ที่อยู่: Museumplein 10, 1071 DJ Amsterdam
เวลาทำการ: เปิดทุกวัน 10:00-18:00 / วันศุกร์เปิดถึง 22:00
ราคา: ผู้ใหญ่ 17.50€ euros / นักเรียน 9€ / อายุต่ำกว่า 18 ปี เข้าฟรี
นอกจากเจ้าแพนเค้กจิ๋ว และวาฟเฟิลหอมหวานแล้ว ที่อัมสเตอร์ดัมยังมีอะไรมากกว่านั้น ที่นี่เลย ที่ร้าน The Avocado Show ร้านอาหารร้านแรกที่ใช้อะโวคาโดในเป็นวัตถุดิบหลักในการปรุงอาหารทั้งหมด! แค่ฟังชื่อก็น่าตื่นเต้นแล้ว ที่นี่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกเลยทีเดียว ทำให้ในทุกๆวันมีคนต่อคิวเยอะมาก และทางร้านก็ไม่รับจองโต๊ะ เพราะฉะนั้น ต้องอาศัยความอดทนอย่างเดียวถึงจะได้เข้าไปรับประทานอาหารที่นี่ ด้วยความสร้างสรรค์เมนูของทางร้าน ที่ไม่ว่าจะหยิบอะโวคาโดไปใส่กับอะไรก็ดูดีและน่ารับประทานไปหมด เมนูดังของทางร้านคือ Poke Bowls ประกอบไปด้วย ข้าวซูชิ แซลมอน มะม่วง สาหร่ายวะกะเมะ ถั่วแระญี่ปุ่น และที่ขาดไม่ได้ก็คืออะโวคาโด พระเอกของเรานั่นเอง โดยเราสามารถเลือกซอสได้ว่าจะเป็น ซอสแมงโก้มาโย หรือวาซาบิมาโย และอีกหนึ่งเมนูที่น่าสนใจก็คือเบอร์เกอร์ ที่ทางร้านเปลี่ยนจากขนมปังที่ถูกแปะอยู่บนล่างให้เป็นอะโวคาโดทั้งลูก! ได้ยินแบบนี้แล้วจะรอช้าอยู่ทำไม ไปกันเลย
ที่อยู่: Daniël Stalpertstraat 61, 1072 XB Amsterdam
เวลาทำการ: เปิดทุกวัน 09:00-17:00
ตลาด Albert Cuyp นั้น เป็นตลาดที่มีทุกอย่างที่คุณสามารถจะจินตนาการได้ว่าตลาดจะมีของแบบนี้ขาย ตั้งแต่เนื้อสัตว์ไปจนถึงอาหารทะเล ต้นไม้ ดอกไม้ ของที่ระลึกต่างๆ ขนมขบเคี้ยวท้องถิ่น และอีกมากมาย ที่นี่นับเป็นแหล่งช้อปปิ้งอีกที่หนึ่งที่ไม่ควรพลาด เป็นการช้อปปิ้งแบบคนท้องถิ่น ใช้ชีวิตแบบที่คนท้องถิ่นเค้าทำกัน นอกจากนั้นแล้วยังมีร้านขาย Stroopwafle ขนมชื่อดังของที่นี่ ที่ทำกันสดๆ เสิร์ฟกันร้อนๆตรงนั้นเลย พลาดไม่ได้แล้วจริงๆ
ที่อยู่: Albert Cuypstraat, 1073 CC Amsterdam
เวลาทำการ: วันจันทร์ถึงวันเสาร์ 09:00-17:00 (ปิดทุกวันอาทิตย์)
ใครที่เคยเดินทางมาท่องเที่ยวที่ยุโรปบ่อยๆก็คงจะคุ้นหน้าคุ้นตากับรถบัสทั้งหลาย ที่อาสาพานักท่องเที่ยวชมเมือง หากแต่ว่าในอัมสเตอร์ดัม เมืองที่พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นคลองทั้งสิ้นนั้น คุณจะเห็นเรือพาทัวร์มากกว่ารถพาทัวร์เสียอีก เรือที่ให้บริการมีหลากหลายเจ้าแตกต่างกันออกไป สามารถเลือกได้ตามใจชอบเลยตามเวลาที่คุณสะดวกและต้องการ การล่องเรือชมเมืองส่วนใหญ่แล้วจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนจะทำการซื้อตั๋วลองสังเกตุดู เพราะสำหรับใครที่ถือ I amsterdam City Card หรือ Holland Pass อาจจะสามารถล่องเรือฟรี หรือได้รับส่วนลดสำหรับเรือบางเจ้า บนเรือจะมี Audio Guide ไว้ให้บริการ บอกเล่าเรื่องราวความเป็นมา และมีหลายภาษาให้เลือก
หลายๆคนอาจจะคุ้นตาสำหรับรูปปั้นเด็กผู้ชายฉี่คนนี้ ที่ตัวจริงนั้นตั้งอยู่ที่เมืองบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม แต่ที่อัมสเตอร์ดัมนี้ เด็กฉี่คนนี้ไม่ได้เป็นรูปปั้น หากแต่เป็นสัญลักษณ์ประจำร้านเฟรนช์ฟรายชื่อดัง ทางร้าน Manneken Pis นั้นทอดเฟรนช์ฟรายสดใหม่ทุกวันจากมันฝรั่งจากเมือง Zeeland เฟรนช์ฟรายจากทางร้านนั้นมีหลายขนาดให้เลือก และซอสหลากหลายชนิดให้ได้จิ้มกันอย่างเมามันส์
ที่อยู่: Damrak 41, 1012 LK Amsterdam
เวลาทำการ: วันจันทร์ถึงวันพฤหัส และวันอาทิตย์ 10:00-24:00 / วันศุกร์และวันเสาร์ 10:00-01:45
เรื่อง: Aphinya Kasemsukphaisan
ภาพ: Yuna Lee