ย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 12 จนมาถึงศตวรรษที่ 18 กษัตริย์แห่งประเทศฝรั่งเศสต่างก็ใช้พระราชวังฟงแตนโบล (Château de Fontainebleau) แห่งนี้เป็นที่พำนักอาศัย ปัจจุบันนี้พระราชวังฟงแตนโบลได้เปิดให้สาธารณะชนได้เข้าชมเพื่อรับรู้เรื่องราวประวัติศาสตร์และความเป็นมาในสมัยก่อน อีกทั้งเปิดให้ได้เข้าไปสัมผัสความยิ่งใหญ่ อลังการ และหรูหราของพระราชวังแห่งนี้อีกด้วย โดยพระราชวังนี้มีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมาจากการที่จักรพรรดินโปเลียนที่ 1 (Napoleon I) ได้เข้ามาอาศัยอยู่ที่นี่ ทำให้สามารถดึงดูดเอานักท่องเที่ยวและชาวฝรั่งเศสให้เดินทางไปท่องเที่ยวที่นี่อีกด้วย สำหรับใครที่ถือบัตร Navigo Pass นั้นสามารถเดินทางไปยังพระราชวังฟงแตนโบลได้ฟรี
เมื่อเดินเข้าไปด้านใน คุณจะพบกับห้อง Chinese Museum ที่ตีนบันไดทางเข้า เหตุที่ห้องนี้ถูกเรียกว่า Chinese Museum นั่นก็เป็นเพราะว่าข้าวของเครื่องใช้โบราณที่ประดับตกแต่งอยู่ในห้องนี้ รวมไปถึงเฟอร์นิเจอร์และภาพวาดมากมาย ล้วนแล้วแต่มาจากประเทศจีนทั้งสิ้นเมื่อสมัยศตวรรษที่ 19 เมื่อครั้งประเทศอังกฤษและประเทศฝรั่งเศสมีอำนาจสูงสุดในประเทศจีน
เดินทางมาถึงอีกหนึ่งห้อง ซึ่งเป็นห้องที่พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 (Louis XVI) ได้มอบให้พระนางมารี อ็องตัวแน็ต (Marie Antoinette) โดยได้ทำการตกแต่งห้องให้อย่างสวยหรูในสไตล์ตุรกี แต่เนื่องจากสงครามปฏิวัติฝรั่งเศส (French Rovolution) ได้ทำให้ห้องนี้ได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก แต่ก็ได้รับการรีโนเวทอีกครั้งโดยจักพรรดินโปเลียนที่ 1 หลังจากนั้นจึงได้ยกห้องนี้ให้แก่ภริยา พระนางโยเซฟิน เดอ โบอาร์แน (Joséphine de Beauharnais)
ห้องนี้เป็นห้องบรรทมของราชินีในสมัยนั้น ซึ่งมีการตกแต่งได้อย่างละเอียดพิถีพิถัน เชื่อว่าใครได้เข้าไปเห็นก็จะต้องตกตะลึงในความอลังการของห้องนี้ แรกเริ่มเดิมที ห้องนี้ถูกตกแต่งตามคำสั่งของพระนางมารี อ็องตัวแน็ต แห่งพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ครั้งก่อนเกิดสงครามปฏิวัติฝรั่งเศส หากแต่ว่าพระนางเองไม่เคยมีโอกาสได้ใช้ห้องที่พระนางตั้งใจตกแต่งเลย
แท่นประทับในห้องบัลลังก์ที่ตั้งอยู่ตรงกลางนั้น ถือว่าเป็นแท่นประทับเพียงหนึ่งเดียวที่หลงเหลืออยู่ในประเทศฝรั่งเศส ด้านบนมีการตกแต่งให้ดูสมฐานะ อีกทั้งยังมีตราสัญลักษณ์ของกษัตริย์โดยมีรูปมงกุฎ คทา ดาบ และอีกมากมาย รวบรวมอยู่ในตราสัญลักษณ์นั้น แรกเริ่มเดิมที ห้องนี้ถูกใช้เป็นห้องบรรทมของราชาหรือผู้มีอำนาจสูงสุด แต่ว่าหลังจากที่จักพรรดินโปเลียนได้เข้ามาพำนักที่นี่ ห้องนี้ก็ได้ถูกเปลี่ยนเป็นห้องบัลลังก์ไปโดยปริยาย
ย้อนกลับไปเมื่อสมัยศตวรรษที่ 16 ในขณะที่ยุคเรเนซองส์ (Renaissance) เพิ่งถือกำเนิดขึ้นไม่นานในประเทศอิตาลี พระราชวังฟงแตนโบลได้รับการซ่อมแซมและรีโนเวทภายใต้คำสั่งของพระเจ้าฟร็องซัวที่ 1 (François I) ซึ่งพระองค์ได้มีการอุปถัมภ์และสนับสนุนเหล่าวรรณกรรมและศิลปะแขนงต่างๆเอาไว้เพื่อเป็นการไม่ให้วัฒนธรรมของประเทศฝรั่งเศสนั้นล้าหลังไปกว่าประเทศอื่นๆ มากไปกว่านั้น ห้องจัดแสดงผลงานศิลปะห้องนี้ ยังเคยเป็นห้องที่จัดแสดงผลงานโมนาลิซ่า (Mona Lisa) ผลงานชื่อดังระดับโลกอีกด้วย
ห้อง Galerie de Diane ถือเป็นห้องโถงขนาดใหญ่และยาวที่สุดในพระราชวังนี้ โดยมีความยาวถึง 80 เมตร โดยได้ตั้งชื่อห้องตามเทพเจ้ากรีกโบราณ ชื่อ "Diane" หรือเทพีไดแอนานั้น เป็นชื่อโรมันของเทพีอาร์เทมีส (Artemis) ในเทพเจ้ากรีกโบราณ ซึ่งเป็นเทพีแห่งการล่าสัตว์และพระจันทร์ เมื่อมองขึ้นไปยังภาพเขียนบนเพดานแล้ว จะพบกับภาพเขียนมากมายที่บอกเล่าเรื่องราวของเทพีอาร์เทมีส ห้องโถงที่ดูโอ่โถงสวยงามห้องนี้ ใครเล่าจะรู้ว่าในช่วงสงครามปฏิวัติฝรั่งเศส ห้องนี้ได้ถูกใช้เป็นห้องคุมขังนักโทษเนื่องจากมีขนาดใหญ่ เพียงพอในการคุมขัง นอกจากนั้นแล้ว ห้องนี้ยังถูกเรียกว่า "Queen's Gallery" อีกด้วย เนื่องจากทางเดินนี้นำไปยังห้องบรรทมของราชินี
แต่เดิมห้องนี้เคยเป็นห้องของผู้สำเร็จราชการ Anne d'Autriche แต่เมื่อครั้งที่พระสันตะปาปาได้มาพำนักที่ห้องนี้เป็นการชั่วคราวถึง 2 ครั้ง ทำให้ห้องนี้ได้กลายเป็นที่พักของพระสันตะปาปาไปโดยปริยาย หลังจากนั้นจักรพรรดินโปเลียนที่ 3 (Napoleon III) และราชินี Queen Eugenie ก็ได้มีคำสั่งให้ตกแต่งห้องใหม่ โดยได้มีการรับสั่งให้เดวิด (David) จิตรกรฝีมือดีที่สุดในสมัยนั้นมาเป็นผู้ออกแบบและเขียนภาพให้
ถ้าหากใครเคยไปที่พระราชวังแวร์ซาย (Chateau de Versailles) แล้วและชื่นชอบความอลังการและประวัติศาสตร์ของประเทศฝรั่งเศส ก็ไม่ควรพลาดที่จะมาเข้าชมที่พระราชวังฟงแตนโบลเช่นกัน ความสวยงาม หรูหรา และโอ่โถงนั้นไม่แพ้ที่พระราชวังแวร์ซายเลยทีเดียว และทุกๆเดือนเมษายนนี้ จะมีเหล่านักแสดงมาแต่งตัวเป็นจักพรรดินโปเลียนที่ 1 และทหารในศตวรรษที่ 18 เดินทักทายผู้คนเพื่อสร้างสีสันรอบๆพระราชวัง ในปี 2019 นี้ ขบวนทหารจะออกมาเดินเล่นทักทายในวันที่ 20-21 เมษายน ห้ามพลาดกันเลย
เรื่อง: Aphinya Kasemsukphaisan
ภาพ: Vincent Sacau
ที่อยู่: Le Château de Fontainebleau, 77300 Fontainebleau
การเดินทาง: รถไฟ Transilien สาย R จากสถานีรถไฟ Gare de Lyon ไปยังสถานี Fontainebleau Avon หลังจากนั้นต่อรถบัส ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 2 ชั่วโมง
เวลาทำการ:
ปราสาท - เดือนตุลาคมถึงมีนาคม 09:30-17:00 (ประตูปิดตอน 16:15) / เดือนมษายนถึงกันยายน 09:30 - 18:00 (ประตูปิดตอน 17:15) / ปิดทุกวันจันทร์, วันที่ 1 มกราคม, วันที่ 1 มีนาคม และวันคริสต์มาส
สวนหย่อม - เดือนพฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์ 09:00-17:00 / เดือนมีนาคมถึงเมษายน และตุลาคม 09:00-18:00 / เดือนพฤษภาคมถึงกันยายน 09:00-19:00
สวนสาธารณะ - 24 ชั่วโมง
ราคา: ปราสาท - ผู้ใหญ่ 12€ / นักเรียน 10€ / สวนหย่อมและสวนสาธารณะเข้าฟรี