ว่ากันว่าในทุกๆปีนั้น มีผลิตภัณฑ์ความงามเกิดขึ้นใหม่มากกว่า 170 ชนิด ซึ่งทำให้การเลือกใช้หรือทดลองผลิตภัณฑ์ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ และเมื่อเร็วๆนี้ เราได้พบกับผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ Le Domaine ซึ่งเป็นแบรนด์จากฝรั่งเศสที่ก่อตั้งขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปีที่แล้ว ผลิตภัณฑ์จากแบรนด์นี้คือของใหม่ที่ต้องลอง และเราเชื่อว่าแบรนด์นี้จะกลายเป็นแบรนด์โปรดของหลายๆคน
องค์ประกอบหลายๆอย่างทำให้แบรนด์นี้มีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร เริ่มแรกเลยก็คงต้องเล่าไปถึงเรื่องราวที่มาของแบรนด์ ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับ "Terroir" หรือการผลิตไวน์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว รวมไปถึงการร่วมมือกับผู้คนที่มีชื่อเสียง Le Domaine มีประสิทธิภาพอย่างมากในเรื่องของการต่อต้านริ้วรอย ชะลอวัย สรรพคุณต่างๆของผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์นี้นั้นมีที่มาจากการวิจัย การทดลองหลายปีก่อนจะทำการผลิตออกมาเป็นสินค้า และอีกหนึ่งสิ่งที่ต้องพูดถึงก็คือ Le Domaine Skincare มีความพยายาที่จะทำให้แบรนด์นั้นเป็นมิตรต่อสิ่แวดล้อม
A Domaine หรือ domaine viticole ในภาษาฝรั่งเศส มีความหมายถึงพื้นที่ชนบทที่มีภูมิปัญญาเกี่ยวกับการทำไวน์ โดยเฉพาะภูมิปัญญาเก่าแก่ ดั้งเดิมที่เรียกว่า "Terroir" (ซึ่งมีความหมายถึงพื้นที่แต่ละแห่งซึ่งมีดิน อุณหภูมิ ความสูง และบรรยากาศที่เหมาะกับการำให้ไวน์หรือวัตถุดิบในหการประกอบอาหารนั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะ ไม่เหมือกับ Terroir อื่นๆ) เรื่องราวของ Le Domaine เริ่มขึ้นจาก "Terroir" ในลุ่มแม่น้ำ Rhône (แคว้นโพรว๊องซ์) ที่มีชื่อเสียงในเรื่องของไวน์ บริเวณที่ล้อมรอบไปด้วยพื้นที่ของครอครัว Perrin ซึ่งดูแลสืบต่อกันมาถึง 5 รุ่น ปัจจุบันครอบครัวซึ่งประกอบด้วยสมาชิก Perrin 7 คนยังคงดูแลพื้นที่นี้ด้วยกัน บนพื้นฐานความคิดแบบเดียวกันนั้นคือ ความเรียบง่าย ลักษณะที่มีความดั้งเดิม และเคารพความเชื่อของครอบครัว แม้ว่าต้องการรักษาขนบเดิมๆ แต่ก็ยังมีการคิดค้นนวัตกรรมต่างๆเพื่อพัฒนาธุรกิจ จากธุรกิจก็เริ่มนำมาสร้างสรรค์เป็นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางภายใต้ชื่อ Le Domaine.
ต้นกำเนิดของ Le Domaine เริ่มต้นขึ้นเมื่อ 15 ปีที่แล้ว เมื่ออาจารย์ Pierre-Louis Teissedre ร่วมมือกับห้องทดลองของคณะเภสัชศาสตร์แห่งมงเปอลิเย่ และหน่วยวิจัยของมหาวิทยาลัยบอร์โดเริ่มต้นทำวิจัยกากองุ่นของที่ได้จากที่ของครอบครัว Perrin เหล่านักวิจัยต้องการที่จะศึกษา จำแนกประเภทและระบุการรวมตัวกันขององุ่นชนิดต่างๆที่สามารถสร้างสารแอนไทออกซิเด้นซึ่งมีส่วนช่วยในการรักษา ต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆ พวกเขาค้นพบสารประกอบ GSM10 ซึ่งได้รับการพัฒนาจากกากองุ่นออแกนิกจาก Terroir ของครอบครัว Perrin พร้อมกับมีการยืนยันถึงประสิทธภาพในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ต่อต้าน MMPs (Matrix Metalloproteinases) หรือช่วยในการช่วยชะลอความแก่ สร้างสมดุลให้กับผิว ป้องกันผิวจากการสูญเสียสารต่างๆที่เป็นประโยชน์กับเซลล์ ซึ่งต่อมาก็ได้พัฒนาออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเพื่อทำให้ผิวดูอ่อนวัยนั่นเอง
อาจารย์ Nicolas Levy เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการชะลอวัย และนักวิจัยหลักเกี่ยกับ Progeria (ความผิดปกติของยีนที่ทำให้เกิดโรคชราในเด็ก) เขาคือหนึ่งในทีวิจัยที่เป็นผู้ค้นพบสารประกอบ ProGR3 ซึ่งสร้างขึ้นจากส่วนประกอบจากธรรมชาติ 3 ชนิด ได้แก่ Resveratrol, Apigenin และ Catechin การรวมตัวกันของสารสกัดจากธรรมชาติทั้งสามชนิดนี้มีความมุ่งหวังเพื่อต่อสู้กับ Progerin ซึ่งเป็นโปรตีนที่มีส่วนทำเซลล์นั้นมีความเสื่อม สารประกอบ ProGR3 นี้ได้รับการพิสูจน์ว่ามีส่วนช่วยในการต่อสู้กับร่องรอยของผิว ช่วยชะลอวัย
สารประกอบทั้งสองที่ได้กล่าวถึงนี้เป็นส่วนประกอบสำคัญของผลิตภัณฑ์ชะลอวัยจาก Le Domaine
Le Domaine เป็นผลผลิตที่มีแรงบันดาลใจจากเรื่องราวของความรักและมิตรภาพ แบรด พิตต์ ชื่อของดาราที่หลายๆคนคุ้นหู เขาผู้นี้หลงรักโพรว๊องซ์และความงามของพื้นที่แห่งนี้ เขาได้ทดลองการใช้ชีวิตที่นี่ในปี 2008 ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ Château de Miraval ในปี 2012 Château de Miraval เป็นคฤหาสน์ที่มีโรงบ่มไวน์ มีพื้นที่ 50 เฮกตาร์ของสวนองุ่น สำหรับเรื่องของการผลิตไวน์ แบรด พิตต์ได้รับคำแนะนำต่างๆจากผู้เชี่ยวชาญและได้พบกับครอบครัว Perrin และตั้งแต่นั้นมาก็กลายเป็นการเริ่มต้นมิตรภาพ ต่อมามิตรภาพจึงพัฒนามาเป็น Le Domaine ซึ่งเป็นการนำเอาความรักในการหลอมรวมธรรมชาติเข้ากับวิทยาศาสตร์มาพัฒนาจนกลายเป็นแบรนด์ของผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีความหรูหรา ช่วยต่อสู้กับการเสื่อมสภาพของผิว ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องขอบคุณการวิจัยของ Professor Pierre-Louis Teissedre และ Professor Nicolas Levy.
อย่างไรก็ตามชื่อของแบรด พิตต์ไม่ใช่ส่วนที่ทำให้ Le Domaine กลายเป็น “Celebrity Brand” หรือแบรนด์ที่ใช้ดาราเป็นส่วนหนึ่งของการตลาดหรือเพื่อโปรโมตสินค้า Le Domaine มีความตั้งใจที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ในรูปแบบของสินค้าที่ผ่านการวิจัย กลั่นกรอง และเชื่อมั่นได้ว่ามีประสิทธิภาพสูง
มนุษย์เรามีฐานรากความคิดที่ไม่เหมือนกัน มีการพัฒนาไม่เหมือนกัน แต่เมื่อพูดถึงความชรา เรื่องนี้น่าจะเป็นสิ่งที่ใครหลายคนมีความกังวล โดยทั่วไปแล้วกระบวนการชราของผิวเริ่มต้นในช่วงวัยอายุ 20 ปี และมีปัจจัยอื่นๆเข้ามาช่วยกระตุ้น เช่น ยีนส์ สภาพแวดล้อม อาหาร การสัมผัสกับแสงแดด เป็นต้น เป็นที่รู้กันดีว่าการเอาชนะความชรานั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นLe Domaine จึงใช้แนวคิดที่ไม่ได้ต้องการจะต่อสู้กับความชราแต่เติบโตไปกับความชราแบบมีคุณภาพหรือแนวคิด “well-aging” แทน “anti-aging”
ตั้งแต่การทดสอบทางคลินิกภายใต้การดูแลของแพทย์ผิวหนัง และการทดลองกับผิวจริง ผลิตภัณฑ์ของ Le Domaine แสดงผลลัพธ์ที่ทำให้เห็นถึงสมรรถภาพที่ดีมากของผลิตภัณฑ์ Le Domaine ใช้การศึกษาควบคุมด้วยยาหลอก หรือ placebo-controlled clinical trials ในการทดลองผลิตภัณฑ์ โดยการแยก active ingredients หรือ ส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ที่มีการเคลมว่าใช้รักษาปัญหาออกจากผลิตภัณฑืเพื่อที่จะระบุว่าประสิทธิภาพของส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์
แนวคิดของแบรนด์นั้นวางอยู่บนแนวคิดจากธรรมชาติ ด้วยความคิดที่จะย้อนกลับไปหาธรรมชาติของสิ่งต่างๆและเชื่อมโยงตัวเองกับธรรมชาติเพื่อค้นหาตัวตน แนวคิดหลักคือการเคารพธรรมชาติและการหมุนเวียน ตามคำกล่าวของแบรด พิตต์ที่ว่า “It is about imitating nature’s organic cycles, its original beauty. In nature, there is no concept of waste. Every discarded thing becomes the nourishment of another. This is the circularity of Le Domaine” แปลคร่าวๆว่า มันเป็นเรื่องของวงจรของธรรมชาติที่ปราศจากการปรุงแต่ง ความงามดั้งเดิมของธรรมชาติ ในธรรมชาตินั้นไม่มีแนคิดเรื่องของเสีย ทุกอย่างที่ถูกทิ้งสามารถกลับกลายมาเป็นสิ่งที่ช่วยสร้างหรือบำรุงอีกสิ่งหนึ่ง สิ่งนี้คือวงจรของ Le Domaine
ส่วนประกอบหักของผลิตภัณฑ์ คือ กากองุ่น ของเสียจากการกลั่นไวน์ ซึ่งปกติสิ่งนี้ก็จะถูกโยนทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์ Le Domaine ใช้ส่วนผสมทีมาจากโซน Vallée du Rhône และ Provence 100% และกระบวนการผลิตสามารถเชื่อถือได้ว่าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมบนที่ดินของครอบครัว Perrin บรรจุภัณฑ์ของแบรนด์นี้ได้มาจากการไม้โอ๊คที่นำกลับมาใช้ใหม่ซึ่งนั่นก็มีที่มาจากถังใส่ไวน์ของครอบครัว Perrin นอกจากนี้ยังมีส่วนที่ใช้กระดาษ FSC paper ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการใช้ทรัพยากรต่างๆอย่างคุ้มค่า รวมไปถึงลดการใช้พลาสติกให้ได้มากที่สุด
Le Domaine มุ่งมั่นที่จะได้รับประกาศนียบัตร B.Corp (ตำแหน่งสำหรับผู้มุ่งมั่นสร้างมาตรฐานระดับสูงในเรื่อของสังคมและสิ่งแวดล้อม) และส่งเสริมความงามที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่มีส่วนประกอบจากธรรมชาติตั้งแต่ 96.4% ถึง 99.4% สูตรของผลิตภัณฑ์มีการตัดเอาส่วนประกอบที่ไม่เป็นมิตรกับธรรมชาติของร่างกายออก ส่วนประกอบที่ว่า ได้แก่ พาราเบน ซิลิโคน ไมโครพลาสติก แร่ธาตุและน้ำมันสกัดสังเคราะห์ EDTA สารประกอบต่างที่ได้จากสัตว์ MIT Triclosan เป็นต้น
ผลิตภัณฑ์ต่างๆของ Le Domaine มีเป้าหมายเพื่อช่วยในเรื่องของริ้วรอยสำหรับทุกเพศ และทุกสภาพผิว เป็นตัวเลือกที่ดีทีเดียวหากลองเปรียบเทียบกับแบรนด์อื่นๆในตลาด นอกจาก Le Domaine จะเหมาะสำหรับซื้อมาใช้เองแล้ว ยังสามารถเลือกซื้อเป็นของขวัญสำหรับคู่รัก สื่อความหมายถึงการดูแลผิวไปพร้อมๆกัน รู้ทันความชราของผิวอย่างมีสุขภาพแบบคคู่รักเพราะผลิตภัณฑ์สามารถใช้ได้กับทุกเพศ Le Domaine มีกลิ่นเฉพาะตัวและให้ความรู้สึกที่ไม่เหมือนใคร รวมถึงเนื้อสัมผัสที่ทำให้รู้สึกดี
ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวจา Le Domaine มีอยู่ 4 ตัวด้วยกัน ได้แก่ คลีนเซอร์ เซรั่ม และมอยเจอไรเซอร์อีกสองตัว ถึงแม้จะมีจำนวนผลิตภัณฑ์ไม่เยอะแต่คุณภาพคับแก้ว ผู้ก่อตั้งแบรนด์มีความตั้งใจที่จะค่อยสร้างแบรนด์ที่ไม่ต้องมีผลิตภัณฑ์เยอะแต่เน้นให้มีคุณภาพและประสิทธิภาพสูง โดยเน้นไปที่การดูแลความชราของผิวให้มีสุขภาพดี
ด้วยเนื้อสัมผัสที่นุ่มและเบา ทำให้ตัว Cleansing Emulsion มีเนื้อโฟมที่ลถเอียดและเบาบาง แต่สามารถชำระล้างความสกปรกต่างๆบนใบหน้าได้สะอาดหมดจดและยังทำให้รู้สึกสดชื่นอีกด้ว ตัวคลีนซิ่งนี้ประกอบไปด้วยสารสกัดจากน้ำองุ่นที่ทำให้ผิวสดชื่น ฟื้นฟูสารอาหารต่างๆในผิว ทำให้ผิวดูมีประกายและสวยงาม ภายในคลีนซิ่งมีส่วนประของสาร GSM10 ที่ช่วยยับยั้งความชราบนผิวที่เห็นได้ชัด
วิธีการใช้ผลิตภัณฑ์
Cleansing Emulsion สามารถใช้ได้ทั้งเช้าและเย็นเพื่อทำความสะอาดผิวหน้าและบริเวณลำคอ โดการนวดคลึงเป็นวงกลมบนผิว
จริงๆแล้วสามารถแบ่งการใช้ออกได้เป็น 2 ขั้นตอน คือ ใช้เปล่าๆโดยไม่ต้องมีน้ำเพื่อเป็นการล้างเครื่องสำอางก่อนที่จะใช้น้ำเล็กน้อยเพื่อทำให้ผลิตภัณฑ์ชะล้างสิ่งสกปรกออกจากผิวหน้า
ต่อมาคือ The Serum ที่มีส่วนผสมของสารสกัดเข้มข้นของ GSM10 และ ProGR3 ซึ่งเป็นสองส่วนประกอบที่ยับร่องรอยที่มองเห็นได้ง่าย เพียงแค่การใช้เซรั่มครั้งแรก คุณก็จะสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลง เมื่อใช้ติดต่อกันสักหนึ่งเดือนก็จะเริ่มเห็นได้ถึงริ้วรอยที่ดูลดลง ทำให้ผิวดูเปล่งปลั่ง และยังช่วยป้องกันริ้วรอยใหม่ด้วย ส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ที่ได้จากน้ำองุ่นทำให้ผิวมีดูสวยงาม กรดไฮยาลูรอนิคภายในผลิตภัณฑ์ยังช่วยให้ผิวอิ่มน้ำและเรียบเนียน นอกเหนือจากนั้นเซรั่มของ Le Domaine ยังมีเนื้สัมผัสที่เนียนเป็นพิเศษ ดูดซึมง่ายยิ่งทำให้ผิวดูชุ่มชื้นหลังจากทา
วิธีใช้
หยดตัวเซรั่มลงบนฝ่ามือเพียงหนึ่งหยดและอีกหนึ่งหยดบนปลายนิ้ว หลังจากนั้นนวดคลึงเซรั่มให้ทั่วทั้งบนฝ่ามือทั้งสองก่อนที่จะทาลงบนผิวหน้า และค่อยๆนวดเพื่อให้เนื้อเซรั่มนั้นซึมเข้าไปในผิวและเพื่อช่วยประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์
The Cream เต็มไปด้วยส่วนประกอบของ GSM10 และ ProGR3 รวมไปถึงน้ำองุ่นที่มีความชุ่มชื้นและปลอบประโลมผิว น้ำมันมะกอกจากธรรมชาติปราศจากสารปรุงแต่ง karité shea better และสารสกัดจากพืชสมุนไพรอายุรเวทที่ช่วยต่อต้านความเหนื่อยล้าก็เป็นส่วนผสมอยู่ในผลิตภัณฑ์ครีมของ Le Domaine เนื้อสัมผัสของครีมมีความเหมือนกับวิปครีม ทำให้รู้สึกสบายเมื่อได้สัมผัส และยังช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้น นุ่ม ผ่อนคลายผิว ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ ผิวที่ได้สัมผัสกับ The Cream จะเหมือนได้ผิวใหม่ที่มีความแวววาว เปล่งปลั่ง และอิ่มน้ำ จากการทดลองในระดับคลินิกของครีมตัวนี้แสดงให้เห็นว่าหลังจากการใช้ครีม 28 วัน The Cream ทำให้ผิวดูเหนื่อยน้อยลงและทำให้ผิวมีความฉ่ำวาวอีกด้วย
วิธีใช้ผลิตภัณฑ์
ครีมตัวนี้ควรใช้คู่กับไม้ทาครีมออแกนิค โดยสามารถใช้ได้ทั้งเช้าและเย็นที่บริเวณใบหน้าและลำคอ ใช้ตัวไม้ทาขึ้นแบบเบามือเพื่อให้เนื้อครีมซึมเข้าผิวและช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด
The Fluid Cream มีคุณลัษณะที่คล้ายคลึงกับตัว The Cream ในเรื่องขององค์ประกอบที่มี GSM10 และ ProGR3 เป็นส่วนผสม และแน่นอนมีส่วนผสมของน้ำองุ่นที่มีความชุ่มชื้น รวมไปถึง Niacinamide และารสกัดจากพืชสมุนไพรอายุรเวทที่ช่วยลดความเหนื่อยล้า เนื้อครีมไม่เหนียวเหนอะหนะ และดูดซึมเข้าผิวได้ง่าย ทำให้ผิวเนียนนุ่ม มีความฉ่ำน้ำ ผิวที่ได้จากการใช้ The Fluid Cream จะมีความฉ่ำวาวเปล่งประกายสวยงาม
วิธีใช้ผลิตภัณฑ์
หยดเนื้อครีมลงบนฝ่ามือสองหยดก่อนที่จะค่อยๆนวดผสมครีมบนฝ่ามือ จากนั้นค่อยทาลงบนผิวหน้า และนวดเบาเพื่อช่วยการไหลเวียนของเลือดและการดูดซึม
เนื้อครีมที่มีความนุ่มเนียนของตัว The Cream จะมีความหนาและฉ่ำ เหมาะกับผิวที่มีความแห้ง ส่วน The Fluid Cream จะมีเนื้อครีมที่เบากว่า ไม่เหนียวเหนอะหนะ ซึมเข้าผิวได้ง่าย ตัวนี้จะเหมาะกับผิวแบบผสม
หรือหากจะเลือกใช้ The Fluid Cream สำหรับช่วงกลางวัน และ The Cream ในเวลากลางคืนก็สามารถทำได้เช่นกัน The Cream อาจจะเหมาะกับช่วงฤดูหนาวมากกว่าช่วงหน้าร้อน ในขณะที่ The Fluid Cream จะเหมาะกับช่วงใบไม้ผลิไปจนถึงฤดูร้อน
ในชุด Luxury Collection ขวดแก้วที่ใช้บรรจุครีมจะมีฝาปิดที่ทำจากไม้โอ๊คซึ่งมีการแกะสลักโดยใช้มือทำ เป็นชิ้นงานที่เกิเขึ้นในประเทศฝรั่งเศส ตัวฝาไม้โอ๊คนี้สามารถนำมาใช้กับ Essential Collection ได้ด้วย นั่นก็คือ สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้เรื่อยๆนั่นเอง ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นของ Luxury Collection จัดวางมาในชุดกล่องที่นำเสนอความสวงามและประณีตของการสร้างสรรค์สินค้า
การบรรจุสินค้าเป็นรูปแบบที่เรียบง่ายของ Essential Collection จะเหมาะกับคนที่ชอบความเรียบง่ายไม่หวือหวา ตัวฝาที่ทำจากพลาสติกรีไซเคิลเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเดินทาง สามารถแบ่งออกมาในปริมาณเล็กเพื่อการเดินทางในเเต่ละครั้งได้
ในปารีสนั้นมีร้านค้าอยู่ไม่กี่ร้านที่มีผลิตภัณฑ์ของ Le Domaine วางจำหน่าย ร้าน Parapharmacie Monge เป็นหนึ่งในสถานที่ซึ่งคุณสามารถพบได้กับผลิตภัณฑ์ของ Le Domaine ร้านขายยาแห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางย่านการ์ติเย่ละแต็ง ห่างจากพิพิธภัณฑ์ลูฟว์เพียง 10 นาที สามารถเดินทางมาได้โดยรถเมโทรสาย 7 สถานี Place Monge เลือกออกทางออกที่ 1 ร้านขายยาแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องการรวบรวมสินค้าดูแลผิวแบรนด์ฝรั่วเศสไว้มากมายในราคาที่เป็นมิตร และยังมีบริการทำ tax refund (15%) เมื่อซื้อสินค้าครบยอดที่กำหนด และแน่นอนว่า O'bon Paris เองก็มีคูปองส่วนลด 10% สำหรับการซื้อของที่ร้านขายยาแห่งนี้ เพียงแค่คลิ๊ก ที่นี่ เพื่ออ่านข้อมูลเพิ่มเติมcoupon, you can enjoy a 10% discount on cosmetics that are not already discounted (click here for more info).
ที่ตั้งร้าน Parapharmacie Monge : 78 Rue Monge, รถเมโทรสาย 7 สถานี Place Monge, ทางออก 1
ภาพและเรื่อง : O'bon Paris team