เวลาที่กำลังจะได้ออกเดินทางท่องเที่ยวก็มักจะตื่นเต้นเป็นธรรมดา จะได้พบผู้คน วัฒนธรรม และประสบการณ์ใหม่ อย่างไรก็ตามก็อย่าลืมว่าวัฒนธรรมของแต่ละประเทศนั้นต่างกัน ทำให้บางครั้งอาจจะกระทำอะไรที่ไม่ถูกต้องตามที่คนท้องถิ่นเค้าทำกันก็ได้ วันนี้ทางเราจะมาบอกเล่าเรื่องมารยาทสากลและสิ่งที่ควรปฏิบัติเมื่อเดินทางมาท่องเที่ยว ซึ่งอาจจะทำให้การท่องเที่ยวของคุณในครั้งนี้ดีกว่าครั้งไหนๆ
ไม่ว่าจะเป็นประเทศไหนๆ การกล่าวทักทายควรจะต้องมาพร้อมร้อยยิ้มเสมอ แต่จะให้ดีไปกว่านั้นคือให้ลองกล่าวทักทายเป็นภาษาท้องถิ่น เมื่อคนท้องถิ่นได้ยินแบบนั้นอาจจะทำให้เค้าแปลกใจและยิ้มตอบรับมาอย่างเต็มใจก็ได้
ในบางประเทศในยุโรป ระหว่างเพื่อน คนสนิท และครอบครัว จะมีการทักทายกันอย่างหนึ่งที่เรียกว่า "Bisous" (บีซู) เป็นการเอาแก้มไปแนบแก้มหรือการจูบแก้ม 2-3 ครั้งขึ้นอยู่กับวัฒนธรรมของแต่ละประเทศ คุณสามารถพบเห็นการทักทายแบบนี้ได้ทั่วไปโดยเฉพาะในประเทศฝรั่งเศสและประเทศอิตาลี เพราะฉะนั้นไม่ต้องตกใจถ้าหากบังเอิญไปรู้จักเพื่อนใหม่ระหว่างการเดินทางแล้วเค้าเข้ามาใกล้เพื่อที่จะทักทายแบบบีซู เพราะที่นั่นเค้าถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา
นอกจากการทักทายระหว่างคนสนิทและคนรู้จักแล้ว คนแปลกหน้าอย่างเช่นพ่อค้าแม่ค้าหรือพนักงานในร้านค้าหรือร้านอาหารต่างๆก็มักจะมีการทักทายกันตลอดเวลา อย่างเช่นเวลาที่เดินเข้าไปในซุปเปอร์มาเก็ต ร้านอาหาร หรือร้านค้า พนักงานก็จะกล่าวทักทาย และกล่าวคำขอบคุณและบอกลาเมื่อเราเดินออกจากร้านไป
คำว่า "ขอบคุณ" และ "ขอโทษ" มักจะถูกยกนำมาใช้บ่อยครั้งในประเทศในยุโรป ดังนั้นอย่าลังเลที่จะกล่าวขอบคุณและขอโทษในช่วงเวลาที่เหมาะสม และบางครั้ง ถ้าต้องการขอทางหรือต้องเดินออกจากเมโทรหรือรถบัสในช่วงเวลาที่คนเยอะ คุณสามารถกล่าวคำว่า "Excuse me" เพื่อขอทางได้
เมื่อไปถึงที่ร้านอาหาร คุณจะต้องยืนรอเพื่อให้พนักงานมารับไปยังโต๊ะที่ว่าง คุณไม่สามารถเดินเข้าไปนั่งได้เลยเพราะนั่นถือว่าเป็นการเสียมารยาทอย่างมาก ถ้าหากคุณมองเห็นที่นั่งว่างในที่ที่ต้องการจะนั่ง คุณสามารถสอบถามพนักงานได้ว่าไปนั่งที่ตรงนั้นได้หรือไม่ เพราะบางทีอาจจะเป็นโต๊ะที่มีคนจองมาล่วงหน้าก็เป็นได้
และเมื่อได้โต๊ะแล้ว พนักงานจะนำเมนูมาให้เองโดยไม่ต้องเรียกถาม ถ้าหากคิดว่ารอนานจนเกินไปลองสอบถามพนักงานที่เดินผ่านไปมาดูได้ เมื่อเลือกได้แล้วและต้องการสั่งอาหาร ให้รอพนักงานมารับออร์เดอร์เอง โดยพนักงานจะรอเวลาที่เหมาะสมหรือสังเกตุจากการที่เราวางเมนูไว้ข้างตัว คล้ายเป็นสัญญาณบอกว่าเลือกได้แล้ว ไม่ควรยกมือหรือตะโกนเรียกพนักงาน เพราะนั่นถือเป็นการเสียมารยาทอย่างมาก หรือถ้าหากรอนานเกินไปจริงๆ ให้ลองยกมือเรียกแบบไม่สูงมากนัก เป็นการเรียกพนักงานแบบเบาๆ
เวลาที่พนักงานมารับออร์เดอร์ พนักงานมักจะเริ่มจากเมนูเครื่องดื่มก่อนเป็นอันดับแรก แต่ถ้าหากคุณเลือกได้แล้วทั้งเครื่องดื่มและอาหาร ก็สามารถสั่งพร้อมกันในคราวเดียวเลยได้ แต่โดยปกติแล้ว พนักงานจะรับออร์เดอร์เครื่องดื่มก่อน และเมื่อนำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟก็จะทำการรับออร์เดอร์อาหารตามลำดับ
เมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้ว สามารถเรียกขอใบเสร็จจากพนักงานได้จากโต๊ะอาหาร อีกหนึ่งข้อสำคัญเลยก็คือการที่ไม่นำอาหารและเครื่องดื่มจากด้านนอกเข้ามาในร้านอาหาร
ในแต่ประเทศจะมีมารยาทบนโต๊ะอาหารที่แตกต่างกันออกไป โดยเฉพาะประเทศฝรั่งเศสที่ค่อนข้างจะพิถีพิถันเกี่ยวกับมารยาทบนโต๊ะอาหาร ยกตัวอย่างเช่น ไม่ควรยกข้อศอกขึ้นมาเท้าบนโต๊ะอาหาร, ควรวางขนมปังบนโต๊ะอาหาร ไม่ใช่บนจาน, มีดวางไว้ทางขวามือ และส้อมวางไว้ทางซ้ายมือ เป็นต้น อีกตัวอย่างหนึ่งคือในประเทศอังกฤษ การยกแขนข้ามจานอาหารของคนอื่นถือว่าเป็นการเสียมารยาท ทั้งนี้ทั้งนั้น มารยาทเหล่านี้ขึ้นอยู่กับประเทศนั้นๆ แต่ก็มีมารยาทบนโต๊ะอาหารสากลที่ควรรู้เอาไว้
ประเทศในยุโรปมักจะมีมารยาทเบื้องต้นบนโต๊ะอาหารที่คล้ายกันในบางจุด อย่างเช่นร้านอาหารที่เสิร์ฟอาหารหลายคอร์ส หลายคนคงจะออกอาการงงๆว่าต้องใช้ช้อนส้อมมีดอันไหนก่อน ทริคง่ายๆคือการใช้จากด้านนอกเข้ามาด้านใน เมื่อรับประทานอาหารแต่ละจานเสร็จ ให้วางอุปกรณ์ที่ใช้แล้วไว้บนจาน หลังจากนั้นพนักงานจะมาเก็บเอาจานและอุปกรณ์ที่ใช้แล้วออกไปด้วย เพื่อเป็นการเริ่มต้นจานใหม่ด้วยอุปกรณ์ชิ้นใหม่
และเมื่อรับประทานซุปหรือบะหมี่ในประเทศในยุโรป ผู้คนมักจะไม่ส่งเสียงดังกัน
และถ้าหากเกิดไม่สบาย การสั่งน้ำมูกมักจะดูดีกว่าการสูดจมูกเสมอ การสูดจมูกบ่อยๆบนโต๊ะอาหารอาจจะเป็นเสียงที่ไม่น่าฟังเท่าไรนัก
การให้ทิปแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับประเทศนั้นๆ ในปัจจุบันนี้หลายประเทศได้ยกเลิกการให้ทิปแล้ว แต่ก่อนออกเดินทางลองหาข้อมูลดูว่าประเทศที่กำลังจะไปต้องให้ทิปแก่พนักงานไหม และต้องให้เป็นจำนวนเท่าไรจึงจะเหมาะสม
ร้านอาหารบ้างร้านอาจจะเรียกให้จ่ายทิปเพียงแค่เพราะคุณเป็นนักท่องเที่ยว ทั้งที่จริงๆแล้วคุณไม่จำเป็นต้องให้ทิปก็ได้
ภาษามือถือและภาษากายเป็นอีกหนึ่งภาษาที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเมื่อเปรียบเทียบกับภาษามือของแต่ละประเทศ ควรระมัดระวังในการใช้ภาษามือ เนื่องจากภาษามือของเรา อาจจะหมายความเป็นอีกแบบหนึ่งในภาษามือท้องถิ่นก็เป็นได้ ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่ภาษามือนั้นจะมีความหมายที่ไม่ดี ยกตัวอย่างเช่น การทำมือเป็นสัญลักษณ์คำว่า "โอเค" ถือเป็นการดูถูกกันในประเทศฝรั่งเศส หรือในประเทศอิตาลีที่ไม่ควรเอามือจับหูระหว่างที่พูดคุยกับผู้อื่น เพราะนั่นถือว่าเป็นการเสียมารยาท หรือว่าจะเป็นการชู 2 นิ้วที่เรานิยมทำกันเมื่อถ่ายรูป ที่ประเทศอังกฤษนั้นถือว่าเป็นการดูถูกอย่างแรง สืบเนื่องมาจากสงครามร้อยปี (Hundred Years' War) ที่ทหารอังกฤษถูกทหารฝรั่งเศสตัดนิ้วชี้และนิ้วกลางออก เพราะฉะนั้นอย่าไปเผลอชู 2 นิ้วใส่ชาวอังกฤษกันล่ะ
คนไทยยังมีความเชื่อที่แตกต่างกันออกไป เช่นเดียวกันกับคนท้องถิ่นในประเทศต่างๆ ถึงแม้จะเป็นแค่ความเชื่อแต่ก็ถือเป็นสิ่งที่ควรรู้เอาไว้เพราะเราอาจจะไปประพฤติตัวบางอย่างที่ดูไม่ดีต่อความเชื่อของคนท้องถิ่นที่นั่นก็ได้
ประเทศในยุโรปมีความเชื่อบางอย่างที่คล้ายกัน อย่างเช่น การเดินลอดใต้บันได, กระจกแตก, กางร่มในที่ที่มีหลังคา และอีกมากมาย
หน่ึงในนั้นคือการที่ต้องมองตาของอีกฝ่ายเมื่อชนแก้ว และเมื่อทำการชนแก้วกับฝ่ายตรงข้ามหนึ่งต่อหนึ่ง ไม่ควรชนแก้วข้ามแขนผู้อื่น ความเชื่อได้กล่าวไว้อีกว่าถ้าหากไม่ได้มองตาอีกฝ่ายขณะชนแก้ว นั่นจะทำให้คุณมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ดี 7 ปีต่อจากนี้
ส่วนใหญ่แล้วคนมักจะบอกว่าวันศุกร์ที่ 13 เป็นวันไม่ดี แต่ในประเทศสเปน คนสเปนเชื่อว่าวันอังคารที่ 13 ต่างหากที่ไม่ดี และเป็นวันที่โชคร้ายที่สุดของปี คนสเปนจึงเลือกที่จะไม่จัดงานแต่งงานหรือเดินทางไกลในวันอังคารที่ 13
ในประเทศเนเธอร์แลนด์ ถ้าใครจู่ๆร้องเพลงระหว่างรับประทานอาหารขึ้นมา นั่นแปลว่าเป็นการร้องเพลงให้ภูตผีปีศาจ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะร้องเพราะแค่ไหน เก็บความสามารถเอาไว้ก่อนแล้วค่อยไปร้องเพลงเมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้วจะดีกว่า
ขณะที่หลายประเทศเชื่อว่าเลข 4 หรือเลข 13 เป็นเลขไม่ดี แต่ที่ประเทศอิตาลีมองว่าเลข 17 เป็นเลขไม่ดีสำหรับพวกเค้า ที่ประเทศอิตาลีจึงไม่มีตึกชั้นที่ 17 จะข้ามจากชั้น 16 ไปยังชั้น 18 เลย
ประเทศเยอรมันเชื่อว่า การที่ซื้อมีดหรือมอบมีดให้เป็นของขวัญนั้นเป็นการตัดความสัมพันธ์ไม่ว่าจะเป็นระหว่างเพื่อนหรือคนรัก
ที่ประเทศฝรั่งเศส การที่ทำขวดเกลือล้มและหก ถือว่าสัญญาณแห่งความโชคร้าย และเพื่อเป็นการแก้เคล็ด คนที่ทำขวดเกลือหกต้องหยิบเกลือที่หกขึ้นมาแล้วโยนข้ามไหล่ซ้ายไป เป็นการโยนโชคร้ายออกไปจากตัว
นอกจากโชคร้ายแล้วยังมีความเชื่อเกี่ยวกับความโชคดี อย่างที่ประเทศอังกฤษที่เชื่อว่าถ้าได้พบกับแมวดำ เจ้าแมวดำตัวนั้นจะนำโชคดีมาให้
ในประเทศในยุโรป มักจะสังเกตุเห็นได้ว่าเมื่อเดินออกจากประตูร้านค้า ร้านอาหาร หรือประตูทางออกจากรถไฟใต้ดิน ผู้คนมักเหลียวมองด้านหลังว่ามีใครเดินตามมาไหม และมักจะเปิดประตูไว้รอคนข้างหลังเสมอ อย่าลืมเปิดประตูรอให้คนข้างหลังด้วยถ้าหากมีคนเดินตามมา และอย่าลืมที่จะกล่าวขอบคุณพร้อมส่งยิ้มเมื่อมีใครเปิดประตูรอคุณ
ในกรณีที่เดินทางไปยังสถานที่ต่างๆโดยเฉพาะสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ควรเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องแต่งตัวให้เหมาะสมกับสถานที่ ถึงแม้ว่าจะเป็นการเดินทางมาท่องเที่ยวก็ตาม โดยไม่สวมเสื้อไม่มีแขน กางเกงหรือกระโปรงสั้น หรือรองเท้าแตะ และควรถอดหมวกเมื่ออยู่ในที่ร่ม การเคารพวัฒนธรรมของแต่ละประเทศเป็นสิ่งที่สมควรทำเป็นอย่างยิ่ง และการแต่งตัวที่เหมาะสมก็ถือว่าเป็นการแสดงความเคารพวัฒนธรรมของประเทศนั้นอย่างหนึ่ง
อีกหนึ่งสถานที่ที่ควรแต่งตัวให้เหมาะสมก็คือร้านอาหารในโรงแรมหรือร้านอาหารที่ค่อนข้างหรูหรา รวมไปถึงโรงละคร นอกจากเป็นการแสดงความเคารพต่อสถานที่แล้ว ยังเป็นการเข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตามอีกด้วย
ถึงแม้ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยว แต่ก็ควรเคารพกฏกติกาที่แต่ละสถานที่ตั้งไว้ อย่างเช่นที่กล่าวไปข้างต้นเกี่ยวกับมารยาทในการแต่งกาย โดยเฉพาะในสถานที่ที่ศักดิ์สิทธิ์
ตรวจสอบแผนการท่องเที่ยวให้ดี และหลีกเลี่ยงที่จะสวมใส่เสื้อไม่มีแขน กางเกงหรือกระโปรงสั้น และรองเท้าแตะ ในวันที่ต้องเดินทางไปยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ นอกจากเป็นมารยาทที่เหมาะสมและเป็นการแสดงความเคารพต่อสถานที่แล้ว บางสถานที่อาจจะไม่อนุญาตให้คุณเข้าไปด้านในถ้าหากคุณแต่งตัวไม่เหมาะสมอีกด้วย และไม่ควรส่งเสียงดังในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างเช่นในโบสถ์ โดยเฉพาะเวลาที่มีการทำพิธีเกิดขึ้น
ตามสถานที่ที่มีความหมายทางประวัติศาสตร์และพิพิธภัณฑ์ มักจะไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพเพื่อเป็นการรักษาทรัพย์สินทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมเอาไว้ ถ้าหากสังเกตุเห็นป้ายที่เขียนว่า "No Photo" ก็ควรที่จะเคารพกฏกติกาเพื่อช่วยปกป้องรักษาทรัพย์สินเหล่านี้ให้อยู่ไปได้อีกนานๆ
อีกหนึ่งข้อต้องห้ามเลยก็คือ ห้ามขีดเขียนหรือแกะสลักชื่อลงไปตามอนุสาวรีย์หรือรูปปั้นใดๆเด็ดขาด มีอีกหลากหลายทางที่จะจดจำเรื่องราวการท่องเที่ยวครั้งนี้ได้โดยไม่ต้องทิ้งอะไรไว้ข้างหลัง ถ้าหากคุณถูกจับได้ว่าทำลายข้าวของทางประวัติศาสตร์ คุณอาจจะโดนค่าปรับเป็นเงินจำนวนมาก
ไม่ควรนำอาหารและเครื่องดื่มติดตัวเข้าไปในสถานที่ท่องเที่ยว เพราะคุณเองก็คงจะไม่ชอบใจนักถ้าเห็นขยะเหล่านั้นถูกทิ้งไม่เป็นที่เป็นทาง คงจะดีกว่าถ้าสถานที่ท่องเที่ยวนั้นสะอาดน่ามอง
การเดินทางมาท่องเที่ยวต่างประเทศอาจจะทำให้คุณคิดถึงอาหารไทยได้ไม่ยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออาหารในประเทศนั้นๆไม่ถูกปาก คุณอาจจะมีการพกอาหารง่ายมารับประทาน แต่ระวังนิดนึง ถ้าหากเป็นอาหารง่ายๆก็อาจจะไม่เป็นอะไร แต่ถ้าหากเป็นอาหารที่มีกลิ่นแรง นั่นอาจจะรบกวนผู้อื่นได้ เพราะกลิ่นอาหารที่หอมหวนอย่างเช่นทุเรียน กะปิ หรือปลาร้านั้น อาจจะเป็นกลิ่นเหม็นสำหรับผู้อื่นก็เป็นได้
ข้อควรรู้เล็กๆเกี่ยวกับการเข้าพักในโรงแรมหรือที่พักอื่นๆในยุโรปนั่นก็คือ ท่อระบายน้ำจะอยู่ในตู้อาบน้ำหรืออ่างอาบน้ำเท่านั้น จะไม่มีอยู่ในส่วนอื่นๆของห้องน้ำอย่างที่ประเทศไทยมี เพราะฉะนั้นอย่าลืมที่จะปิดม่านให้เรียบร้อยระหว่างอาบน้ำ เพื่อไม่ให้น้ำกระเซ็นออกมาได้
ที่ยุโรป ผู้คนมักจะชอบจัดปาร์ตี้กันที่บ้านการแฮงค์เอ้าท์ ถ้าเดินทางมาท่องเที่ยว มีโอกาสได้พบได้รู้จักเพื่อนใหม่แล้วถูกเชิญชวนไปรับประทานอาหารด้วยกันที่บ้าน มารยาทเบื้องต้นที่ควรทำอย่างแรกเลยก็คือซื้อของเล็กๆน้อยๆติดไม้ติดมือไปฝาก อย่างเช่นไวน์หรือแชมเปญสักขวด หรือของที่ระลึกจากประเทศไทยในกรณีที่ถือติดตัวมา
อีกอย่างหนึ่งที่สำคัญเลยก็คือการแต่งการให้เหมาะสมและมารยาทบนโต๊ะอาหาร แต่งกายให้เหมาะสมกับสถานที่และโอกาสเพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณและความเคารพต่อเจ้าของบ้าน
หรือถ้าหากถูกเชิญชวนไปรับประทานอาหารที่ร้านอาหาร ร้านอาหารส่วนใหญ่สามารถแยกบิลให้ได้เพื่อเป็นการแยกจ่าย หรือบางครั้งเจ้าบ้านอาจจะต้องการเลี้ยงอาหารมื้อนั้น คุณก็สามารถหาซื้อของขวัญเล็กๆน้อยๆติดมือไปเพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณ ในกรณีที่เป็นการนัดเจอกัน โดยทั่วไปแล้วทุกคนจะขอจ่ายแยกบิลและจ่ายในส่วนของอาหารที่ตนสั่งมาเท่านั้น ในกรณีที่อีกฝ่ายเลี้ยงอาหารมื้อนั้น อาจจะมีการชักชวนไปรับประทานอาหารอีกรอบแล้วเลี้ยงคืน
สุดท้ายนี้ วัฒนธรรมที่แตกต่างกันไม่ได้เป็นเรื่องที่ผิด บางอย่างเราอาจจะไม่เข้าใจเพราะสิ่งที่คนท้องถิ่นทำนั้นแตกต่างจากสิ่งที่เราทำอย่างสิ้นเชิง แต่นั่นคือวัฒนธรรมที่คนท้องถิ่นปฏิบัติกันมาเป็นเวลานาน ดังนั้น จึงควรเคารพความแตกต่างทางวัฒนธรรม และเปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ บางครั้งเราไม่อาจรู้เลยว่า สิ่งที่เรากำลังจะพูดออกไปนั้น อาจจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างละเอียดอ่อนสำหรับคนท้องถิ่นในประเทศนั้นๆก็ได้ อีกท้ังยังมีมารยาทบนโต๊ะอาหาร มารยาทในการกล่าวทักทาย และอีกมากมาย