หลังจากที่ได้รับวีซ่าแสตมป์ติดมาในพาสปอร์ตแล้ว ไม่ว่าจะเป็นวีซ่าเชงเก้น (Schengen) สำหรับยุโรป หรือวีซ่าสำหรับสหราชอาณาจักร (The United Kingdom) เรื่องต่อไปที่ต้องมาวางแผนกันต่อเลยก็คือการเดินทาง แน่นอนเลยว่า การเดินทางนี่แหละ ไม่ว่าจะเป็นระหว่างประเทศหรือในประเทศ การเดินทางเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางโดยเครื่องบิน รถไฟ รถบัส รถยนต์ หรือแม้กระทั่งการเดินทางโดยระบบขนส่งสาธารณะของประเทศนั้นๆ
คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าการเดินทางที่เร็วที่สุดคือการเดินทางด้วยเครื่องบินนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางข้ามประเทศหรือในประเทศ ส่วนใหญ่แล้วสนามบินที่รองรับเที่ยวบินข้ามทวีปนั้นมักจะตั้งอยู่ในเมืองหลวง ห่างจากตัวเมือง นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีสนามบินเล็กๆที่รองรับเที่ยวบินจากประเทศเพื่อนบ้านหรือเที่ยวบินภายในทวีปยุโรปตั้งอยู่ที่อีกฝั่งหนึ่งของเมืองอีกเช่นกัน เพราะฉะนั้น ถ้าหากเลือกที่จะเดินทางด้วยเครื่องบิน ควรจะต้องเผื่อเวลาในการเดินทางจากตัวเมืองไปยังสนามบินอีกด้วย ซึ่งส่วนใหญ่มักจะใช้เวลาประมาณ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมงในการเดินทาง ขึ้นอยู่กับสถานที่
ทริคเล็กๆในการหาตั๋วเครื่องบินราคาถูกนั้น คือให้ไปยังเว็บไซต์ Skyscanner ซึ่งเป็นเว็บไซต์เปรียบเทียบราคาตั๋วเครื่องบินจากสายการบินต่างๆทั่วโลก ในจุดหมาย วันที่ และเวลาที่เราต้องการ ตัวเลือกนั้นมีให้เลือกหลากหลาย คุณสามารถปรับแต่งความต้องการของคุณได้มากมาย อาทิเช่น จุดพัก เวลาออกเดินทาง ระยะเวลาเดินทาง สายการบิน และสนามบิน หนึ่งในสายการบินที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในการเดินระหว่างทวีปยุโรปนั้นคือ RyanAir, Vueling และ EasyJet โดยสายการบินเหล่านี้มักจะมีราคาถูกกว่าสายการบินอื่นๆที่ให้บริการ นอกจากนี้ยังสามารถเข้าไปตรวจสอบข้อมูลราคาของตั๋วเครื่องบิน รวมไปถึงรถไฟและบริการให้คำปรึกษาในการเดินทางไปต่างประเทศได้ที่ STA Travel
อย่าลืมว่าถ้าเดินทางด้วยเครื่องบิน นอกจากจะต้องเผื่อเวลาในการเดินทางจากตัวเมืองไปยังสนามบินแล้ว ก็ยังต้องเผื่อเวลาเพื่อไปถึงสนามบินก่อนเวลาบินอย่างน้อย 2 ชั่วโมงด้วย เพราะยังมีอีกหลากหลายขั้นตอน เช่นขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมือง และ security check ถ้าโชคดีผ่านขั้นตอนเหล่านี้เข้าไปได้อย่างรวดเร็ว ก็สามารถไปเดินช้อปปิ้งที่ร้านค้าปลอดภาษีด้านในได้
หลังจากที่ล้อเครื่องบินแตะพื้นแล้ว การเดินทางอีกรูปแปปหนึ่งที่มีประสิทธิภาพและสะดวกสบายมากที่สุดก็คือการเดินทางด้วยรถไฟ ทั้งง่าย และเข้าถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นภายในประเทศต่างๆในยุโรปหรือสหราชอาณาจักร โดยแต่ละประเทศนั้นจะมีบริษัทรถไฟเป็นของตัวเองที่ให้บริการรถไฟภายในประเทศ การที่จะจองตั๋วรถไฟให้ได้ในราคาที่เหมาะสมนั้น ควรจะต้องจองล่วงหน้าเป็นเวลานาน เนื่องจากการใช้งานและความนิยมในการเดินทางโดยรถไฟในหมู่นักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่นนั้นมีมาก อย่างไรก็ตาม ตั๋วรถไฟจะมีราคาที่สูงในช่วงเวลาเร่งรีบมากกว่าช่วงเวลาปกติ (เย็นวันศุกร์และเย็นวันอาทิตย์) และในช่วง high season เพราะฉะนั้น การวางแผนล่วงหน้าจะเป็นการดีที่สุด เพื่อให้ได้ราคาที่ถูกลง
นอกจากบริษัทรถไฟของแต่ละประเทศแล้ว ยังมีตั๋วรถไฟอีก 2 แบบที่คุณสามารถขึ้นรถไฟคันไหนก็ได้ เวลาไหนก็ได้ จากที่ไหนก็ได้ เรียกได้ว่าสะดวกสบาย ช่วยประหยัดเวลาในการวางแผนท่องเที่ยว ประหยัดเงิน และเป็นที่นิยมเป็นอย่างมากเช่นกัน
INTERRAIL
บัตร Interrail Pass เป็นบัตรรถไฟสำหรับพลเมืองของประเทศในทวีปยุโรป (ทั้งนี้รวมไปถึงพลเมืองยุโรป และผู้ที่ไม่ใช่พลเมืองยุโรปแต่มีหลักฐานถิ่นพำนักอาศัยในประเทศในยุโรป) เพื่อให้สามารถท่องเที่ยวได้อย่างสะดวกสบาย ขึ้นรถไฟคันไหนก็ได้เพื่อไปยังสถานที่ที่ต้องการ มีเส้นทางครอบคลุมกว่า 40,000 จุดหมายปลายทางโดย 37 บริษัทรถไฟและเรือเฟอร์รี่ใน 30 ประเทศทั่วยุโรป! โดยบัตร Interrail Pass นั้นครอบคลุมเกือบทุกบริษัทรถไฟในทวีปยุโรป คุณเพียงแค่แสดงบัตร Interrail Pass ของคุณ ขึ้นรถไฟ ชมวิวข้างทางไปเรื่อยจากหน้าต่างรถไฟ และรอเวลาเพื่อให้ไปถึงจุดหมายปลายทาง ง่ายๆแค่น้ี
บัตร Interrail Pass ประกอบไปด้วยบัตร 3 ประเภทด้วยกัน:
(1) Interrail Global Pass (เริ่มต้นที่ 208€)
เหมาะสำหรับใครที่ต้องการเดินทางท่องเที่ยวไปในหลายๆประเทศ โดยบัตรนี้ครอบคลุมถึง 30 ประเทศทั่วยุโรป และข่าวดีก็คือบัตรนี้สามารถขึ้นรถไฟ Eurostar ที่เดินทางระหว่างกรุงปารีส, ลอนดอน, อัมสเตอร์ดัม และบรัสเซลส์ได้ด้วย โดยระยะเวลาของบัตรนี้มีให้เลือกตั้งแต่ 5 วัน ไปจนถึง 1 เดือนเต็ม ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละคน กระซิบว่ามีส่วนลดพิเศษสำหรับนักท่องเที่ยวอายุต่ำกว่า 27 ปีด้วย
(2) Interrail One Country Pass (เริ่มต้นที่ 51€)
ใครที่ชอบเที่ยวประเทศเดียวแบบลึกซึ้ง ไปทุกซอกทุกมุมที่ไม่เคยไป ศึกษาวัฒนธรรมใหม่ๆ แนะนำว่าต้องเป็นบัตรนี้ที่คุณสามารถเดินทางภายในประเทศในฝันได้อย่างไม่จำกัด มีตัวเลือกทั้งหมด 30 ประเทศด้วยกัน โดยประเทศที่ได้รับความนิยมในขณะนี้นั้นก็คือ อิตาลี, สวิตเซอร์แลนด์, เบเนลักซ์ (เบลเยี่ยม, เนเธอร์แลนด์ และลักเซมเบิร์ก 3 ประเทศในครั้งเดียว!), ฝรั่งเศส, เยอรมัน และนอร์เวย์ เลือกประเทศที่คุณต้องการแล้วไปกันเลย!
(3) Interrail Premium Pass (เริ่มต้นที่ 124€)
ขึ้นต้นมาก็มีคำว่า "พรีเมี่ยม" ก็น่าจะรู้กันแล้วว่าบัตรนี้ต้องพิเศษ โดยบัตรนี้คุณสามารถเดินทางได้อย่างสบายใจโดยไม่ต้องกังวลว่ารถไฟคันที่คุณต้องการจะขึ้นนั้นจะมีที่นั่งมั้ย เพราะว่าคุณสามารถจองที่นั่งล่วงหน้าได้เลย ฟรี! ไม่ต้องจ่ายค่าจองเพิ่งเติม และเด็กที่เดินทางกับผู้ใหญ่ที่ถือบัตรนี้ก็สามารถเดินทางได้ฟรีเช่นกัน
Interrail Pass สามารถสั่งซื้อได้ทางออนไลน์เท่านั้นผ่านเว็บไซต์ www.interrail.eu/en/interrail-passes.
EURAIL
บัตร Eurail Pass นั้นคล้ายกับบัตร Interrail Pass หากแต่ว่า Eurail Pass นั้นเป็นบัตรรถไฟสำหรับผู้ที่ไม่ใช่พลเมืองยุโรปและมีถิ่นพำนักอาศัยนอกยุโรป Eurail Pass ครอบคลุมทั้งหมด 28 ประเทศในยุโรปด้วยกัน น้อยกว่าที่ Interrail Pass ครอบคลุมนิดหน่อย แต่เชื่อว่าก็มากพอให้คุณได้สำรวจกัน และถ้าหากคุณอายุมากกว่า 28 ปีและเดินทางเป็นคู่หรือเป็นกลุ่ม ทาง Eurail Pass ยังมีส่วนลดให้อีก 15% เพราะฉะนั้นจะรออะไรเล่า จองเลย
บัตร Eurail Pass ประกอบไปด้วยบัตร 3 ประเภทด้วยกัน:
(1) Eurail Global Pass (เริ่มต้นที่ 307€)
ใครชอบความแอดเวนเจอร์ สำรวจเส้นทางใหม่ๆ บัตรนี้บัตรเดียวครอบคลุมทั้งหมด 28 ประเทศด้วยกัน ระยะเวลามีให้เลือกตั้งแต่ทริปสั้นๆ 5 วัน ไปจนถึงทริปยาวๆ 3 เดือน แพ็คกระเป๋าแล้วออกเดินทางกันเลย!
(2) Eurail Select Pass (เริ่มต้นที่ 133€)
บัตรนี้ค่อนข้างพิเศษสักหน่อยตรงที่สามารถเลือกที่จะเดินทางไปยัง 2-4 ประเทศที่มีพรมแดนติดกันภายใน 27 ประเทศตัวเลือก โดยคุณสามารถเลือกประเทศไหนก็ได้ที่คุณต้องการ และเลือกจำนวนวันที่คุณต้องการเดินทาง เพียงเท่านั้นก็ออกเดินทางไปได้เลย หรือถ้ายังเลือกไม่ได้ว่าจะไปที่ไหนดี Eurail Pass ก็มีตัวเลือกจากประเทศที่ได้รับความนิยม อีกอย่างหนึ่งเลยคือบัตรนี้ไม่ได้ขึ้นได้แค่รถไฟเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงเรือเฟอร์รี่อีกด้วย ลองคิดดูว่าถ้าคุณกำลังล่องเรือจากประเทศอิตาลีไปยังประเทศกรีซ วิวจะสวยและโรแมนติคแค่ไหน
(3) Eurail One Country Pass (เริ่มต้นที่ 53€)
เลือกมาเลย 1 ประเทศที่อยากไปจาก 27 ประเทศตัวเลือก แล้วใช้เวลาท่องเที่ยวให้เต็มที่ ดื่มด่ำไปกับวัฒนธรรมที่แปลกใหม่ อาหาร ผู้คน และอีกมากมาย ประเทศที่ได้รับความนิยมสูงสุดก็คือ อิตาลี, ฝรั่งเศส, สเปน, เบเนลักซ์, โปรตุเกส และสวีเดน
Eurail Pass สามารถสั่งซื้อได้ทางออนไลน์เท่านั้นผ่านเว็บไซต์ www.eurail.com/en/eurail-passes.
ถ้าหากรถไฟยังไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด หรือราคาตั๋วรถไฟนั้นแพงเกินไป แนะนำว่าการเดินทางโดยรถบัส ก็เป็นความคิดที่ไม่เลวนัก โดยส่วนมากแล้ว ราคาตั๋วรถบัสจะมีราคาถูกกว่าจั๋วรถไฟอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็มีข้อเสียตรงที่การเดินทางโดยรถบัสจะใช้เวลานานกว่ารถไฟมาก ในทวีปยุโรปนั้นมีบริษัทรถบัสที่ให้บริการหลากหลาย โดยหลักๆก็จะมี FlixBus, OUIBUS, Eurolines และ National Express หรือถ้าหากเลือกไม่ถูกหรือไม่รู้ว่าเจ้าไหนให้ราคาที่ดีกว่า เข้าไปที่เว็บไซต์ ComparaBus หรือ GoEuro ได้เลย โดยทั้ง 2 เว็บไซต์นี้จะช่วยเปรียบเทียบราคาตั๋วรถบัสให้ ในสถานที่ จุดมุ่งหมาย วันที่ และเวลาที่คุณต้องการ
อีกหนึ่งตัวเลือกก็คือ "night bus" หรือรถบัสกลางคืน ที่มักจะเริ่มต้นการเดินทางในช่วงพลบค่ำหรือดึก และไปถึงจุดมุ่งหมายในช่วงเช้า การเดินทางด้วยรถบัสกลางคืนนี้คุณจะต้องใช้ชีวิตในคืนนั้นบนรถบัส ซึ่งข้อดีของการเดินทางแบบนี้ก็คือเป็นการประหยัดค่าตั๋วรถไฟที่แสนแพงและค่าที่พักไปได้ในตัว
เมื่อเดินทางมาถึงจุดมุ่งหมายหรือเมืองในฝันของคุณแล้ว การเดินทางในขั้นตอนต่อไปก็จะเป็นการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะของเมืองนั้นๆ โดยส่วนใหญ่ประเทศในยุโรปนั้นระบบขนส่งสาธารณะจะประกอบไปด้วย รถไฟใต้ดิน /เมโทร (หรือ Tube ที่ชาวอังกฤษเรียกกัน), แทรม และรถบัส โดยบางเมืองอาจจะมีสกู๊ตเตอร์และจักรยานให้เช่าตามจุดต่างๆในตัวเมือง ไม่ต้องห่วงไปว่าจะเดินทางยังไง เพราะเทคโนโลยีสมัยนี้ทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้นมาก เพียงแค่โหลดแอพพลิเคชั่นหรือเข้าไปที่เว็บไซต์ Citymapper แล้วใส่สถานที่ที่เราต้องการจะไป เพียงเท่านี้มันก็จะช่วยหาทางที่เร็วที่สุดและดีที่สุด เพื่อให้เราไปยังสถานที่นั้นๆได้อย่างสะดวกสบาย
Citymapper นั้นสามารถใช้ได้ใน 39 เมืองใน 19 ประเทศทั่วโลก โดยในยุโรปนั้นสามารถใช้ได้ที่ประเทศอังกฤษ (ลอนดอนและเบอร์มิงแฮม), ฝรั่งเศส (ปารีสและลียง), เบลเยี่ยม (บรัสเซลส์), เนเธอร์แลนด์ (อัมสเตอร์ดัม, รอทเธอดาม, เดอะเฮก, อูเทรคต์ และ Randstad), เยอรมัน (ดึสเซิลดอร์ฟ, ฮัมบูร์ก และเบอร์ลิน), อิตาลี (มิลานและโรม), เดนมาร์ก (โคเปนฮาเกน), สวีเดน (สต็อกโฮล์ม), สเปน (บาร์เซโลน่าและมาดริด), โปรตุเกส (ลิสบอน), ตุรกี (อิสตันบูล) และรัสเซีย (เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กและมอสโก)
นอกจากแอพพลิเคชั่นที่จะเป็นผู้ช่วยที่ดีมากๆแล้วนั้น ยังมี "Pass/Card" หรือตั๋ว/บัตรสำหรับประเทศหรือเมืองต่างๆ ที่จะทำให้คุณสามารถเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะฟรีและไม่จำกัดรอบ ในระยะเวลาที่กำหนด มากไปกว่านั้นยังสามารถเข้าสถานที่ท่องเที่ยวและพิพิธภัณฑ์ต่างๆได้ฟรี หรือมีส่วนลดพิเศษอีกด้วย ส่วนลดยังสามารถใช้ได้กับโรงแรม ร้านอาหาร และอีกหลากหลาย ยกตัวอย่างเช่น I amsterdam City Card สำหรับเมืองอัมสเตอร์ดัม, Copenhagen Card สำหรับเมืองโคเปนฮาเกน และ Lisboa Card สำหรับเมืองลิสบอนเป็นต้น
อีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับใครที่เดินทางกันเป็นกลุ่มใหญ่ การเดินทางที่ถูกที่สุดคือการเช่ารถขับ ขับไปเรื่อยๆ ชมวิวข้างทาง ร้องเพลงกันอย่างสนุกสนาน โดยบริษัทเช่ารถที่ให้บริการในยุโรปมีอยู่หลายบริษัทด้วยกัน หลักๆคือ Hertz, Avis, Europcar, Budget, Enterprise, Dollar และ Thrifty แต่ถ้าหากเลือกไม่ถูกว่าจะใช้บริการเจ้าไหนดี ใครให้ราคาดีกว่ากัน แค่เข้าไปเปรียบเทียบราคารถเช่าที่เว็บไซต์ Rentalcars ได้เลย เพื่อเป็นการประหยัดงบการท่องเที่ยวไปได้อีก
อายุขั้นต่ำของผู้ขับขี่จะต้องอยู่ระหว่าง 21-70 ปี แต่ถ้าหากใครอายุต่ำว่า 25 ปีจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมสำหรับ Young Driver เพิ่มเติมด้วย การที่จะขับขี่ในประเทศในยุโรปได้นั้น คุณจะต้องถือใบขับขี่สากล (Internationa Driving License) อีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญเลยก็คือ อย่าลืมเช็คว่าประเทศที่คุณกำลังจะไปนั้น ขับรถพวงมาลัยด้านซ้ายหรือด้านขวา เพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน