เมืองท่า FECAMP

เดินทางโดยเส้นทางปีนเขาจาก Etretat

Fécamp เป็นเมืองท่าเล็กๆในแคว้นนอร์มังดี ไม่ไกลจาก Étretat เมืองนี้มีชื่อเสียงมาจากความอุดมสมบูรณ์ของอาหารทะเลโดยเฉพาะปลาค็อด (Codfish) และปลาเฮร์ริ่ง (Herring fish) อีกทั้งยังมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เป็นเครื่องดื่มพื้นเมือง ทำมาจากสมุนไพร ชื่อว่า Bénédictine ที่มีชื่อเสียงเช่นกัน

 

เส้นทางปีนเขาท่ามกลางธรรมชาติจาก ETRETAT

การเดินทางจาก Étretat ไปยัง Fécamp โดยส่วนใหญ่แล้ว ผู้คนมักจะนิยมปีนเขา (Hiking) ไปกันตามทางปีนเขาบนหน้าผาหินขาวชื่อว่า "GR21" โดยเป็นเส้นทางปีนเขาระยะไกลในแคว้นนอร์มังดี โดยเส้นทาง GR21 เป็นหนึ่งในเส้นทางปีนเขาใน GR Network โดย GR21 จะเริ่มต้นจาก Le Havre เมืองใหม่ที่เพิ่งถูกสร้างขึ้นหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยคุณสามารถเลือกที่จะเริ่มต้นที่ Le Havre แล้วมุ่งหน้าไปทางเหนือไปยัง Fécamp ผ่านทาง Étretat หรือว่าจะเริ่มต้นที่ Étretat ไปยัง Fécamp ก็ได้ โดยจาก Étretat ไปยัง Fécamp จะใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมง เตรียมรองเท้าปีนเขามาให้พร้อมเพราะเส้นทางที่จะปีนมีเนินเขา 45 องศาด้วย เรียกได้ว่าไม่ได้เป็นเส้นทางแอดเวนเจอร์เบาๆ

 

ระหว่างทางก็จะเห็นวิวหน้าผาหินขาวและทะเล บรรยากาศดีๆแบบนี้จะช่วยทำให้ยิ่งมีกำลังกายและกำลังใจในการปีนเขาต่อไป โดยหน้าผาที่เห็นอยู่นี้มีชื่อว่า "Alabaster Coast" (Côte d'Albâtre) ตั้งชื่อมาจากสีขาวสะอาดของตัวหน้าผานั่นเอง

 

และในที่สุดก็มาถึงจุดหมายปลายทางที่ Fécamp หลังจากปีนเขามากว่า 4-5 ชั่วโมง ลองไปสำรวจเมืองท่าเล็กๆเมืองนี้กัน

 

เดินลงมาจากเส้นทางปีนเขา ก็จะพบกับถนนที่ตัดเลียบริมทะเล มีร้านอาหาร Le Reidroc ที่เต็มไปด้วยคนท้องถิ่นตั้งอยู่ หลังจากที่ปีนเขามาตลอดเช้านี้ ให้รางวัลตัวเองด้วยอาหารท้องถิ่นจากนอร์มังดีสักมื้อเพื่อเติมเต็มพลังงานที่หายไป

 

บรรยากาศเมือง FECAMP อันแสนสบาย

ในช่วงฤดูร้อน อากาศจะค่อนข้างเย็นสบาย แนะนำว่าให้นั่งเลือกโต๊ะด้านนอก นั่งรับประทานอาหาร รับแดดอุ่นๆ พลางชมวิว Alabaster Coast ไปเพลินๆ

 

ASSIETTE DE TOMATE MOZZARELLA A L'HUILE D'OLIVE ET AU BASILIC

อาหารจากเรียกน้ำย่อย เริ่มต้นด้วยมะเขือเทศสดและชีสมอสซาเรลล่า ราดด้วยน้ำมันมะกอกและบัลซามิก เสิร์ฟมาในจานใหญ่ เหมาะสำหรับรับประทาน 2 คน

 

LES MOULES NORMANDES

และที่พลาดไม่ได้คือจานหลักจานนี้ อาหารท้องถิ่นนอร์มังดีที่ผู้คนนิยมรับประทานกัน โดยมีหอยแมลงภู่ที่นำไปอบพร้อมกับครีม เนย และใบ Cadar เมื่อรับประทานหอยหมดแล้วยังเหลือน้ำซุปไว้รับประทานคู่กับขนมปังและมันฝรั่งทอด เป็นอันจบจานหลักอย่างสมบูรณ์แบบ

 

ASSIETTE DU PECHEUR

อีกหนึ่งจานที่ไม่สั่งไม่ได้ก็คือ Fisherman's Plate ซึ่งจะเต็มไปด้วยอาหารทะเลสดๆ โดยมีหอยนางรมเป็นพี่ใหญ่ของจาน เพราะแคว้นนอร์มังดีรวมกับเมืองฝั่งชายแดนประเทศเบลเยี่ยมในฝั่งตะวันออกนั้น เป็นผู้ผลิตหอยนางรมรายใหญ่ถึง 25% ให้ประเทศฝรั่งเศส เรียกได้ว่า ถ้ามาที่นี่แล้วไม่ได้รับประทานหอยนางรมนี่เรียกว่ามาไม่ถึง

 

หลังจากอิ่มท้องจากร้านอาหาร Le Reidroc แล้ว ก็ไปต่อกันที่ Tourist Office เพื่อไปขอข้อมูลเพิ่มเติมและแผนที่เมืองนี้ โดยออฟฟิศตั้งอยู่ที่ใจกลางเมือง

 

Fecamp มีอะไรน่าเที่ยวบ้าง?

1

PALAIS BENEDICTINE

ที่วิหารประจำเมือง Fécamp นั้น มีเรื่องเก่าเล่าขานกันมาว่าพระ Benedictine และนักเล่นแร่แปรธาตุนามว่า Dom Bernardo Vincelli ได้ร่วมกันพัฒนายาอายุวัฒนะขึ้นมาอย่างลับๆ โดยจากเรื่องที่เล่ากันมาช้านาน ทำให้ในปี 1863 พ่อค้าไวน์อย่าง Alexandre Le Grand คิดค้นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขึ้นมา แล้วตั้งชื่อว่า "Benedictine" และได้สร้าง Palais Benedictine ขึ้นมาเพื่อเป็นเกียรติแก่เครื่องดื่ม Bénédictine ที่เขาสร้างขึ้นมา และครื่องดื่ม Bénédictine ก็ถูกผลิตขึ้นที่นี่ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

 

2

MUSEE DES PECHERIES

เนื่องจากเป็นเมืองท่า อยู่ติดกับทะเล ก็จะมีพิพิธภัณ์ชาวประมงตั้งอยู่ โดยพิพิธภัณฑ์นี้แบ่งออกเป็น 5 ส่วนหลักในพื้นที่กว่า 5,000 ตารางเมตร นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับ Sealife, History, Fine Art, Childcare และ Ethnography

 

ที่อยู่: 3 Quai Capitaine Jean Recher, 76400 Fécamp

เวลาทำการ:  เปิดทุกวัน 11:00-17:30 (ปิดทุกวันอังคาร)

ราคา: ตั้งแต่ 4-7€ (Audio Guide จ่ายเพิ่ม 2€ ต่อคน)

 

O'bon Paris' tip

ถ้าใครไม่ใช่สายปีนเขา ก็จะมีรถบัสให้บริการระหว่างทาง Le Havre-Étretat-Fécamp โดยจาก Étretat ไปยัง Fécamp ใช้เวลาประมาณ 30 นาที

 


เรื่อง: Aphinya Kasemsukphaisan

ภาพ: Leona Fujii

เมืองท่า FECAMP

การเดินทาง

Paris - Le Havre - Etretat: นั่งรถไฟจากสถานีรถไฟ Saint-Lazare ไปยังสถานี Le Havre (ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 10 นาที) หลังจากนั้นนั่งรถบัสสาย 24 จากสถานี Le Havre ไปยังสถานี Etretat (ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง)

Paris - Bréauté-Beuzeville - Etretat: นั่งรถไฟจากสถานีรถไฟ Saint-Lazare ไปยังสถานี Bréauté-Beuzeville (ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 50 นาที) หลังจากนั้นนั่งรถบัสสาย 17 จากสถานี Bréauté-Beuzeville ไปยังสถานี Etretat (ใช้เวลาประมาณ 40 นาที) (ตั้งแต่เดือนเมษายนถึงตุลาคม)

***หมายเหตุ: เนื่องจากรถบัสจะไม่ได้มีมาบ่อยนัก แนะนำว่าควรเช็คตารางรถล่วงหน้าก่อนออกเดินทางเพื่อความสะดวกสบาย เช็คตารางรถบัสได้ที่นี่