หากจะเอ่ยถึงการมาเที่ยวปารีส การเยี่ยมชมสุสานน่าจะไม่ใช่เรื่องที่เราคุ้นเคยกันสักเท่าไหร่ แต่ทว่าสุสานแปร์ลาแชส (Cimetière du Père Lachaise) ไม่ใช่สุสานธรรมดาทั่วๆไป แต่มีเรื่องราวเล็กๆน้อยๆ น่าสนใจ เต็มไปด้วยศิลปะ วัฒนธรรมต่างๆแฝงอยู่ สุสานแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในปี 1804 โดยเป็นส่วนหนึ่งของแผนของนโปลียง โบนาปาร์ค ที่ต้องการย้ายเอาสุสานออกมาอยู่ไกลจากเมืองอันวุ่นว่าย สุสานแห่งนี้เปรียบเหมือนเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่เต็มไปด้วยเรื่องราวที่น่าสนใจ มีหลุมศพของบุคคลสำคัญและเป็นเสมือนอนุเสาวรีย์ที่ทำให้ผู้ที่มาเยี่ยมชมได้ย้อนนึกถึงเรื่องราวๆต่างๆในประวัติศาสตร์
สุสาน Père Lachaise ตั้งอยู่บนพื้นที่ 110 เอเคอร์ สถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยเรื่องราว และเรื่องเล่าแห่งนี้ต้อนรับผู้มาเยี่ยมชมมากกว่าหนึ่งล้านคนต่อปี เป็นพื้นที่ซึ่งมีความเงียบสงบ แตกต่างจากบรรยากาศทั่วๆไปของปารีส หากต้องการเปลี่ยนบรรยากาศการท่องเที่ยว สุสานแห่งนี้เป็นอีกหนึ่งสถานที่ซึ่งเหมาะกับการเดินทางมาเยี่ยมชม
Père Lachaise ไม่ใช่เป็นเพียงแค่สุสานทั่วไป แต่ยังเป็นสถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยการแสดงออกทางศิลปะ หลุมฝังศพต่างๆมีรูปทรงสวยงามเป็นเหมือนงานศิลปะชั้นเอกที่สร้างสรรค์โดยสถาปนิกและจิตกรที่มีชื่อเสียง งานศิลปะมีทั้งรูปแบบคลาสสิค โกธิค กลุ่มล้ำยุค (Avant-Garde) และรูปแบบโมเดิร์น ที่สะท้อนให้เห็นถึงศิลปะ ความสวยงาม และวัฒนธรรมในช่วงยุคต่างๆ สวยงามล้ำกว่าหลุมศพทั่วๆไป
พื้นที่ของสุสานยังเต็มไปด้วยธรรมชาติรังสสรค์ที่ทำให้บริเวณพื้นที่ดูมีความศักดิ์สิทธิ์ อย่างต้นไม้สูง มีอายุมากกว่าร้อยปีซึ่งเป็นที่อาศัยของสัตว์ต่างๆ ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เหล่าต้นไม้ที่ผลิดอกทีให้สุสานดูมีสีสันขึ้นมา หากได้ไปเยี่ยมชมสุสานในฤดูใบไม้ร่วงก็จะได้สัมผัสบรรยากาศของใบไม้เปลี่ยนสีทำให้รู้สึกถึงความสงบและเป็นบรรยากาศที่สวยงามที่แตกต่างจากความเป็นเมืองทั่วๆไป
สุสาน Père Lachaise เป็นสถานที่ฝังศพของปูชนียบุคคลฝรั่งเศสจำนวนมาก และยังเป็นที่พักสุดท้ายของบุคคลที่มีชื่อเสียงที่มาจากชาติอื่นๆ ด้วย บางชื่อที่ปรากฎในสุสานอาจจะไม่ได้เป็นที่รู้จักนัก แต่ก็มีเรื่องราวที่น่าสนใจ ดังนั้นเราจึงถือโอกาสนี้มาแนะนำเรื่องราวที่น่าวนใจของหลุมฝังศพที่เป็นที่น่าจดจำที่ Père Lachaise มาให้รู้จักกัน
หลุมศพของ Oscar Wilde เป็นหนึ่งจุดสำคัญที่ได้รับความสนใจมากที่สุดจุดหนึ่งในสุสาน Oscar Wilde เป็นนักเขียนบทละคร กวี และนักเขียนชาวไแอร์แลนด์ หลุมศพนี้ได้รับการออกแบบโดยจิตกรชื่อ Jacob Epstein ในปี 1914 โดยรูปทรงของหลุมศพนี้เป็นรูปปั้นขนาดใหญ่ มีลักษณะทรงของปีกขนาดใหญ่ที่ดึงดูดผความสนใจของผู้มาเยี่ยมชม อีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้รูปทรงของหลุมศพก็คือรอยลิปสติกที่ผู้ชื่นชมออสการ์ ไวลด์ได้ฝากเอาไว้บนหลุมศพ และด้วยเหตุนี้เอง ทางการจึงนำเอากรอบกระจกมาล้อมรอบหลุทศพเอาไว้เพื่อป้องกันการถูกจู่โจมด้วยรอบลิปสติก
Héloïse และ Abelard เป็นเรื่องราวความรักที่เเสนเจ็บปวด ย้อนกลับศตวรรษที่ 12 เราไปทำความรู้จักกับ Pierre Abelard ผู้ซึ่งเป็นนักนักปรัชญาและนักศาสนวิทยา และ Héloïse ผู้ซึ่งเป็นนักวิชาการที่มีพรสวรรค์ ปราดเปรื่องด้านสังคมและศาสนา ทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง หากแต่ถูกกีดกัน จึงทำให้ทั้งสองเดินทางไปสู่การแต่งงานแบบลับๆ เรื่องราวอื้อฉาว และท้านที่สุดการแยกจากกันอย่างเจ็บปวด Abelard กลายเป็นนักบวช ส่วน Héloïse ก็ย้ายเข้าไปอยู่ในคอนแวนต์ แต่ถึงแม้ความห่างไกลจากกัน พวกเขาทั้งสองก็ยังติดต่อกันผ่านจดหมาย หลุมศพรูปแบบโกธินี้สร้างขึ้นในปี 1817 มีลักษณะเหมือนกับวิหารน้อยๆ เป็นการนำเอาบุคคลทั้งสองนี้กลับมาพบกันและอยู่ด้วยกันอีกครั้งหลังจาก 700 ปีที่ต้องแยกจากกัน นี่คือสัญลักษณ์ของความรักที่แข็งแกร่งที่ต้องผ่านความทุกข์ยากกว่สจะได้กลับมาอยู่ด้วยกัน
Parmentier เป็นนักปฐพีวิทยาและนักโภชนาการชาวฝรั่งเศสที่ได้รับการจดจำในฐานะผู้ที่ทำให้มันฝรั่งกลายเป็นอาหารที่เป็นที่นิยมในปลายซตวรรษที่ 18 ซึ่งก่อนหน้านี้ มันฝรั่งเป็นอาหารจากฝั่งอเมริกา และยัเป็นที่น่าสงสัยสำหรับชาวผู้คนในช่วงนั้น แต่ด้วยความพยายามของปาร์มองติเย่ มันฝรั่งก็ค่อยๆกลายมาเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการและราคาจับต้องได้ มันฝรั่งกลายมาเป็นอาหารสำคัญที่ช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนอาหารและพัฒนาโภชนาการของชาวฝรั่งเศส ดังนั้นเพื่อเป็นการระลึกถึง ผู้ที่มาเยี่ยมชมก็จะวางมันฝรั่งไว้ที่หลุมศพของปาร์มองติเย่
หลุมศพของ Frédéric Chopin ตกแต่งด้วยรูปปั้นของเทพ Euterpe ที่ถือพิณและร้องไห้ แสดงความรู้สึกเศร้าต่อชีวิตอันเเสนสั้นของนักแต่งพลงลูกครึ่งฝรั่งเศสโปแลนด์ผู้นี้
Félix de Beaujour เป็นนักการทูตและนักประวัติศาสตร์ชาวฝรั่งเศส หลุมศพของคนผู้นี้แทบจะถือว่าโดดเด่นที่สุดในสุสาน Père Lachaise โกศศพเสาสูงตกแต่งสวยงามทำให้ดูโดดเด่นกว่าหลุทศพอื่นๆ เป็นการออกแบบที่สะท้อนให้เห็นถึงความหลงใหลที่โบฌูร์ต่อความโบราณเเละนำเสนอความยิ่งใหญ่อลังการให้กับพื้นที่สุสาน
Édith Piaf เป็นนักร้องที่มีเสียงเป็นเอกลักษณ์ และโด่งดังไปทั่วโลกด้วยเสียงขับร้องในเพลง "La Vie en Rose" และ "Non, Je Ne Regrette Rien" หลุมศพของนักร้องผู้นี้มีความเรียบง่ายแต่ะเป็นที่น่าจดจำ บ่งบอกถึงเส้นทางนักร้องที่เริ่มต้นแบบเรียบง่าย ถึงแม้จะมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกแต่ที่พักสุดท้ายของเธอนั้นสพท้อมถึงรากฐานชีวิตที่มาจากความเรียบง่ายของตัวเธอ
Théodore Géricault เผ็นผู้บุกเบิกศิลปะภาพวาดแนวโรแมนติกฝรรั่งเศส เขาผู้นี้ได้รับการจดจำด้วยผลงานที่เต็มไปด้วยการแสดงอารมณ์อย่าง The Raft of the Medusa ดังนั้นหลุมศพของเขาจึงตกแต่งด้วยภาพนูนของฝลงานชิ้นเอกของเขา หลุมศพแห่งนี้สะท้อนถึงจิตวิญญาณศิลปะด้วยประติมากรรมภาพปั้นในท่วงท่าที่มีความไตร่ตรอง มองหาแรงบันดาลใจของศิลปินผู้นี้
Jim Morrison นักร้องนำแห่งวง The Doors เสียชีวิตที่กรุงปารีสในปี 1971 และหลุมฝังศพศพของเขาก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่ผู้มาเยือนให้ความสนใจและพากันมาเยี่ยมชม ที่หลุมฝังศพของเขานั้นเต็มไปด้วยดอกไม้และของต่างๆที่แฟนๆนำมาวางไว้เพื่อระลึกถึงนักร้องผู้โด่งดังผู้นี้
แฟนเพลงของศิลปินผู้นี้มีพิธีกรรมที่ออกจะแปลกสักหน่อย นั่นคือการนำหมากฝรั่งที่เคี้ยวแล้วแปะทิ้งเอาไว้ที่ใกล้ๆกลุมศพของศิลปินผู้ล่วงลับ เป็นอะไรที่ออกจะดูแปลไปเสียหน่อย
Fernand Arbelot เป็นนักแสดงและนักดนตรีชาวฝรั่งเศส หลุมศพของเขาเป็นลักษณะรูปปั้นของชายผู้หนึ่งที่ประคองหน้ากากของหญิงสาวที่หน้าตาเหมือนภรรยาของเขา ลักษณะของรูปปั้นได้รับความคิดมาจากความหลงใหลในตัวภรรยาและแสดงออกผ่านทางสายตาในรูปปั้น แม้กระทั่งยามตายจาก ความรักก็ยังคงอยู่ตลอดไป
Eugène Delacroix เป็นศิลปินภาพวาดแนวโรแมนติก เป็นที่รู้กันดีว่าผลงานของเดอลาครัวนั้เต็มไปด้วยการใช้สีที่แสดงถึงความดุดันและการวางองค์ประกอบที่ทำให้ผลงานนั้นดูมีพลัง ผลงานชิ้นเอกของเดอลาครัวก็คือภาพ Liberty Leading the People (เสรีภาพนำประชาชน) เป็นภาพที่แสดงอารมณ์ที่เข้มแข็งและการต่อสู้เพื่อการปฎิวัติ สวยงามและแสดงความเข้มแข็งได้เป็นอย่างดี ถึงแม้ผลงานของเดอลาครัวจะเต็มไปด้วยความดุดัน แต่หลุมศพของเขากลับมีความเรียบง่าย เป็นที่พักสุดท้ายที่แสนสงบด้วยหินลาวาสีดำ
ฌ็อง-โฌแซ็ฟ การ์รีแยส เป็นนักประติมากรและนักเซรามิกชาวฝรั่งเศส หลุมศพของเขาประดับด้วยรูปปั้นทองสัมฤทธิ์เหมือนตัวจริง โดยที่มีรูปปั้นขนาดเล็กอยู่ในมือ รูปปั้นนี้ออกแบบเเละลงนามด้วยตัวเขาเอง
หลุมศพของวิกเตอร์ นัวร์นั้นมีเรื่องราวที่เป็นเอกลักษณ์ และเป็นหนึ่งในหลุมศพที่มีผู้คนมาเยี่ยมชมมากที่สุดแห่งหนึ่งในสุสานแห่งนี้ เขาผู้นี้เป็นนักสื่อสารมวลชนชาวฝรั่งเศสและกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้ทางการเมืองกลังจากถูกลอบยิงและเสียชีวิตในปี 1870 โดยเจ้าชาย Pierre Bonaparte ซึ่งเป็นญาติของนโปเลียนที่ 3 หลุมศพของวิกเตอร์ นัวร์มีรูปปั้นทองสัมฤทธิ์ของเขาในท่านอนอยู่ที่ด้านบน หลังจากเวลาผ่านไป รหลุมฝังศพของเขาถูกนำไปโยงกับความเชื่อเรื่องการให็โชคในเรื่องการขอลูก เหล่าผู้มาเยือนต่างพากันลูบที่จุดสำคัญของรูปปั้นเพื่ออธิษฐานขอลูก เเละโชคในเรื่องความรัก ด้วยความเชื่อนี้ทำให้ส่วนล่างของรูปปั้นนั้นเริ่มเปลี่ยนสีจากการลูบของที่มาขอพรนั่นเอง
Allan Kardec เกิดในปี 1804 เขาเป็นผู้บุกเบิกเรื่องความเชื่อในวิญญาณ ความเชื่อทางจิตวิญาณและศาสนาที่มีความสัมพัธ์กับสิ่งของต่างๆในโลกความเป็นจริง ที่ฝังศพของมีรูปปั้นส่วนท่อนบนของกาเดกอยู่ที่ด้านบน ศิลาด้านล่างมีการจารึกตัวอักษรเกี่ยวกับความเชื่อต่างๆ หลุมศพของเขาเป็นจุดหมายของผู้ที่ต้องการมาขอพร
The Mur des Fédérés (Wall of the Federates) เป็นสถานที่ระลึกถึงเรื่องราวน่าสลดใจในเหตุการณ์ที่ผู้ชุมนุมจำนวน (Communards) 147 จำนวนถูกสังหารในช่วงสุดท้ายของ Paris Commune ในปี 1871 เมื่อเวลาผ่านไป กำเเพงแห่งนี้จึงเปรียบเสมือนเป็นสัญลักษณ์แห่งการต่อต้านเเละการเสียสละ เป็นเครื่องปลุกใจทางการเมืองและระลึกถึงเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์
นอกจากหลุมศพของผู้มีชื่อเสียงแล้ว ยังมีหลุมศพของประชาชนทั่วไปที่อาขขะไม่ได้รับการดูเท่าที่ควร เต็มไปด้วยร่องรอยของไม้เลื้อยและรอยเเตกที่ผ่านกาลเวลา การใช้เวลาในสุสานแห่งนี้นั้นมีความสงบ และเป็นกาเรียนรู้เรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับบุคคลสำคัญไปในเวลาเดียวกัน สุสานแห่งนี้ทำหน้าที่เป็นเครื่องเตือนใจถึงช่วงเวลาและความทรงจำเมื่อกาลเวลาเคลื่อนที่ผ่านไป
สุสาน Père Lachaise ตั้งอยู่ทางฝั่งขวาของกรุงปารีส ในเขตที่ 20 ไม่ไกลจาก Place de la Bastille สุสานแห่งนี้เป็นสุสานที่ใหญ่ที่สุดในปารีส และเต็มไปด้วยจุดน่าสนใจ สุสานแห่งนี้มาทางเข้า 5 ทาง ประตูหลักตั้งอยู่ที่บริเวณระหว่าง Boulevard de Ménilmontant และ ถนน Rue de la Roquette ก้องน้ำสาธารณะมีให้บริการที่ทางเข้าหลัก Porte Principale, ประตู Porte du Repos, และประตู Porte Gambetta.
เวลาทำการ: สุสานแห่งนี้เปิดให้เข้าทุกวันตั้งแต่ 8:00 น. ถึง 18:00 น. ในฤดูร้อน และ PM 8:00 น. ถึง 17:30 น. ในฤดูหนาว วันเสาร์เวลาเปิดจะปรับเป็น 8:30 น. ส่วนวันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์เปิดเวลา 9:00 น. อย่างไรก็ตามอาจมีการปรับเปลี่ยน ดังนั้นควรตรวจสอบข้อมูลบนเว็บไซต์เพื่อป้องกันการคลาดเคลื่อน
เยี่ยมชมหลุมศพในสุสาน: ด้วยขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ของสุสานทำให้มีการแสดงแผนที่ของหลุมศพที่ทางเข้าเผื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่มาเยี่ยมเยือน แต่อย่างไรก็ตามเราขอแนะนำให้ดาวน์โหลดแผนที่นี้ไว้เผื่อที่จะสามารถเปิดดูได้ตลอดเวลา
วิธีการเดินทาง: ใช้รถเมโทรสาย 2 ไปยังสถานี Philippe Auguste และเดินต่อไปอีกนิดหน่อยเพื่อไปยังสุสาน หรือเลือกใช้เมโทรสาย 3 ไปยังสถานี Père Lachaise (ทางเข้าฝั่งตะวันออกของสุสาน) หรือสถานี Gambetta สำหรับทางเข้าทางประจูทิศเหนือของสุสาน หากเลือกเดินจากสถานี Gambetta ก็จะเป็นการเดินไล่ลงเนินมาซึ่งก็อาจจะสะดวกสบายสำหรับการเดิน
และแน่นอนว่าการเยี่ยมชมสุสานนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องแสดงความสำรวมหลีกเลี่ยงการส่งเสียงตะโกนหรือหัวเราะเสียงดัง แสดงความเขารบต่อผู้ล่วงลับและไม่ขึ้นไปเหยียบบนหลุมฝังศพ
เรื่องและภาพ: Vincent Sacau