Giverny เป็นเมืองเล็กๆ อยู่ไม่ไกลจากปารีส และมีประชากรอยู่เพียงแค่ราวๆ 500 กว่าคนเท่านั้น เมืองแห่งนี้เป็นที่รู้จักมากขึ้นก็เพราะชื่อของศิลปินอิมเพรสชั่นนิสต์อย่าง Claude Monet (โคล็ด โมเนต์)
ด้วยระยะทางที่ไม่ไกลจากปารีส ทำให้เราสามารถเดินทางแบบไปเช้า เย็นกลับได้ การเดินทางไปที่ Giverny เป็นการเปิดสัมผัสประสบการณ์และเรียนรู้ประวัติศาสตร์ศิลปะที่มีความสำคัญต่อแนวคิดศิลปะแบบอิมเพรสชั่นนิสต์ (Impressionist) อย่างมาก
การเดินทางไปยัง Giverny นั้นทำได้ไม่ยากเลย ถ้าเราเดินทางปากปารีสก็สามารถเลือกซื้อเป็นทัวร์ได้ แต่ถ้าเราเดินทางไปเองก็จะได้ความเป็นอิสระมากกว่า หากเดินทางไปด้วยตัวเอง ก็สามารถที่จะขึ้นรถไฟได้ที่สถานีรถไฟ Gare Saint-Lazare ในปารีส รสไฟจากปารีสไปยัง Giverny ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงไปลงที่สถานี Vernon หลังจากนั้นก็เดินต่อไปเรื่อยจนกระทั่งถึง Giverny โดยจะใช้เวลาในการเดินราวหนึ่งชั่วโมงสิบห้าที ฟังดูเหมือนนาน แต่ว่าการเดินไปเรื่อยๆ ชมบรรยากาศข้างทางนั้นทำได้แบบไม่น่าเบื่อเลย หรือถ้าใครกลัวจะเหนื่อยก็สามารถเลือกใช้บริการชัตเติ้ลบัสหรือรถไฟเล็กชมเมืองซึ่งจะใช้เวลาอยู่ที่ราวๆ 15 นาที โดยปกติรอบรถก็จะคล้อยไปตามกับรอบรถไฟที่มาจากปารีส ค่ารถไฟและชัตเติลบัสราคาอยู่ที่ 10 ยูโรสำหรับไปกลับ ขากลับจาก Giverny อาจจะต้องระวังหน่อยเพราะว่าที่นั่งบนรถอาจจะเต็มจึงทำให้ต้องรอหลายรอบ
เนื่องจากเมืองไม่ได้มีขนาดใหญ่จึงทำให้สามารถเดินทางไปยังสถานที่สำคัญๆได้ง่ายๆ ใช้เวลาไม่มาก สามารถไปเที่ยวครบได้ทุกที่ภายในระยะเวลาหนึ่งวันหรือครึ่งวัน แต่ส่วนใครที่อยากสัมผัสบรรยากาศเต็มๆจนถึงช่วงพระอาทิตย์ตก ก็สามารถพักค้างคืนในเมืองก็ได้ เพื่อสัมผัสบรรยากาศสวยๆของเมืองแบบที่โมเนต์หลงใหลและบันทึกลงในภาพวาดของเขา
เมืองนี้เหมาะไปเที่ยวได้ทั้งปี แต่ละช่วงก็จะมีบรรยากาศต่างกันออกไป แต่ถ้าให้พูดถึงช่วงที่เหมาะที่สุดก็ต้องเป็นช่วงที่ดอกไม้บานสวยสะพรั่ง ระหว่างเดือนเมษายนถึงมิถุนายน และถ้าใครที่มีความตั้งใจอยากไปดูบ่อบัวของโมเนต์ เราก็แนะนำว่าให้ไปในช่วงระหว่างเดือนมิถุนายนและสิงหาคม
สวนของลุงโมเนต์เปิดให้เข้าชมตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนถึงวันที่ 1 พฤศจิกายน อย่างไรก็ตามรถบัสจากสถานีรถไฟ Vernon ไปยัง Giverny นั้นมีให้บริการแค่ช่วงเดือนเมษายนถึงตุลาคมเท่านั้น และอีกสิ่งหนึ่งเราต้องแจ้งให้ทราบคือ Giverny เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์และวันหยุด เพราะฉะนั้นถ้าอยากหลีกเลี่ยงคนเยอะ ก็แนะนำให้ไปเที่ยวในช่ววันธรรมดาจะดีกว่า
Giverny มีชื่อเสียงมาจากเรื่องสวนของโมเนต์ แต่ยังมีสถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ สามารถเดินเที่ยวได้แบบสบายๆ ไม่เหนื่อย
โคล้ด โมเนต์ (Claude Monet) สังเกตเห็นความงามของ Giverny ในขณะที่มองออกไปนอกหน้าต่างรถไฟ เขาจึงตัดสินใจย้ายมาที่เมืองนี้และเช่าพื้นที่เพื่อพักอาศัย ต่อมานปี 1890 โมเนต์มีเงินมากพอ จึงซื้อบ้านและที่ดิน ซึ่งก็เป็นที่มาของภาพสวยๆที่เข้าได้วาดออกมา ภาพที่มีชื่อเสียงของโมเนต์ก็เป็นภาพที่ได้จากการวาดตามความรู้สึกนึกคิดของเขาเมื่อมองออกไปที่สวนใน Giverny บ้านและสวนของโมเนต์กลายมาเป็นสถานที่ซึ่งเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์และปล่อยให้สาธารณะเข้าชมในปี 1966 และต่อมาในปี 1980 ก็มีการบูรณะครั้งใหญ่เกิดขึ้น นั่นก็คือการปรุบปรุงห้องสตูดิโอที่ใช้วาดภาพบ่อบัว โดยการนำภาพพิมพ์แบบญี่ปุ่นมาอยู่ในสตูดิโอวาดภาพของโมเนต์
โมเนต์เคยอาศัยอยู่ในบ้านที่โดดเด่นด้วยซุ้มอิฐสีชมพูตั้งแต่ปี 1883 จนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิตในปี 1926 โมเนต์และครอบครัวของ ร่างของโมเนต์และครอบครัวก็ถูกฝังอยู่ที่สุสานของหมู่บ้านนี้ด้วย ด้วยการตกแต่งที่สวยงามในบริเวณพื้นที่รอบๆจึงทำให้สถานที่แห่งนี้กลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความสนใจจากผู้คนมากมาย
โมเนต์ออกแบบสวนให้มีสีสันสดใน และสิ่งที่น่าจะมีชื่อเสียงที่สุดก็คือส่วนของบ่อบัวที่มีสะพานแบบญี่ปุ่นข้ามผ่าน องค์ประกอบต่างๆที่เราเห็นกันอยู่บนภาพวาดของโมเนต์ ที่รู้จักกันในชื่อ "Nympheas" (Water Lilies) ภาพเขียนขนาดใหญ่ที่ว่านี้มีจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ Orangerie (Musée de l’Orangerie) อดีตประธานาธิบดีฝรั่งเศส Georges Clemenceau ซึ่งเป็นเพื่อนของลุงโมเนต์เคยยกย่องว่าสวนของโมเนต์นั้นเป็นผลงานชิ้นเอกของโมเนต์ก็ว่าได้
บ้านของโมเนต์นั้นเต็มไปด้วยสีสัน เฟอร์นิเจอร์ ภาพพิมพ์ทั้งแบบญี่ปุ่นและจีนที่โมเนต์หลงใหล
โมเนต์ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ที่บริเวญชั้นสองของบ้านหลังนี้ ซึ่งตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์แบบโบราณ เมื่อมองข้ามเตียงไปก็จะได้พบกับภาพเขียนของดอกไม้และต้นไม้สีเขียวชอุ่ม แล้วยังมีกลิ่นของธรรมชาติพัดเข้ามาสร้างบรรยากาศอีกด้วยM
ค่าเข้าอยู่ที่ 11.5 ยูโรสำหรับผู้ใหญ่ ส่วนนักเรียนนักศึกษาอายุตำ่กว่า 26 ปีนั้นราคาค่าเข้าอยู่ที่ 7 ยูโร เราสามารถจองตั๋วล่วงหน้าได้แต่ก็ยังจะต้องไปเสียเวลาต่อคิวที่ด้านหน้าประมาณ 20 นาที และอาจจะต้องรอถึง 40 นาทีในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ดังนั้นเราเสนอให้ซื้อตั๋วแบบ "skip the line" มาล่วงหน้าเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียเวลาต่อแถวด้านหน้า ตั๋วนี้จะต้องจองล่วงหน้าอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์
Foundation Claude Monet แห่งนี้เปิดทุกวันตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนไปจนถึง 1 พฤศจิกายน ตั้งแต่ 9:30น. ถึง 18:00 น. เปิดให้เข้ารอบสุดท้ายเวลา 17:30น. ถ้าจะเดินให้ทั่วบริเวณก็จะใช้เวลาประมาณหนึ่งถึงสองชั่วโมง
ทุ่งดอกป๊อปปี้เป็นอีกจุดที่น่าสนใจ โมเนต์ได้รับแรงบันดาลใจดีๆจากทุ่งดอกไม้แห่งนี้ และได้รังสรรค์ออกมาเป็นภาพวาดมากมาย หนึ่งในนั้นมีชื่อว่า "Les Coquelicots" ซึ่งสามารถไปชมภาพนี้ได้ที่พิพิธภัณฑ์ Orsay นั่นเอง หากใครอยากไปเยี่ยมชมดูทุ่งดอกไม้ ดอกป๊อปปี้ก็ให้ขับขึ้นเนินไปหน่อย ใกล้ๆกับพิพิธภัณฑ์ Museum of Impressionism, ซึ่งเต็มไปด้วยดอกป๊อปปี้สวยๆมากมาย เป็นจุดถ่ายรูปสวยๆที่น่าจะแวะเวียนไป ช่วยให้ได้สัมผัสบรรยากาศแบบที่โมเนต์เคยได้อาศัยและใช้ชีวิตอยู่
อีกหนึ่งที่พลาดไม่ได้ คือ พิพิธภัณฑ์อิมเพรสชั่นนิสม์ (Museum of Impressionism) ที่จัดแสดงเรื่องราวบอกเล่าประวัติศาสตร์ ที่มาของแนวคิดศิลปะแบบต่างๆ รวมไปถึงเรื่องราวของศิลปินที่มีอิทธิพลต่อแนวคิดศิลปะต่างๆ ทั้งศิลปะ Impressionist เองและอิทธิพลอื่นที่เกิดจากแนวคิดศิลปนี้ ทุกๆปีจะมีนิทรรศการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนสองถึงสามนิทรรศการ
พิพิธภัณฑ์นี้เปิดให้เข้าชมตั้งแต่ 10:00น. ถึง 18:00น. เปิดให้เข้ารอบสุดท้ายเวลา 17:30น. ราคาตั๋วปกติอยู่ที่ 7.80 ยูโร และ 6.30 ยูโรสำหรับนักเรียน าจะเดินให้ทั่วบริเวณก็จะใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง
Hôtel Baudy เป็นโรงแรมที่มีบริการร้านอาหารฝรั่งเศสสุดอร่อย เมนูพิเศษก็คือ "Omelette Baudy" ซึ่งเป็นไข่เจียวกับส่วนต่างของเป็ด แล้วมีมันฝรั่งสอดไส้อยู่ด้านในด้วย โรงแรมโบดี้ (Hôtel Baudy) เป็นศูนย์กลางของสุนทรียในช่วงยุครุ่งเรืองของ Givernyโรงแรมแห่งนี้เคยเป็นสถานที่ซึ่งศิลปินกลุ่มอิมเพรสชั่นนิสชาวฝรั่งเศสและอเมริกันมาพบปะกัน มาสนทนาเกี่ยวกับศิลปะและจับกลุ่มวาดรูป ด้านหลังโรมแรมมีสวนขนาดใหญ่ที่มีโรงเรือนกุหลาบและโรงเรือนซึ่งสร้างมาตั้งแต่ปีค.ศ.1887 ด้วยความริเริ่มของโคล้ด โมเนต์ที่ต้องการใช้เป็นสถานที่สำหรับวาดภาพ
Le Vieux Moulin (หรือโรงสีเก่า) ใกล้กับ Vernon เป็นอีกหนึ่งจุดถ่ายรูปที่เงียบสงบ โรงสีนี้สร้างขึ้นในศควรรษที่ 16 เพื่อเป็นโรงสีนำ้ โรงสีแห่งนี้ถูกนำไปวาดเป็นผลงานศิลปะโดยศิลปินอิมเพรสชั่นนิสม์หลายๆคนรวมถึงโมเนต์ด้วย หากคุณใช้รถชัตเติลบัสในการเดินทางที่ Giverny คุณสามารถเเจ้งให้พนักงานบนรถทราบได้ว่าต้องการจอดที่นี่ และสามารถเดินกลับมายัง Vernon เองได้ภายในระยะเวลา 10 นาทีโดยการเดินข้ามสะพานที่ทอดผ่านแม่น้ำแซนน์
ถ้ามีเวลาเหลือ ความน่ารักของเมืองVernon เป็นที่ที่ไม่ควรมองข้าม ภายในเมืองมีสิ่งที่น่าสนใจเยอะแยะมากมายไม่ว่าจะเป็นบ้านเรือนสมัยยุคกลาง โบสถ์สวยๆอย่าง Collégiale Notre-Dame พิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงงานอิมเพรสชั่นนิสไว้มากมาย และแน่นอนว่าร้านอาหารอร่อยๆที่ราคาไม่แพง
เรื่องและภาพ : O'bon Paris Team
เวลาทำการ: เปิดทุกวันในเดือนมีนาคมถึงพฤศจิกายน 09:30-18:00 (ปิดให้บริการในฤดูหนาว)
การเดินทาง: นั่งรถไฟจากสถานีรถไฟ Saint-Lazare ไปยังสถานี Vernon (ราคารถไฟไปกลับประมาณคนละ 30€) หลังจากนั้นต่อรถ shuttle bus ไปยังเมือง Giverny ประมาณ 10€ (ใช้เวลาประมาณ 15 นาที)
ราคา: ผู้ใหญ่ 9.50€ / อายุต่ำกว่า 26 ปี 5.50€