เมืองบูดาเปสต์ (Budapest) ได้รับการยอมรับให้เป็นหนึ่งในเมืองที่สวยที่สุดในทวีปยุโรป นอกจากนั้นยังเป็นเมืองที่ดีที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก จัดอันดับโดย Condé Nast Traveler และเป็นเมืองที่สงบสุขและงดงามที่น่าไปอยู่มากที่สุดเป็นอันดับ 7 ของทวีปยุโรป จัดอันดับโดย Forbes อีกด้วย เพียงแค่เมืองบูดาเปสต์เมืองเดียว สามารถดึงดูดเอานักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกให้ไปเยือนได้ปีละหลายล้านคน ทำให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของทวีปยุโรปได้อย่างง่ายดาย นอกจากความสวยงามและสงบสุขแล้ว เมืองนี้ยังปลอดภัย ค่าครองชีพต่ำ และมีกิจกรรมมากมายให้ทำได้ไม่รู้เบื่อ
ที่ใจกลางเมืองบูดาเปสต์นั้นถูกแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง คั่นกลางด้วยแม่น้ำดานูบ (Danube) ซึ่งใจกลางเมืองตรงนี้ได้ถูกขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO พร้อมกับอนุสาวรีย์ของผู้มีชื่อเสียงโด่งดังมากมาย ระหว่างที่เดินทอดน่องไปเรื่อยๆนั้น วิว 2 ข้างทางจะเต็มไปด้วยสถานที่สำคัญต่างๆมากมายของเมือง อาทิเช่น อาคารรัฐสภาฮังการี (Hungarian Parliament), ป้อมชาวประมง (Fisherman's Bastion), พระราชวัง Gresham, สะพานแขวน Széchenyi Chain Bridge, โบสถ์ Matthias, อนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ และอีกมากมาย และภาพที่เห็นอยู่ด้านบนนี้คือสะพาน Liberty ตอนกลางคืน
มหาวิหารเซนต์สตีเฟน (Saint Stephen's Basilica หรือ Szent István-bazilika) เป็นมหาวิหารโรมันคาทอลิก สร้างขึ้นมาในสไตล์นีโอคลาสสิค (Neo-Classical) ถือได้ว่าเป็นมหาวิหารที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศฮังการีและยังเป็นโบสถ์ที่สำคัญที่สุดในประเทศฮังการีเลยก็ว่าได้ อีกทั้งยังเป็นหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวมากมายตลอดทั้งปี ถ้าหากใครที่ต้องการขึ้นไปด้านบนโดมสามารถขึ้นลิฟท์หรือเดินขึ้นไปก็ได้เพื่อชมวิวเมืองบูดาเปสต์แบบเต็มๆ
ด้านในของตัวมหาวิหารนั้นถูกตกแต่งด้วยหินอ่อนซะเป็นส่วนใหญ่และมีสีทองเป็นโทนสีหลัก การประดับตกแต่งอื่นๆขึ้นอยู่กับเทศกาลสำคัญต่างๆทางศาสนา อย่างที่เห็นในภาพคือเป็นการตกแต่งมหาวิหารในช่วงเทศกาลคริสต์มาสเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา
หนึ่งในอาหารท้องถิ่นที่ขึ้นชื่อของประเทศฮังการี และยังเป็นเสมือนสัญลักษณ์ของประเทศคือซุปกูลาซ (Goulash หรือ gulyás) ซึ่งเป็นคล้ายกับสตูว์ที่มีเนื้อสัตว์และผักชนิดต่างๆ ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นมันฝรั่ง แครอท และหอมหัวใหญ่ ปรุงรสด้วยผงปาปริก้า บอกได้เลยว่าถ้าได้ไปที่บูดาเปสต์แล้วห้ามพลาดที่จะลองรับประทานซุปกูลาซเป็นอันขาด
ที่เมืองบูดาเปสต์ นอกจากจะเป็นเมืองท่องเที่ยวอันสวยงามแล้วยังเป็นเมืองพักผ่อนอีกด้วย ด้วยบ่อน้ำพุร้อนตามธรรมชาติกว่า 120 แห่งทำให้บูดาเปสต์กลายเป็นสถานที่แช่บ่อน้ำพุร้อนอันเลื่องชื่อในทวีปยุโรป และบ่อน้ำพุร้อนเกือบจะทุกที่ในบูดาเปสต์นั้นมีอายุกว่าร้อยปีแล้วทั้งนั้น บ่อน้ำพุร้อนที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดเห็นจะเป็นที่ Kiraly Bath และ Rudas Bath ซึ่งถือว่าเป็นมรดกตกทอดกันมาตั้งแต่สมัยที่ประเทศฮังการีตกเป็นอาณานิคมของประเทศตุรกี การแช่น้ำพุร้อนหรือทำสปานั้นกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตชาวฮังการีไปแล้วโดยปริยาย โดยเฉพาะชาวเมืองบูดาเปสต์ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมบ่อน้ำพุร้อนในแต่ละแห่งจึงเต็มไปด้วยผู้คนมากมายไม่เว้นแต่ช่วงฤดูหนาว เพราะฉะนั้นถ้าจะไปเที่ยวเมืองบูดาเปสต์ อย่าลืมหยิบเอาชุดว่ายน้ำติดตัวไปด้วยล่ะ
การที่จะขึ้นไปเที่ยวยังปราสาทบูดา (Buda Castle) ใช้รถราง Buda Hill Funicular (Budavari Siklo) เห็นจะเป็นทางเลือกที่ดี ง่าย และเร็วที่สุด สถานีรถรางตั้งอยู่ไม่ไกลจากตีนสะพานเชน (Chain Bridge) ในฝั่งบูดา นอกจากจะได้เดินทางโดยไม่เหนื่อยแล้วคุณยังจะได้ชมวิวเมืองฝั่งเปสต์พร้อมสะพานเชนที่ทอดยาวพาดผ่านแม่น้ำดานูบอีกด้วย รถรางแห่งนี้ถูกขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO เมื่อปี 1987 หลังจากที่เปิดให้บริการได้เป็นเวลาเพียง 7 ปีเท่านั้น
เวลาทำการ: เปิดทุกวัน 07:30-22:00
ราคา: ขาเดียว - ผู้ใหญ่ 1,200HUF / เด็กอายุระหว่าง 3-14 ปี 700HUF // ไปกลับ - ผู้ใหญ่ 1,800HUF / เด็กอายุระหว่าง 3-14 ปี 1,100HUF (ฟรีสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี)
***หมายเหตุ: พนักงานขายตั๋วรับเพียงเงิน HUF เท่านั้น
ที่ฝั่งบูดา นอกจากปราสามบูดาแล้ว ก็ยังป้อมชาวประมง (Fisherman’s Bastion) ตั้งตระหง่านอยู่รอให้คุณเข้าชม ตัวป้อมชาวประมงนั้นมีสีขาวสะอาดถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไรก็ตาม คุณสามารถเดินขึ้นไปด้านบนได้เพื่อชมวิวเมืองฝั่งเปสต์ อีกทั้งยังสามารถมองเห็นอาคารรัฐสภาฮังการีได้แบบเต็มๆอีกด้วย เรียกได้ว่าที่นี่เป็นจุดชมวิวที่ดีที่สุดของฝั่งบูดาเลยก็ว่าได้
นอกจากนั้นแล้ว ใกล้ๆกันกับป้อมชาวประมงก็ยังมีโบสถ์ Matthias ซึ่งเคยเป็นสถานที่จัดงานราชาภิเษกของกษัตริย์เก่าของประเทศฮังการี หลังคาของตัวโบสถ์มีกระสีมากมายล้อแสงแดดอยู่ เป็นอีกหนึ่งสถานที่สวยงามที่ห้ามพลาดเลยทีเดียว
พิธีการผลัดเปลี่ยนเวรยามที่หน้า Hungarian Presidential Palace ถือว่าเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวต่างรอชมเมื่อมาถึงที่ปราสาทบูดา เนื่องจากพิธีการผลัดเปลี่ยนเวรยามนั้นเป็นสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับใครหลายๆคน อีกทั้งยังแสดงถึงความเป็นระเบียบและความแข็งแรงของเหล่าทหารอีกด้วย สถานที่ที่ทหารจะทำพิธีการผลัดเปลี่ยนเวรยามนั้นอยู่ที่ Sandor Palota หรือ Alexander Palace ตั้งอยู่ติดกันกับรถราง
อาคารที่ถูกสร้างก่อนสงครามโลกถูกเปลี่ยนให้กลายมาเป็นบาร์ที่เป็นที่นิยมเป็นอย่างมากทั้งในหมู่คนท้องถิ่น นักท่องเที่ยว และนักเรียนชาวต่างชาติมากมาย และการที่ได้มานั่งจิบเบียร์ตอนกลางคืนที่ Ruin Pub พูดคุยเรื่องราวสัพเพเหระ ถือว่าเป็นการผ่อนคลายก่อนที่จะกลับเข้าที่พัก แล้วเตรียมตัวท่องเที่ยวในวันต่อไป
เมื่อเดินทางมาเที่ยวต่างประเทศทั้งที การที่จะได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆท่ามกลางวัฒนธรรมที่ไม่คุ้นเคยนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญเพื่อเรียนรู้และปฏิบัติตาม ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวทางศาสนาและประวัติศาสตร์ อาหารท้องถิ่น ผู้คน การมาลองสัมผัสชีวิตกลางคืนบ้างก็ดูจะเป็นความคิดที่ไม่เลวนัก เพราะการท่องเที่ยวก็เปรียบเสมือนการเรียนรู้ไปในตัวโดยที่เราเองก็ไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ
เรื่อง: Aphinya Kasemsukphaisan
ภาพ: Phan Thanh Thuy