มงแซงมิเชล (Mont Saint Michel) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาจากการที่มีมหาวิหารโผล่ไปอยู่ที่เกาะเล็กๆกลางน้ำ ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้ภาพยนตร์เรื่อง "Howls Moving Castle" และ "Laputa: Castle in the Sky"
วิธีเดินทางจากกรุงปารีสไปยังมงแซงมิเชล
1. เดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูง TGV จากสถานีรถไฟมงปานาส (Montparnasse) ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง
2. เดินทางด้วยรถบัส Ouibus หรือ Flixbus ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงครึ่งถึง 5 ชั่วโมงครึ่ง
วิธีเดินทางจากมงแซงมิเชลไปยังมหาวิหารกลางน้ำ
1. เดินเท้า - ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
2. ปั่นจักรยาน - ที่พักส่วนใหญ่จะมีจักรยานให้เช่าในราคาถูก หรือฟรี
3. Shuttle bus - มีรถบัสให้บริการฟรีทุกๆ 5-10 นาที ใช้เวลาประมาณ 5 นาทีในการเดินทาง
ในปี ค.ศ. 708 ย้อนกลับไปสมัยนั้นได้มีเทวดานามว่า Saint Michel มาเข้าฝันของ Aubert บาทหลวงแห่ง Avranches ถึง 3 ครั้งด้วยกัน ในฝัน Saint Michel มาเข้าฝันบอกเล่าให้ Aubert นั้นสร้างมหาวิหารนี้ขึ้น ก่อนหน้านี้ Aubert ไม่เชื่อจึงไม่ได้ทำตามจนฝันครั้งที่ 3 เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้เชื่อสนิทใจ นั่นก็คือรูที่หน้าผากของเขาที่เกิดขึ้นจากนิ้วมือของ Saint Michel ที่จิ้มลงมา หลังจากฝันครั้งนั้น Aubert จึงทำการก่อสร้างมหาวิหารบนเกาะนี้ขึ้นมา ก่อนหน้านี้เกาะนี้มีชื่อว่า "Mont-Tombe" หรือมงตงบ์ แล้วได้เปลี่ยนชื่อเป็น "Mont Saint Michel" มาจนถึงปัจจุบันนี้
มหาวิหารก่อสร้างขึ้นในสไตล์ Romanesque บนยอดสูงสุดของเกาะ เพื่อเป็นการป้องกันน้ำท่วม เมื่อสมัยศตวรรษที่ 13 อาคาร 3 ชั้นอีก 2 อาคารก็ได้ถูกต่อเติมขึ้น ในยุคสงครามปฏิวัติฝรั่งเศส ที่นี่ได้ถูกใช้เป็นเรือนจำเพื่อคุมขังนักโทษสำคัญทางการเมืองที่ต่อต้านรัฐบาลในสมัยนั้นจนถึงปี 1863 หลังจากนั้นก็ได้มีการบูรณะขึ้นอีกครั้ง และมหาวิหารแห่งนี้ก็ถูกยกให้เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของประเทศฝรั่งเศสในปี 1874
และที่ยอดของตัวมหาวิหาร จะมีรูปปั้นของ Archangel Michael หรือ Saint Michel ตั้งอยู่ เป็นรูปปั้นที่สร้างขึ้นโดย Emmanuel Frémiet ในปี 1897 ที่รูปปั้น Saint Michel กำลังถืออาวุธและตราชั่งอยู่ ถ้าหากใครคิดว่ารูปปั้นบนยอดมหาวิหารนั้นอยู่สูงเกินไป ยังมีรูปปั้นเหมือนอีกรูปหนึ่ง ตั้งอยู่ที่หน้าออฟฟิศขายตั๋ว แวะเวียนไปชื่นชมรายละเอียดอื่นๆกันได้ที่นั่น
Cloister เป็นสถานที่ที่เชื่อมต่อหลายๆตัวอาคารเข้าด้วยกัน อีกทั้งยังเป็นที่ปฏิบัติกิจกรรมทางศาสนาอีกด้วย ทางเดินที่ถูกประกับประดาด้วยเสาต้นเล็กๆเรียงราย เป็นอีกวิวหนึ่งที่สวยไม่เบา เป็นทางเดินที่สามารถเชื่อมต่อไปยังห้องโถงสำหรับรับประทานอาหาร ห้องครัว โบสถ์ หอพัก และอื่นๆอีกมากมาย
ที่ห้องโถงนี้เป็นสถานที่สำหรับพระใช้ฉันอาหาร
วงล้ออันใหญ่นี้มีที่มา ติดตั้งครั้งแรกเมื่อปี 1820 อย่างที่กล่าวไปว่าที่นี่เคยใช้เป็นเรือนจำเพื่อคุมขังนักโทษ วงล้อนี้จึงมีหน้าที่รับส่งอาหารให้แก่นักโทษทั้งหลายที่ถูกจองจำอยู่
ห้องโถงแห่งนี้ถูกใช้เป็นห้องเรียนหนังสือสำหรับพระ เอกสารต่างๆถูกนำไปจัดเก็บไว้ที่เมือง Avranches แทน ณ ปัจจุบันนี้
หลังจากที่ถูกยกให้เป็นสถานที่สำคัญแห่งประวัติศาสตร์ในปี 1874 มงแซงมิเชลก็ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO ในปี 1979 ทำให้เหล่าสัตว์น้ำที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้น เช่น ปลาโลมาและแมวน้ำ ก็พลอยได้รับการปกป้องไปด้วย ห่างออกไปไม่ไกลจากตัวเกาะ จะเห็นเหล่าฝูงแกะมากมายมากินหญ้ากันไม่ขาดสาย ถ้าหากมีโอกาสได้ไปถึงที่มงแซงมิเชลแล้ว แนะนำว่าให้พักที่นั่นสัก 1 คืนเพื่อสัมผัสช่วงเวลา magic hour ตอนพระอาทิตย์ตก และตอนกลางคืนที่ตัวเกาะจะเปิดไฟล้อกับแสงจันทร์ นับว่าสวยและมีเสน่ห์ทั้งกลางวันและกลางคืนเลยทีเดียว
เรื่อง: Aphinya Kasemsukphaisan
ภาพ: Yuna Lee
ABBAYE MONT SAINT MICHEL
ที่อยู่: 50170 Mont-Saint-Michel
เวลาทำการ: วันที่ 2 มกราคมถึงวันที่ 30 เมษายน 09:30-18:00 / วันที่ 2 พฤษภาคมถึงวันที่ 31 สิงหาคม 09:00-19:00 / วันที่ 1 กันยายนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 09:30-18:00
ปิดทุกวันที่ 1 มกราคม และ 25 ธันวาคม ของทุกปี
ค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 10€ / นักท่องเที่ยวที่ไม่ใช่ EU อายุระหว่าง 18-25 ปี 8€