พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ Rijks Museum ถือเป็นสถานที่ที่ห้ามพลาดเลยเมื่อไปเยือนกรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ เมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ แน่นอนว่าต้องมีขนาดที่ใหญ่และเต็มไปด้วยผลงานศิลปะระดับ Masterpiece สำหรับใครที่กำลังจะเดินทางไปเที่ยวแต่ยังไม่แน่ใจว่าจะไปดูอะไรบ้าง หรือใครที่กลัวว่าเวลาจะไม่พอ วันนี้ทางเราจะมาจัดอันดับ 10 ผลงานระดับ Masterpiece ที่ไม่ดูไม่ได้
หลังจากที่ได้รับข่าวสารจากน้องชาย Theo Van Gogh เกี่ยวกับสไตล์ใหม่ในการวาดภาพสไตล์ฝรั่งเศส วินเซนต์ แวนโก๊ะ (Vincent Van Gogh) จึงตัดสินใจที่จะย้ายที่อยู่ไปยังกรุงปารีสในปี 1886 หลังจากที่ย้ายไปตั้งถิ่นฐานอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศสแล้วนั้น วินเซนต์ได้สร้างผลงาน Self-Portrait ขึ้นมา โดยมีการปรับใช้เทคนิคและสไตล์ใหม่ๆในการวาดภาพ เหตุผลที่เขาวาดรูปตนเองนั้นก็เพื่อเป็นการประหยัดงบประมาณที่จะต้องจ่ายให้แก่นางแบบ ภาพที่เห็นก็เป็นหนึ่งใน Self-Portrait ของเขาเอง โดยที่เขาแต่งตัวในสไตล์ปารีเซียง และใช้เทคนิค Rhythmic Brush Strokes
ภาพวาดนี้ถูกวาดบนผืนผ้าขนาดมหึมา 823 x 567 เซนติเมตร เรียกได้ว่าแค่จะถ่ายให้ทั้งหมดอยู่ในเฟรมเดียวก็เป็นเรื่องที่ยากแล้ว ภาพนี้มีดยุกแห่งเวลลิงตัน (Duke of Wellington) อยู่ตรงกลางของภาพ กำลังรับสาสน์จากทหารกล่าวถึงความช่วยเหลือจากกำลังทหารจากปรัสเซีย (Prussia) ที่กำลังยกทัพมาช่วยเหลือ อีกทั้งยังมีรายละเอียดอีกมากมายซ่อนอยู่ในภาพขนาดใหญ่นี้ และต้องขอบคุณวิลเลี่ยมที่ 1 (William I) ที่ทำการซื้อผลงานชิ้นนี้เพื่อเป็นของขวัญให้แก่ลูกชายของเขา ภาพวาดนี้จึงยังอยู่ในประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติจนถึงทุกวันนี้
ภาพพอร์ตเทรตของกลุ่มทหารกลุ่มหนึ่งที่กำลังต่อสู้เพื่อปกป้องเมือง โดยทหารที่ปรากฏอยู่ในภาพนั้นคือกัปตัน Frans Banning Cocq และผู้แทน ล้อมรอบไปด้วยชายหนุ่ม 16 คน แร็มบรันต์ (Rembrandt) ถูกจ้างให้วาดภาพนี้ขึ้นมา หากแต่ว่าภาพนี้ไม่เป็นที่พอใจของประชาชนเท่าไรนักเพราะภาพนี้อยู่ในความมืด โดยภาพนี้ถูกตั้งชื่อว่า "Night Watch" แต่กลับถูกบอกว่าเป็นฉากในตอนกลางวันเสียอย่างนั้น อย่างไรก็ตามภาพนี้ถูกจัดเก็บเอาไว้ที่ Gallery of Honour ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ เป็นภาพที่มีชื่อเสียงที่สุดและจะต้องไปเห็นกับตาให้ได้เมื่อเดินทางมาที่นี่แล้ว
ภาพนี้เป็นภาพที่แร็มบรันต์ใช้เทคนิคใหม่ในการวาดภาพ โดยใช้มีดจานเพื่อทำให้เกิดเลเยอร์ของสีที่หนาตัวขึ้นมา ยกเว้นในบริเวณใบหน้า ภาพนี้กำลังสื่อถึงช่วงเวลาอันเป็นส่วนตัวระหว่างสามีภรรยาอย่าง Isaac และ Rebecca ว่ากันว่าวินเซนต์ แวนโก๊ะถึงกับประหลาดใจกับเทคนิคการวาดภาพของแร็มบรันต์เมื่อได้เห็นภาพนี้
ภาพนี้เป็นภาพของหงส์ที่กำลังปกป้องรังของตนจากสุนัขที่กำลังจะเข้ามาทำร้าน ถ้าหากมองไปที่รายละเอียดต่างๆในภาพวาดนี้ จะเห็นได้ว่าสีหน้าและอารมณ์ของเจ้าหงส์ตัวนี้นั้นเหมือนจริงแค่ไหน อีกทั้งยังรายละเอียดของแสงตกกระทบและขนแต่ละเส้นที่ค่อยๆพิถีพิถันวาดลงไปทีละเส้น หลังจากผลงานนี้ถูกเผยแพร่ออกไปสู่สาธารณะชน ก็ได้มีการกล่าวถึงความหมายของภาพนี้ในแง่ของการเมือง ว่าหงส์ตัวนี้เปรียบเสมือนรัฐบุรุษแห่งชาวดัทช์ Johan de Witt ผู้ที่กำลังปกป้องประเทศจากศัตรูอย่างประเทศอังกฤษ ที่ถูกเปรียบเป็นสุนัขในภาพนี้
โยฮันเนิส เฟอร์เมร์ (Johannes Vermeer) เป็นอีกหนึ่งจิตรกรที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาคู่กันกับแร็มบรันต์ ผลงานที่ทำชื่อให้เขามากที่สุดคือ "The Girl with Pearl" และ "The Dairy" โยฮันเนิสนั้นมีบ้านเกิดอยู่ที่เมืองเดลฟต์ (Delft) ประเทศเนเธอร์แลนด์ ภาพนี้เป็นภาพที่โยฮันเนิสวาดขึ้นมาเพื่ออธิบายเกี่ยวกับบ้านเรือนปกติทั่วไปที่ตั้งอยู่ที่เมืองเดลฟต์ เขาได้อธิบายเอาไว้ว่า "ตัวบ้านถูกสร้างขึ้นมาด้วยอิฐ มีรอยร้าวบ้างตามกาลเวลา ผู้คนที่สัญจรไปมารู้กันดีว่ามันเป็นอย่างไรในเมืองเดลฟต์" โดยในภาพนี้ เป็นบ้านที่ตั้งอยู่ที่ Viamingstraat 40-42 เป็นบ้านที่คุณป้าของเขาอาศัยอยู่จริงระหว่างปี 1645 จนถึงปี 1670
ภาพนี้คือภาพของหญิงสาวที่กำลังอ่านจดหมายอยู่เงียบๆคนเดียวในช่วงเวลาตอนเช้าอันเงียบสงบ แสงแดดอ่อนๆในภาพสื่อให้เห็นถึงช่วงเวลาในภาพว่าเป็นตอนเช้า และหญิงสาวที่ยังสวมใส่ชุดนอนสีฟ้าของเธอก็เป็นเครื่องยืนยันได้ โดยโยฮันเนิส เฟอร์เมร์ ได้เก็บรายละเอียดเรื่องแสงได้เป็นอย่างดี สังเกตุได้จากภาพนี้ที่มีแม้กระทั่งแสงตกกระทบและเงาจากใบหน้าของหญิงสาว เขาก็เก็บรายละเอียดได้เป็นอย่างดีไม่มีตกหล่น
ภาพหญิงสาวกำลังมองไปที่หญิงรับใช้ขณะที่ในมือหนึ่งถือจดหมายอยู่ ใบหน้าของหญิงสาวทั้ง 2 ในภาพสื่อให้เห็นถึงอารมณ์ของฉากนั้นได้เป็นอย่างดี เดาได้ไม่ยากว่าหญิงรับใช้กำลังนำจดหมายรักนำมามอบให้แก่นายหญิงของเธอ หญิงสาวเมื่อได้รับจดหมายรักแล้วก็เกิดความประหลาดใจและความกระวนกระวายไปพร้อมๆกันกับความรักที่ไม่ชัดเจน หากแต่หญิงรับใช้ก็ได้มอบรอยยิ้มอันอบอุ่นให้แก่นายหญิงของเธอเพื่อเป็นกำลังใจ ในด้านหลังของหญิงสาวทั้ง 2 จะเห็นได้ว่ามีภาพวาดเรืออยู่ในทะเลแขวนอยู่ ในสมัยศตวรรษที่ 17 ว่ากันทะเลนั้นเป็นสัญลักษณ์ของความรัก ในขณะที่เรือเป็นสัญลักษณ์ของคนรัก
Lucas Van Leyden เป็นที่รู้จักกันในฐานะผู้บุกเบิกยุคเรเนซองส์ (Renaissance) โดยผลงานของลูคัสนั้นส่วนใหญ่แล้วจะเป็นภาพที่พร่ำพรรณนาถึงเรื่องราวในคัมภีร์ไบเบิ้ล หรือเรื่องราวอื่นๆที่เกี่ยวกับศาสนา ผลงานชิ้นนี้ที่ปรากฏอยู่ในภาพเป็นผลงานที่เคยตั้งอยู่หลังแท่นบูชาในโบสถ์ของชาวคริสต์ โดยในภาพได้สื่อให้เห็นถึงสีหน้า อารมณ์ และท่าทางต่างๆของตัวละคร เรียกได้ว่าเก็บรายละเอียดได้เป็นอย่างดี
มาถึงภาพนี้ จะเห็นได้เลยว่าภาพที่เห็นสะท้อนถึงความเป็นจริงที่ในช่วงฤดูหนาว จะมีผู้คนหลากหลายประเภทออกมาทำกิจกรรมของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นชายที่กำลังเจาะรูน้ำแข็งบนแม่น้ำเพื่อตกปลา หญิงสาวที่แต่งตัวมิดชิดเพื่อป้องกันความหนาวเย็น หรือแม้กระทั่งขอทาน ที่ออกเดินเร่ร่อนขอเงินผู้คนที่สัญจรไปมา ตัวเมืองถูกปกคลุมไปทั้งเมืองด้วยหิมะและน้ำแข็ง ขาวโพลนไปจนสุดลูกหูลูกตา
เรื่อง: Aphinya Kasemsukphaisan
ภาพ: Yuna Lee
RIJKSMUSEUM AMSTERDAM
ที่อยู่: Museumstraat 1, 1071 XX Amsterdam
เวลาทำการ: เปิดทุกวัน 09:00-17:00
ราคา: ผู้ใหญ่ 19€ / ฟรีสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี, ผู้ที่ถือ Amsterdam City Card และผู้ที่ถือ 1 Gold Level Holland Pass