ปราสาทเชอร์เเวร์นี (Cheverny) เป็นหนึ่งในปราสาทของตระกูล Huraults ซึ่งเป็นครอบครัวนักการเงินที่สืบทอดกิจการกันมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 ในปี 1922 ครอบครัวHuraults ได้อนุญาติให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าชมปราสาทได้ ถึงแม้ว่าจะยังมีเหล่าขุนนางซึ่งเป็นสมาชิกของครอบครัวอาศัยอยู่ภายในตัวปราสาท จึงสามารถพูดได้ว่าสถานที่เเห่งนี้เคยใช้เป็นที่พำนักจริงๆของเหล่าขุนนางชั้นสูง ดังนั้นภายในปราสาทแห่งนี้ คุณจะสามารถพบกับมุมต่างๆภายในที่สะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตของเหล่าขุนนางในอดีตของฝรั่งเศส
หน้าจั่วด้านทิศใต้ของอาคารตกแต่งด้วยรูปปั้นโรมันซึ่งเป็นที่นิยมมาตั้งแต่สมันเรเนซ้องส์ ปราสาทเชอร์แวร์นีได้รับอิทธิพลมาจากพระราชวังลักเซมเบิร์ก ( Luxemburg Palace) ในปารีส ตัวปีกทั้งสองข้างมีความกว้าง เเล้วถูกคลุมด้วยหลังคาโดม รวมไปถึงการตกแต่งด้วยหินแกะสลักในส่วนรอยต่อของตัวอาคารกับหลังคาโดม (การตกแต่งในลักษณะนี้ มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า bosses) การตกแต่งลักษณะนี้ เป็นสถาปัตยกรรมคลาสสิคแบบฝรั่งเศส ปราสาทเชอร์เเวร์นีสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16 โดยใช้หินจากชุมชมเล็กๆในเเถบเเม่น้ำลัวร์ที่มีชื่อว่าชุมชม Bourré หินสีอ่อนนำมาจาก Chey Valley ซึ่งจะมีสีที่อ่อนลงเเละเเข็งเเรงขึ้นตามอายุของหินนั่นเอง ปราสาทเชอร์แวร์นี่ถือว่าเป็นปราสาทที่สวยงามที่สุดบนลุ่มเเม่น้ำลัวร์ เเละมีการตกแต่งภายในที่ยอดเยี่ยม
ห้องเก็บอาวุธ (The Arms Room) เป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดในปราสาท และดัดแปลงมาเป็นให้เป็นห้องจัดแสดงอาวุธตั้งเเต่ศตวรรษที่ 19 ห้องนี้ถือว่าเป็นสถานที่ซึ่งเเสดงให้เห็นศิลปะในยุคจินตนิยมเเละเรื่องราวของอัศวินนักรบต่างๆ
ภาพด้านบนเป็นภาพของชุดเเต่งงานของภรรยาเจ้าของปราสาท ซึ่งงานเเต่งงานนั้นจัดขึ้นในปีคริสต์ศักราช 1994
เครื่องใช้ ภาชนะบนโต๊ะอาหารต่างของครอบครัว Huraults ถูกผลิตขึ้นเป็นพิเศษ เเละมีชื่อเรียกเฉพาะว่า "The Autumn of Cheverny" นอกจากนี้หากมองที่ภาพด้านบนก็จะเห็นว่ามีประติมากรรมศรีษะของกวางที่ทำจากเเก้ววางอยู่บนโต๊ะรับประทานอาหารด้วย
สวนแห่งนี้เป็นการผสมผสานการจัดแต่งสวนแบบอังกฤษและฝรั่งเศสเข้าด้วยกัน ภายในสวนมีพันธุ์ไม้มากกว่า 15,000 ต้น การตกแต่งสวนนับว่าเป็นสไตล์โมเดิร์นอย่างแท้จริง
The manicured lawn เป็นลานสนามหญ้าที่เชื่อมระหว่างสวนสไตล์อังกฤษและสวนป่าของตัวปราสาท การเดินเล่นบนพื้นหญ้าสีเขียว นับว่าเป็นการสร้างความสดชื่น ชุ่มใจ สร้างความสงบให้กับจิตใจได้เป็นอย่างดี
รอบตัวปราสาทมีพื้นของสวนป่าประมาณ 2,000 เฮกตาร์ โดยเราสามารถเลือกได้ว่าจะใช้รถไฟฟ้าในการชมพื้นที่รอบๆหรือนั่งเรือ โดยมีไกด์บรรยายทั้งภาษาอังกฤษหรือภาษาฝรั่งเศส ระหว่างที่ชมปราสาทไปเรื่อยๆ คุณอาจจะโชคดีได้พบกับกวางภายในสวนด้วย
ภายในสวนมีทะเลสาบซึ่งคุณจะได้พบกับทั้งหงส์ขาวและหงส์ดำ หากวันไหนอากาศดีเจ้าหงส์เหล่านี้ก็จะพากันมาเล่นน้ำที่ทะเลสาบภายในสวนของปราสาท นอกจากที่ยังสามารถพบกับบริเวณปิคนิคได้ที่ใกล้ๆกับทะเลสาบ ดังนั้นกิจกรรมยอดนิยมกิจกรรมหนึ่งที่ปราสาทแห่งนี้ คือ การมานั่งปิคนิคนั่นเองเอง
Hergé เป็นหนึ่งในศิลปินผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในโลกของการ์ตูน เขาเป็นผู้สร้างสรรค์ตัวการ์ตูน "ตินติน" (Tintin) ในปี1929 โดยการผจญภัยของตินติน เป็นการเล่าเรื่องราวของนักข่าวหนุ่มที่เดินทางตามหาสมบัติที่ซ่อนอยู่เเละต้องการสร้างความยุติธรรมให้กับโลกใบนี้ เรื่องราวของตินตินได้รับความนิยมอย่างมาก การผจญภัยของตินตินได้รับความนิยมอย่างเเพร่หลายในทวีปยุโรปในช่วงศตวรรษที่ 20
Hergé ได้รับเเรงบันดาลใจจากปราสาทเชเเวร์นีในการสร้างสรรค์ Marlinspike Hall ( “Château de Moulinsart') ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญในการ์ตูนตินติน ด้วยเหตุนี้เองแฟนๆของการ์ตูนตินตินจึงให้ความสนใจปราสาทนี้กันเป็นพิเศษ ตัวการ์ตินตินปรากฎให้เห็นอยู่รอบๆปราสาท ตลอดการเดินชม นอกจากนี้ทางปราสาทยังได้จัดนิทรรศการ "Les secrets de Moulinsart" หรือ ความลับของMoulinsart ไว้รอต้อนรับผู้มาเยือนตลอดทั้งปีด้วย ภายในนิทรรศการเต็มไปด้วยของใช้ที่ปรากฎในการ์ตูนเเละนำมาทำให้เหมือนของจริงดังเห็นได้จากภาพด้านบน ซึ่งทำให้ทุกคนรู้สึกสนุกไปกับโลกเสมือนในการผจญภัยของตินติน
ชุมชนเชอร์เเวร์นีเป็นสถานที่ซึ่งเหมาะกับการล่าสัตว์ ภายในพื้นที่ของชุมชนเชอร์เเวร์นีมีสุนัขสายพันธุ์ผสมอังกฤษ-ฝรั่งเศสกว่าร้อยตัว ซึ่งมีที่มาจากสุนัขจิ้งจอกอังฤษ สุนัขเหล่านี้อาศัยอยู่ในพื้นที่ของชุมชนหมู่บ้านเชอร์เเวร์นี่ ระห่างวันที่ 1 เมษายน ถึงวันที่ 14 กันยายน จะมีการแสดงการให้อาหารสุนัขเหล่านี้ทุกวันเวลา 11.30 น. ตั้งเเต่วันที่ 15 ถึง วันที่ 31 มีนาคม จะมีการให้อาหารสุนัขทุกวันจันทร์ พุธ พฤหัสบดีเเละศุกร์ เวลา 11.30 น.
เรื่อง: Supawadee Pinkhao
ภาพ: Yi ZHAO
ที่ตั้ง : Château de Cheverny, Avenue du Château, 41700 CHEVERNY - FRANCE
การเดินทาง:
1) รถยนต์ส่วนตัว
Motorway A10, Paris - Bordeaux. ทางออกที่ 17 Blois, ความเร็ว 190 km / 118 ไมล์. หลังจากนั้นประมาณ 20 นาที ให้เลือกใช้เส้นทาง Romorantin – Lanthenay – Vierzon
ถนนสายหลัก RN 152, Paris - Orléans - Blois, ความเร็ว 180km / 112 ไมล์.
2) รถไฟ
จากสถานี Paris Austerlitz ไปยังสถานี Blois-Chambord (ใช้เวลา1 ชั่วโมง 40 นาที)
จากสถานี Paris Montparnasse ไปยังสถานี Vendôme (ใช้เวลาประมาณ 42 นาที). จากนั้นนั่งรถบัสจาก Vendôme ไปยัง Blois เป็นระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตร
+ รถบัสไปกลับราคา 6 ยูโร. (สามารถตรวจสอบตารางการเดินรถได้ ที่นี่)
เวลาเปิด-ปิด:เปิดให้บริการตลอดทั้งปีรวมไปถึงวันที่ 25 ธันวาคม 1 มกราคม เเละ 1 พฤษภาคม
วันที่ 1 เมษายน - 30 กันยายม เปิดตั้งเเต่ 9:15 น. ถึง 19:00 น. / วันที่ 1 ตุลาคม - 31 มีนาคม เปิดตั้งเเต่ 10:00 น. ถึง 17:30 น. / ออฟฟิศขายตั๋วปิดให้บริการ 30 นาที ก่อนเวลาปิดปราสาท