ถ้าพูดถึงเนินสูง จุดชมวิวสวยๆของปารีส ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศโรแมนติกเเละสถานที่ที่น่าสนใจ น่าค้นหา เต็มไปด้วยประวัติเเละเรื่องราวของศิลปิน แน่นอนว่าก็คงจะต้องเป็นชื่อของ "มงมาร์ต" (Montmartre) นั่นเอง มงมาร์ตตั้งอยู่ในเขตที่ 18 ของกรุงปารีส เเละเนื่องจากเป็นพื้นที่บนเนินสูง จึงทำให้เราสามารถมองเห็นวิวของปารีสได้เเบบพาโนรามาจากสถานที่สำคัญๆบนเนินเขานี้ นอกจากนี้ ความสวยงามของมงมาร์ตยังทำให้ศิลปินชื่อดังอย่าง ปีกัสโซ รวมไปถึงเรอนัวร์ (Renoir) ชื่นชอบเเละได้มีโอกาสมาใช้ชีวิตบางช่วงอยู่ที่สถานที่แห่งนี้เพื่อสร้างสรรค์งานศิลปะของพวกเขา นอกจากมงมาร์ตจะเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญอย่างวิหาร Sacré Cœur แล้ว วันนี้ O’bon Paris ยังอยากจะขอมาแชร์ไกด์สำหรับเดินเที่ยวในย่านนี้ เพื่อให้ทุกคนได้ค้นพบสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ที่น่าสนใจในย่านศิลปินเเห่งนี้
บนตามเส้นทางการเดินในย่านมงมาร์ต หลายตรอกซอกถนนนั้นเต็มไปด้วยเรื่องราวของเหล่าศิลปิน พื้นที่สีเขียวสำหรับการนั่งพักผ่อนหย่อนใจ เมื่อเดินเข้าไปในมงมาร์ตก็เมหือนได้เดินเข้าไปในอีกโลกหนึ่งของกรุงปารีส เต็มไปด้วยเสน่ห์เฉพาะตัว เเละเพื่อให้การเดินเที่ยวมงมาร์ตนั้นสนุกเเละสะดวกมากขึ้น เราจะพาไปดูกันตั้งเเต่จุดเริ่มต้นการท่องทัวร์ในย่านนี้ เเละยังจะพาไปดูสถานที่กิน สถานที่ช้อปอีกด้วย
เเน่นอนว่าเมื่อพูดถึงทงทาร์ตแล้วนั้น ทุกคนก็ต้องนึกถึงชื่อของวิหารซาเคร่เกอร์ (Sacré Cœur) ขึ้นมาเป็นอย่างแรกแน่ๆ เเละเเน่นอนว่าเราก็ไม่ลืมที่จะรวมวิหารนี้เข้ามาในแพลนการเดินทัวร์ของเรา หากเเต่การเริ่มต้นการเดินของเราวันนี้จะพาไปเริ่มกันที่ [1] พิพิธภัณฑ์ Musée de la Vie Romantique ซึ่งเป็นสถานที่ที่จัดเก็บอุปกรณ์ งานศิลปะที่เกี่ยวกับเเนวคิด Romanticism ในช่วงศตวรรษที่ 18 - 19 หลังจากชื่นชมเรืองราวด้านในพิพิธภัณฑ์เรียบร้อย เราก็พากันเดินต่อไปที่ถนนเส้นเล็กๆหรือกาจจะเรียกว่าเป็นซอยหมู่บ้านเล็กชื่อว่า [2]“Cité du Midi” ก็ได้ ที่ตรงนี้เป็นจุดถ่ายรูปน่ารักๆ เต็มไปด้วยต้นไม้เล็กซึ่งเป็นผลจากการตกเเต่งบ้านของผู้คนในซอยนั่นเอง เอาหล่ะ หลังจากได้รูปสวยๆก็เดินไปต่อกันที่ Place des Abbesses ซึ่งใกล้ๆกันนั้น คุณจะได้พบกับอีกหนึ่งผลงานศิลปะที่ชื่อว่า [3]“Le Mur de Je t’aime” or “the Wall of I love you” หรือ กำแพงบอกรัก นั่นเอง เมื่อเดินออกมาจากจัคุรัสตรงนั้นเข้าไปในซอยก็ถึงเวลาของการชอปปิ้งเบาๆสักเล็กน้อย เริ่มต้นกันที่หนึ่งสัญลักษณ์ของชาวปารีส นั่นคือ หมวกเบเร่ต์นั่นเอง ร้านหมวเบเร่ต์ที่เราเเนะนำ คือ [4]“Héritage Laulhère” ซึ่งเราขอการันตีคุณภาพเเละการให้บริการของพนักงาน เมื่อสนุกสนานกับหวกเบเร่ต์เรียบร้อย เราไปต่อกันที่ร้านขายเสื้อผ้าวินเทจมือสองชื่อว่า [5]“Chinemachine” และถัดกันก็จะเป็นคอนเซ็ปสตอร์ชื่อว่า [6]"SPREE" concept store ซึ่งรวบรวมแบรนด์ดังๆ เก๋มาไว้ในร้านเดียว ใครเป็นเฟนเเฟชั่นก็คงจะเพลินไม่น้อยเลยทีเดียว หลังจากนั้น หากสนใจเลือกซื้อของฝากเราก็จะพาไปต่อกันที่ [7]“A la Mère de Famille” ซึ่งเป็นร้ายขายช็อกโกแลตและขนมหวานที่ตกเเต่งได้น่ารักและโดดเด่นสุดๆ หลังจากเพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งกันเรียบร้อยเเล้วเราจะพากันไปเดินเล่นต่อที่ [8] “Villa Léandre” ซึ่งเป็นถนนสายเล็กๆที่มีบรรยากาศคล้ายๆกับหมู่บ้านเล็กของอังกฤษ เงียบสงบ ถ่ายรูปสวย หลังจากเดินมานาน เราขอเเนะนำร้านอาหารสุดอร่อย ชื่อ [9] “La Boîte Aux Lettres” หรือใครอยากลองชิมร้านอาหารชื่อดังจากภาพวาดของ Renoir ก็เข้าไปรับประทานอาหารกันได้ที่ร้าน [10] Le Moulin de Galette เมื่ออิ่มท้องแล้วก็พร้อมลุยกันต่อที่จัคุรัสเล็ก ชื่อว่า [11] Place Dalida ซึ่งเป็นจุดที่สามารถมองเห็นวิวของถนนเส้นยาว ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านกาเเฟที่มีชื่อเสียอย่าง [12] Maison Rose จากร้านกาเเฟนั้น เราสามารถเดินต่อไปยังพิพิธภัณฑ์ “Musée Montmartre” ซึ่งเป็นจุดที่เราเข้าไปชื่นชมเรื่องราวของศิลปินชื่อดังที่เคยใช้ชีวิตอยู่ในสถานที่แห่งนี้ รวมไปถึงพบกับบรรยากาศของไร่องุ่นกลางเมืองอีกด้วย เมื่ออิ่มเอมเรียบร้อยกับพิพิธภัณฑ์ เราพากันเดินต่อไปที่ [13] Place de Tertre ซึ่งเป็นสถานที่สุดครึกครื้น เต็มไปด้วยร้านอาหารและศิลปิน หากยังรู้สึกหิวเเละต้องการอาหารทานเล่นเราก็ขอเเนะนำให้รู้จักกับร้านอาหารเล็กๆ ชื่อ [14]“GRENOUILLES” เเละเมื่อถึงเวลานี้ก็เตรียมตัวให้พร้อมที่จะเดินเข้าไปพบกับมหาวิหารชื่อดังอย่าง [15] basilica Sacré Coeur วิวจากบนยอด เเละความงามภายในวิหารจะทำให้คุณอิ่มเอมใจเเบบสุดๆ เมื่อชื่นชมความงามของปารีสจากมหาวิหารเรียบร้อย เดินลงมาจากด้านบนของมหาวิหาร เราก็ขอให้ทุกคนได้เข้าไปลองชิมกาเเฟชื่อดังที่ร้าน [16] “The Hardware Société” ไม่ไกลจากกันนั้นก็สามารถเข้าไปชมนิทรรศการศิลปะหรือเลือกซื้อหนังสือได้ที่ [17] Halle Saint Pierre ซึ่งจะมีศิลปินมาจัดนิทรรศการศิลปะอยู่บ่อยๆ เเละที่เ้านหลังของอาคารจัดเเสดงศิลปะนี้ เราขอเเนะนำให้คุณได้รู้จะกับตลาดผ้าขนาดใหญ่ชื่อว่า "Marché Sainte Pierre" ซึ่งมีผ้าหลากหลายชนิดให้เลือกซื้อกลับบ้าน ก่อนจะกลับบ้านกันไป หากใครยังอยากที่จะชอปปิ้งเพิ่มเติม เราขอเเนะนำร้ายขายผลิตภัณฑ์ดูเเลผิวเเละสุขภาพอย่างร้านขายยา [18]“Pharmacie Monge” ซึ่งมีสินค้าราคาถูกให้คุณได้เลือกซื้อติดไม้ติดมือกลับไป เห็นภาพรวมคร่าวๆของวันนี้ เราไปดูต่อกันดีกว่าในมงมาร์ตมีอะไรให้ช้อป ร้านอาหารอะไรที่น่าสนใจ เเละสถานที่ที่ไม่ควรพลาดเข้าไปเยี่ยมชม
เมื่อพูดถึงย่านมงมาร์ตหลายๆก็อาจจะนึกถึงแค่การเดินเที่ยวชมบรรยากาศ สถานที่ที่ปรากฎอยู่ในภาพวาดของเหล่าศิลปิน ไม่ได้นึกถึงสถานที่ชอปปิ้งกันมากมายสักเท่าไหร่ เเต่หลังจากที่เราได้ออกไปสำรวจย่านนี้ ก็พบว่าจริงๆเเล้วมงมาร์ตเองก็มีเเหล่งชอปปิ้งให้ได้เลือกซื้อของอยู่ไม่น้อยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นของฝาก ร้านขายผ้า เเละร้านวินเทจต่างๆ รวมไปถึงร้านขายช็อกโกแลตด้วย เราลองไปดูกันว่าจะมีอะไรน่าสนใจให้ได้ช้อปกันบ้าง
La Halle Saint-Pierre
สถานที่เเห่งนี้เป็นอาคารที่มีทั้งส่วนของพื้นที่จัดเเสดงงานศิลปะ ร้านขายหนังสือ คาเฟ่ไว้ในที่เดียวกัน เเต่ละช่วงจะมีนิทรรศการศิลปะหมุนเวียนเปลี่ยนมาเรื่อยๆ บางครั้งก็เป็นงานเเสดงวัฒนธรรมต่างๆ ดังนั้นก็คงต้องบอกว่า การเดินทางมาเยี่ยมชมฮอล์แห่งนี้ ก็สามารถเป็นกรามาจิบกาแฟ และมาเลือกซื้อหนังสือ รวมถึงได้เพลิดเพลินกับการชมนิทรรศการศิลปะไปด้วย
ที่อยู่ : 2 Rue Ronsard, 75018 Paris
การเดินทาง : เมโทรสาย 12 สถานี Abbesses / รถบัสสาย 85 ป้าย Rochechouart-Clignancourt / เมโทรสาย 4 สถานี Barbès- Rochechouart
เวลาทำการ : วันจันทร์ – วันศุกร์ 11:00 - 18:00, วันเสาร์ 11:00 - 19:00, วันอาทิตย์ 12:00-18:00
โทรศัพท์ : +33 1 42 58 72 89
Marché Saint Pierre
Marché Saint Pierre เป็นตลาดขายผ้าขนาดใหญ่ตั้งอยู่ด้านหลัง La Halle Saint-Pierre ที่นี่น่าจะกลายเป็นสถานที่โปรดของใครหลายๆคนที่ชื่นชอบเเฟชั่น การออกแบบ ตัดเย็บเสื้อผ้าแบบ DIY เนื่องจากมีผ้าหลากหลายชนิดให้เลือก เพียงเเค่ก้าวเท้าเข้าไปด้านในก็ะได้พบกับม้วนผ้าละลานตามากมาย ทีนี้ก็เลือกได้เลยว่าอยากได้ผ้าแบบไหนเพื่อนำไปตัดเย็บเสื้อผ้า
ที่อยู่ : 2 Rue Charles Nodier 75018
การเดินทาง : เมโทรสาย 12 สถานี Abbesses / รถบัสสาย 85 ป้าย Rochechouart-Clignancourt / เมโทรสาย 4 สถานี Barbès- Rochechouart
เวลาทำการ : วันจันทร์ – วันศุกร์ 10:00 - 18:30, วันเสาร์ 10:00 - 19:00, ปิดทุกวันอาทิตย์
โทรศัพท์ : +33 1 46 06 92 25
เว็บไซต์ : marchesaintpierre.com
CHINEMACHINE
ใครที่ชื่นชอบเสื้อผ้าวินเทจมือสอง เราขอเเนะนำร้าน CHINEMACHINE ซึ่งเป็นร้านขายเสื้อผ้าวินเทจ เสื้อผ้าวินเทจจัดเรียงอยู่ในบริเวณสองชั้น ล้อมรอบไปด้วยเสียงเพลงสุดครึกครื้นตลอดเวลา ในร้านมีทั้งเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับต่างๆ หลังจากที่เราได้ลองเดินเข้าไปเยี่ยมชอมในร้านเเล้วก็ต้องบอกว่าเราค่อนข้างชื่นชอบโซนชั้นใต้ดินที่เป็นราวเเขวนเสื้อเเจ็คเก็ตเมือสองอย่างมาก เเจ็คเก็ตส่วนใหญ่ยังอยู่ในสภาพดี เเละมีสไตล์ให้เลือกที่หลากหลายมากเลยทีเดียว ลองเเวะไปดูกันได้
ที่อยู่ : 100 Rue des Martyrs 75018 Paris
การเดินทาง : เมโทรสาย 12 สถานี Abbesses / รถบัสสาย 40 ลงที่ป้าย Orsel
เวลาทำการ : วันอังคาร – วันเสาร์ 12:00 - 20:00, วันอาทิตย์ 13:00 - 20:00
โทรศัพท์ : +33 1 80 50 27 66
เว็บไซต์ : chinemachinevintage.com
SPREE CONCEPT STORE
SPREE เป็นร้านที่รวบรวมเสื้อผ้าากเเบรนด์ดัง เเละดีไซน์เนอร์แยรนด์เข้ามาไว้ในที่เดียวกัน ทั้งเเบรนด์ของฝรั่งเศสเองเเละแบรนด์จากนานาชาติ ตัวร้านตกแต่งมาในเเนวโมนเดิร์ยแบบเรียบๆ พนักงานภายในร้านก็พร้อมที่จะช่วยเลือกเสื้อผ้าสำหรับมิกซ์เเอนด์แมทช์ให้กับลูกค้า เจ้าของร้านได้บอกกับเรามาว่าเร็วๆนี้เขาจะเปิดร้านกาแฟที่ฝั่งตรงข้ามของ SPREE CONCEPT STORE ซึ่งเราเองได้มีโอกาสแอบไปชิกาเเฟคาปูชิโนของร้านก่อนที่ร้านจะเปิดเเละพบว่ากาเเฟของร้านนั้นรสชาติดีทีเดียว ดังนั้นถ้าใครผ่านไปก็อย่าลืมไปเเวะดูเสื้อผ้าเเละเเวะทานกาเเฟกันได้ รับรองว่าไม่ผิดหวังทั้งดีไซน์ของเสื้อเเละรสชาติกาเเฟเเน่นอน
ที่อยู่ : 16 rue la Vieuville 75018 Paris
การเดินทาง : เมโทรสาย 12 สถานี Abbesses / รถบัสสาย 40 ลงที่ป้าย Orsel
เวลาทำการ : วันอังคาร – วันเสาร์ 11:00 - 19:30, วันอาทิตย์ 15:00 - 19:00
โทรศัพท์ : +33 1 42 23 41 40
อีเมล์ : [email protected]
เว็บไซต์ : www.spree.fr/en/
HERITAGE LAULHERE
ชาวฝรั่งเศสเเละหมวกเบเร่ต์คือของคู่กัน O’bon Paris จึงคิดว่าควรจะรวมเอาร้านขายหมวกเบเร่ต์อย่าง Héritage Laulhère เข้ามาอยู่ในลิสต์ด้วย Laulhère เป็นเเยรนด์ฝรั่งเศสที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของเบเร่ต์มาเนิ่นนานเเละยังคงดำเนินการผลิตตามกรรมวิธีเเบบดั้งเดิมเสมอมาตั้งเเต่ปี 1840 ดังนั้นจึงมั่นใจได้ในเรื่องของคุณภาพ เพื่อให้การเลือกซืิ้อหมวกเบเร่ต์นั้นสนุกเเละเพลิดเพลินมายิ่งขึ้น เราขอเสนอส่วนลด 10% ให้กับใครที่สนใจอยากได้หมวกเบเร่ต์เก๋ๆสำหรับใส่ถ่ายรูป เพียงเเค่คลิ๊ก ที่นี่ แล้วเข้าไปดาวน์โหลดคูปองส่วนลดกันได้เลย ส่วนถ้าใครอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมก่อนการเลือกซื้อหมวกเบเร่ต์ก็ลองเข้าไปอ่านรายละเอียด ที่มา เรื่องราวของหมวกเบเร่ต์ได้ ที่นี่
ที่อยู่ : 7 Rue la Vieuville, 75018 Paris
การเดินทาง : เมโทรสาย 12 สถานี Abbesses / รถบัสสาย 40 ลงที่ป้าย Orsel
เวลาทำการ : ทุกวัน 11:00-18:00
A LA MERE DE FAMILLE
ร้านขายช็อกโกแลตร้านนี้เปิดครั้งแรกในปี 1761 มีทั้งของหวาน ขนม ไอศกรีมให้บริการ จะซื้อไปทานเองหรือเป็นของฝากสำหรับคนทางบ้านก็ได้ทั้งนั้น ราคาของสิรค้าถือว่าไม่เเพงเมื่อเทียบกับคุณภาพเเละรสชาติที่จะได้รับ ตัวร้านเองก็ตกเเต่งออกมาโดดเด่นด้วยสีเขียว เเละตัวหนังสือที่เป็นเองลักษณ์ โดดเด่นกว่าร้านอื่นๆมากเลยทีเดียว
ที่อยู่ : 23 Rue Lepic, 75018 Paris
การเดินทาง : เมโทร 2 สถานี Blanche, เมโทรสาย 12 สถานี Pigalle
เวลาทำการ : วันจันทร์ - วันเสาร์ 10:00-20:00, วันอาทิตย์ 10:00-19:30
โทรศัพท์ : +33 1 53 41 62 97
หลังจากเดินเล่นกันในย่านมงมาร์ตอยู่บ่อยครั้ง เราพบว่าบริเวณนี้มีร้านอาหารเเละคาเฟ่น่านั่งอยู่จำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว
LE RELAIS GASCON
หลังจากเดินเล่นในย่านมงมาร์ตมาสักพัก เเน่นอนว่าต้องรู้สึกหิวกันไม่น้อยทีเดียว เเละถ้าสนใจอาหารฝรั่งเศสเเบบจัดหนัก จัดเต็ม เราขอเเนะนำร้าน Le relais Gascon ซึ่งมีเมนูเซ็ตสำหรับมื้อกลางวันที่รวมอาหารจานหลักเเละของหวานในราคา 17.50 ยูโร (เฉพาะวันจันทร์ถึงวันศุกร์) หรือหากต้องการเมนูเเบบที่มีอาหารเรียกน้ำย่อยรวมถึงตัวเลือกที่หลากหลายก็สามารถเลือกเป็นเมนูในราคา 27.50 ยูโร เเต่หากต้องการทานอะไรที่เบาลงหน่อย ก็สามารถสั่งเซ็ตที่เรียกว่า Formule express ในราคา 9.90 ยูโร ซึ่งจะประกอบไปด้วยอาหารจานหลักเเละกาแฟ Formule express นี้มีให้บริการเฉพาะวันจันทร์ถึงวันศุกร์ในช่วงมื้อกลางวันเท่านั้น
LA BOÎTE AUX LETTRES
ก่อนออกไปสำรวจร้านอาหารเเห่งนี้ เราไม่ได้คาดหวังรสชาติมากมาย เพียงเเต่ต้องการภาพที่น่าสนใจ เเต่เมื่อได้เข้าไปที่ร้านก็ต้องบอกว่าได้พบกับบรรยากาศของร้านที่อบอุ่นเเละเป็นกันเอง เราได้รับคำเเนะนำจากพนักงานในเรื่องของเมนู โดยเราเริ่มต้นอาหารเรียกน้ำย่อยด้วยเมนูที่เรียกว่า "Chèvre Betterave" หรือสลัดบีทรูทกับชีสนมเเพะนั่นเอง หน้าตาของอาหารน่าทานเเละรสชาติก็อร่อยแบบกวาดกันเรียบจานไม่เหลือเเม้เเต่น้ำซอสกันเลยทีเดียว หลังจากนั้นก็มาต่อกันที่อาหารจานหลักชื่อว่า "Filet de Lieu Jaune, Chou Fleur et Sauge" เป็นเมนูปลาที่นำไปย่างให้สุกกำลังดี เสิร์ฟมาพร้อมกับผัดผักสีสันสวยงามที่สุกกำลังดี ตกแต่งรอบจานด้วยน้ำซอสรสชาติเยี่ยมของทางร้าน เเละเพื่อให้มื้อกลางวันของเราจบลงเเบบสมบูรณ์เเละสวยงาม เราจึงตัดสินใจสั่งเมนูของหวานอย่างทีรามิสุตามโต๊ะข้างๆ เเละก็ไม่ผิดหวัง ของหวานรสชาติกลมกล่อม เสิร์ฟมาในอุณหภูมิที่พอดี ตกเเต่งมาอย่างสวยงาม มื้อนี้เรียกได้ว่าเป็นมื้อที่คุ้มค่าสุดๆไปเลยทั้งปริมาณ รสชาติ เเละคุณภาพ สำหรับใครที่สนใจร้านนี้ เราต้องบอกว่าอาจจะต้องรอกันหน่อยเพราะทางร้านจะปิดปรับปรุงเป็นเวลาสองเดือนตั้งเเต่เดือนพฤศจิกายนไปจนถึงเดือนธันวาคมปี 2563 เเต่ไม่ต้องกังวลว่ารสขาติหรือบรรยากาศนั้นจะไม่เหมือนเดิม เพราะทางร้านให้คำสัญญาว่าจะยังคงรักษารสชาติเเละบรรยากาศเอาไว้เหมือนเดิม
ที่อยู่ : 108 Rue Lepic, 75018 Paris
การเดินทาง : เมโทรสาย 12 สถานี Abbesses, รถบัสสาย 40 ลงที่ป้าย Abbesses
เวลาทำการ : วันจันทร์ถึงวันเสาร์ 10:30 - 02:00, ปิดทุกวันอาทิตย์
โทรศัพท์ : +33 1 42 51 76 84
ข้อมูลเพิ่มเติม : ร้านจะปิดปรับปรุงเป็นเวลาสองเดือนตั้งเเต่เดือนพฤศจิกายนไปจนถึงเดือนธันวาคมปี 2563 กรุณาตรวจสอบข้อมูลอีกครั้งก่อนการเดินทาง
MOULIN DE LA GALETTE
ร้านอาหารนี้น่าจะเป็นที่รู้จักมาจากภาพวาด « Bal du Moulin de la Galette » ของศิลปินดังอย่าง Renoir จุดเด่นของร้านนี้ คือ การนำกังหันมาใช้ตกแต่งที่ด้านบนหลังคาของร้าน ในอดีตกังหันนี้เคยถูกใช้สำหรับผลิตเเป้ง เเละต่อมาโรงโม่เเป้งก็ได้ถูกปรับเปลี่ยนมาเป็นสถานที่เต้นรำที่โด่งดังขึ้นมาด้วยภาพเขียนของ Renoir เเละกังกันนั้นก็ถูกนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์ของร้าน « Le Moulin de Galette » แห่งนี้นั่นเอง ผู้คนจำนวนไม่น้อยที่พากันมาถ่ายภาพกังหันนี้เพื่อเป็นการตามรอบยภาพวาดของศิลปินดังนั่นเอง
ที่อยู่ : 83 Rue Lepic, 75018 Paris
การเดินทาง : เมโทรสาย 12 สถานี Lamarck-Caulaincourt, รถบัสสาย 40 หรือ สถานี 88, Rue Lepic
เวลาทำการ : ทุกวัน 12:00 - 23:00
โทรศัพท์ : +33 1 46 06 84 77
THE HARDWARE SOCIETE PARIS
กาแฟหอมสักเเก้วบวกกับอาหารทานเล่นเบาๆหลังจากการเดินเล่นในมงมาร์ตน่าจะพอช่วยให้หายเหนื่อยได้ไม่น้อย The Hardware Soiété Paris คืออีกหนึ่งร้านที่ได้รับความนิยมอย่างมากจากทั้งนักท่องเที่ยวเเละชาวปารีสเอง หากไปถึงที่ด้านหน้าของร้านเเล้วพบกับเเถว หรือการต่อคิวยาวๆก็ไม่ต้องเเปลกใจเพราะการปรากฎตัวรวมถึงภาพถ่ายบนอินสตาเเกรมของร้านนั้นดึงดูดนักชิมได้เป็นอย่างดี ร้านกาเเฟนี้เน้นคอนเซ็ปไปที่ความเรียบง่ายเเละเปิดให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้
ที่อยู่ : 10 Rue Lamarck, 75018 Paris
การเดินทาง : เมโทรสาย 4 สถานี Château Rouge, รถบัสสาย 85 ป้าย Muller
เวลาทำการ : วันจันทร์ 09:00 - 16:00, วันพฤหัสและวันศุกร์ 09:00 - 16:00, วันเสาร์เเละวันอาทิตย์ 09:00 - 16:30, ปิดทุกวันอังคารและวันพุธ
โทรศัพท์ : +33 1 42 51 69 03
KB COFFEE ROASTER
ร้านกาเเฟนี้ตั้งอยู่ในเขต 9 ของปารีสซึ่งนับว่านอกเขตมงมาร์ต เเต่ก็ไม่ได้อยู่ไกลสามารถเดินถึงได้ เเละเป็นร้านกาเเฟที่ตกเเต่งเเบเรียบง่าย กาแฟเเละเครื่องดื่มรสชาติดี รวมถึงยังมีเมนูบรั้นช์ให้บริการด้วย ภายในร้านมีมุมเล็กๆน่ารักสำหรับถ่ายรูปเล่น ที่ด้านนอกของร้านก็มีการตัดบริเวณที่นั่งไว้รองรับ ในวันที่อากาศดีก็สามารถออกมานั่งสัมผัสบรรยากาศของชาวปารีสได้ที่ด้านหน้าร้าน ถือว่าเป็นการซึมซับบรรยากาศของปารีสไปในตัว
ที่อยู่ : 53 Avenue Trudaine 75009 Paris
การเดินทาง: เมโทรสาย 7 สถานี Le Peletier
เวลาทำการ : วันจันทร์ถึงวันศุกร์ 07:45 - 18:30, วันเสาร์และวันอาทิตย์ 09:00 - 18:30
โทรศัพท์ : +33 1 56 92 12 41
GRENOUILLES PARIS
เเซนด์วิชบาเเกตต์ง่ายๆ สำหรับการเดินเที่ยวในมงมาร์ตเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดี หากคุณต้องการหลีกเลี่ยงการต่อคิวในร้านอาหาร หรือนั่งรอเป็นเลานาน GRENOUILLES เป็นร้านเล็กที่เสิร์ฟอาหารง่ายๆ เเละพรักงานล้วนให้บริการอย่างมีความสุข พร้อมร้อยยิ้มที่สดใส ตัวร้านอาจจะดูเล็กเเต่รับรองว่าคุณจะไม่ผิดหวังเมื่อเดินเข้าไปในร้านซึ่งตกเเต่งเเบบเรียบง่าย เเต่ให้ความรู้สึกที่อบอุ่น กลิ่นของอาหารจะทำให้คุณมีความสุขกับมื้อกลางวันได้อย่างเเน่นอน
ที่อยู่ : 55 Rue du Chevalier de La Barre, 75018 Paris
การเดินทาง : เมโทรสาย 4 สถานี Château Rouge, รถบัสสาย 85 ป้าย Muller
เวลาทำการ : วันจันทร์ถึงวันศุกร์ 09:00 - 20:00, วันเสาร์ 09:00 - 22:00, วันอาทิตย์ 09:00 - 20:00
โทรศัพท์ : +33 6 65 13 95 67
เฟซบุ๊ค : Grenouillesparis
นอกจากลิสต์ของร้านที่เรายกมาเเล้วยังมีร้านคาเฟ่ชื่อดังอย่าง Café des Deux Moulins ซึ่งเป็นที่รู้จักกันจากภาพยนตร์ เรื่อง « Amélie » ราคาของเครื่องดื่มในร้านนี้อาจจะเเพงกว่าร้านอื่นๆนิดหน่อย เเต่ถายในร้านนั้นเต็มไปด้วยมุมถ่ายรูปเก๋ หากใครอยากตามรอยภาพยนตร์ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งร้านที่ไม่ควรพลาด นอกจากนี้คุณยังสามารถพบกับร้านอาหารจำนวนมากที่บริเวณจัตุรัส « Place du Tertre » ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากซาเคร่เกอร์
เมื่อได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่านที่ได้รับความชื่นชอบจากศิลปินดัง เเน่นอนว่ามงมาร์ตนั้นเต็มไปด้วยมุมถ่ายรูปสวยๆ เเละสถานที่ที่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องราวของบุคคลมีชื่อเสียงในอดีต ไปดูกันว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง ณ มงมาร์ต
MUSÉE DE LA VIE ROMANTIQUE
พิพิธภัณฑ์เเห่งนี้ตั้งอยู่ในเขต 9 ของกรุงปารีส ซึ่งก็ไม่ได้ไกลจากมงมาร์ตมากเท่าไหร่นัก ภายในพิพิธภัณฑ์ คุณจะได้พบกับภาพวาด ผลงานศิลปะในเเนวคิด Romanticism เช่น ผลงานของ Delacroix หรือ Chopin เป็นตเน บรรยากาศของพิพิธภัณฑ์นั้นเหมือพาเราเเยกตัวออกไปในเเถบบชนบท เต็มไปด้วยต้นไม้เเละดอกไม้ที่ให้ความร่มรื่นเป็นอย่างมาก เเละนอกจากนี้ ทางพิพิธภัณฑ์ยังมีบริเวณร้านกาเเฟที่มีทั้งพื้นที่กลางเเจ้งเเละในร่มไว้ให้บริการด้วย ความน่าสนใจของร้านคาเฟ่ของพิพิธภัณฑภัณฑ์ คือ ตัวเรือนกระจกที่ตั้งอยู่ภายในสวนอันร่่มรื่น เป็นการจัดพื้นที่ได้อย่างสวยงามเเละร่มรื่นเป็นอย่างยิ่ง
ที่อยู่ : Hotel Scheffer-Renan 16, Rue Chaptal 75009 Paris
การเดินทาง : เมโทรสาย 7 สถานี Le Peletier, รถบัสสาย 74 ป้าย Pigalle-Chapelle หรือรถบัสสาย 40 สถานี Gustave Toudouze
เวลาทำการ : วันอังคารถึงวันอาทิตย์ 10:00 - 18:00, ปิดทุกวันจันทร์
โทรศัพท์ : +33 1 55 31 95 67
เว็บไซต์ : museevieromantique.paris.fr/en
CITE DU MIDI
“Cité du Midi” เป็นถนนสายสั้น เเคบๆ ตั้งอยู่ไม่ไกลจากเมโทรสถานี Pigalle ถนนเเห่งนี้เต็มไปด้วยความสงบท่ามกลางสถานที่ท่องเที่ยวที่ชุกชุม ถนนสายนี้มีความยาวประมาณ 100 เมตร เเละเต็มไปด้วยบ้านในสไตล์เมดิเตอเรีเนียน พุ่มไม้เล็กๆ เเละมุมสวยๆ น่ารักๆ สำหรับถ่ายภาพ “Midi” ในภาษาฝรั่งเศสมีความหมายในทางอ้อมถึงภูมิภาคฝั่งทางใต้ของฝรั่งเศส ซึ่งเป็นบรรยากาสแบบเมดิเตอเรีเนียน เเละนี่ก็อาจจะเป็นที่มาของชื่อถนนสายนี้ ใครสนใจที่อยากเข้าไปถ่ายรูปก็ทำได้เลย เพียงเเต่เเนะนำว่าช่วยเคารพความเป็นส่วนตัวของผู้อยู่อาศัยในบริเวณนั้นด้วย
ที่อยู่ : Cité du Midi, 75018 Paris
การเดินทาง : เมโทรสาย 12 สถานี Pigalle หรือ เมโทรสาย 2 สถานี Blanche
THE WALL OF JE T'AIME
ก่อนที่จะพูดถึงมหาวิหารซาเคร่เกอร์ (Sacré Coeur) เราพาไปดูอีกหนึ่งผลงานศิลปะน่าสนใจ เเละมุมถ่ายภาพสวยๆกันก่อน ผลงานศิลปะนี้มีชื่อเรียกว่า “Le mur de Je t'aime” หรือ “The wall of Je t’aime” หรือ "กำเเพงบอกรัก" นั่นเอง กำเเพงเเห่งนี้เต็มไปด้วยคำบอกรักถึง 250 ภาษา เป็นผลงานการสร้างสรรค์ของ Frédéric Baron เเละ Claire Kito นอกจากตัวอักษรในภาษาต่างๆเเล้ว หากลองมองดีๆ คุณจะพบกับจุดสีเเดงเล็กๆ ซึ่งว่ากันว่าเป็นเศษส่วนของหัวใจที่เเตกร้าว เเละเหล่าคำบอกรักนี้ คือ ถ้อยคำที่จะมาช่วยรักษาแผลอกหักให้หายดีอีกครั้ง
ที่อยู่ : 14 Place des Abbesses, 75018 Paris
การเดินทาง: เมโทรสาย 12 สถานี Abbesses
MUSÉE DE MONTMARTRE
จากชื่อของบทความนี้ก็น่าจะพอเห็นได้ว่ามงมาร์ตนั้นเป็นสถานที่มีเรื่องราวมากมาเกี่ยวข้องกับศิลปินในอดีตโดยเฉพาะในยุคศตวรรษที่ 19 พิพิธภัณฑ์เเห่งนี้จึงจัดเป็นสถานที่ที่ถ่ายทอดเรื่องราวเหล่านั้นของศิลปิน ศิลปินชื่อดังอย่าง Suzanne Valadon เคยใช้สถานที่ที่เเห่งนี้เป็นสถานที่สร้างสรรค์ผลงานศิลปะของเธออยู่หลายชิ้น ภาพเขียนชื่อดังอย่าง Bal du moulin de la Galette โดย Auguste Renoir ก็ได้รับการวาดนเเล้วเสร็จ ณ สถานที่เเห่งนี้ ภายในพิพิธภัณฑ์นั้นจะทำให้คุณประทับใจด้วยภาพวาดจากศิลปินมีชื่อ เเละการจัดพื้นที่ของต่างๆที่เคยใช้เป็นสตูดิโอหรือสถานที่สร้างสรรค์ผลงานของเหล่าศิลปิน นอกจากนี้ยังมีบริเวณด้านนอกที่คุณสามารถออกไปชื่มวิวของสวนองุ่นใจกลางมงมาร์ตได้อีกด้วย
ที่อยู่ : 12 Rue Cortot 75018 Paris
การเดินทาง :เมโทรสาย 12 สถานี Lamarck-Caulaincourt , รถบัสสาย 40 ป้าย Les Vignes
เวลาทำการ : ทุกวัน 10:00 - 19:00
โทรศัพท์ : +33 1 49 25 89 39
เว็บไซต์ : museedemontmartre.fr/en/
PLACE DU TERTRE
Place de Tertre เป็นลานจุตุรัสที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ตั้งอยู่ไม่ไกลจากมหาวิหารซาเคร่เกอร์ (Sacré Cœur) ลานจัตุรัสเเห่งนี้เต็มไปด้วยร้านอาหารเเละคุณยังสามารถที่จะได้พบกับเหล่าศิลปินที่ในบริเวณนี้ได้มากมาย นอกจากร้านอาหารเเละเหล่าศิลปินเเล้ว ยังมีร้านขายของฝากตั้งอยู่ในบริเวณนั้นด้วยเเละคุณยังสามารถพบกับโบสถ์ Saint-Pierre ได้ใกล้ๆบริเวณจัตุรัสเเห่งนี้ด้วย
ที่อยู่ : Place du Tertre, 75018 Paris
การเดินทาง : เมโทรสาย 12สถานี Abbesses, รถบัสสาย 40 ป้าย Orsel
LA BASILIQUE DU SACRE-COEUR
เมื่อพูดถึงมงมาร์ตเเล้วจะไม่พูดถึงมหาวิหารซาเคร่เกอร์ก็คงจะไม่ได้ ณ ด้านหน้าของมหาวิหารคุณมักจะได้ยินเสียงดนตรีจากศิลปินเปิดหมวกอยู่บ่อยๆ รวมไปถึงยังจะได้พบกับวิวของปารีสในมุมมองเเบบพาโนรามา นอกจากนี้ยังมีพื้นที่สีเขียวที่เรียกว่า Square Louise-Michel ให้คุณได้เข้าไปผ่อนคลายได้อย่างสบายใจในช่วงฤดูร้อนอีกด้วย คุณสามารถเตรียมอุปกรณ์มานั่งปิกนิกกับเพื่อนได้ในวันที่อากาศดีๆ แบบที่ชาวปารีสนั้นนิยมกันเป็นอย่างมาก
ซาเคร่เกอร์เป็นมหาวิหารในทรงไบเซนไทน์ สร้างขึ้นเพื่อเสริมสร้างขวัญเเละกำลังใจให้กับนับรบฝรั่งเศสเมื่อครั้งที่รบชนะปรัสเซีย เเละเพื่อให้ได้เห็นมุมมองของปารีสเเละมหาวิหารในวิวที่ต่างออกไป เราจึงตัดสินใจเดินขึ้นบันไดไป 300 ขั้นเพื่อที่จะได้ชื่นชมความงดงามของปารีส ทางขึ้นไปชมวิววนี้นั้นต้องบอกว่าไม่ง่าย เพราะทั้งแคบเเละออกจะชันอีกด้วย เเต่เมื่อได้พบกับภาพวิวก็บอกได้คำเดียวว่า "สุดยอด" คุ้มค่าเเล้วที่ยอมเหนื่อยเดินขึ้นมา
ที่อยู่ : 35 Rue du Chevalier de La Barre, 75018 Paris
การเดินทาง : เมโทรสาย 4 สถานี Château Rouge , เมโทรสาย 12 สถานี Abbesses, เมโทรสาย 2 สถานี Anvers, รถบัสสาย 85 สถานี Muller
เวลาทำการ : ทุกวัน 06:00 - 22:30 (เวลาเปิด ปิดอาจมีการเปลี่่ยนเเปลงได้ในช่วงวันสำคัญทางศาสนา)
นอกจากสถานหลักๆที่เราได้กล่าวไปเเล้วนั้น ยังมีมุมถ่ายรูปสวยๆที่น่าสนใจ อย่าง “Villa Lénandre” ซึ่งเป็นบรรยากาศที่เงียบสงบคล้ายกับเมืองในชนบทของอังกฤษ เเละลานจัตุรัสขนาดเล็กอย่าง “Place Dalida” ซึ่งเป็นจุดที่สามารถมองเห็นถนนที่ทอดยาวไปยังซาเครเกอร์เเละคาเฟ่ที่มีชื่อเสียงอย่าง Maison Rose café ถัดจาก Maison Rose café ไปไม่ไกล คุณยังจะได้พบกับสวนองุ่นขนาดเล็กที่อาจจะทำให้คุณได้ประหลาดใจเล็กน้อยถึงการปรากฎตัวท่ามกลางเมืองใหญ่อย่างปารีส
ถึงเเม้ว่างมาร์ตนั้นจะเต็มไปด้วยมุมถ่ายภาพเเละเรื่องราวของศิลปินมากมาย เเต่ก็อาจจะเป็นสถานที่ที่เหล่านักท่องเที่ยวนั้นจะต้องระวังตัวจากเหล่านักล้วงกระเป๋าเเละมิจฉาชีพอยู่ไม่น้อย เราเเนะนำว่าให้หลีกเลี่ยงการพูดคุยหรือมีปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มคนที่มีเชือกเล็กๆคล้ายไหมพรมอยู่ในมือ กลุ่มคนพวกนี้จะรวมตัวกันอยู่ที่บริเวณทางขึ้นซาเคร่เกอร์ วิธีการของพวกเขาคือจะนำเชือกมาผูกกับมือ หรือนิ้วของเราเเละให้นิยามว่าสิ่งนั้นเป็นของที่ระลึกจากปารีส ถึงเเม้ว่าเราจะไม่ต้องการเเต่ก็ต้องบอกว่าคงไม่ง่ายที่จะสามารถหลุดออกจากเชือกเส้นนั้นเพราะเชือกได้ผูกอยู่บนมือของเราเเล้ว หากไม่จ่ายเงินเพื่อเป็นการซื้อเชือกที่ระลึกนั้นก็อาจะไม่ง่ายที่หลุดออกมาจากกลุ่มคนพวกนี้
ภาพถ่ายเเละเรื่อง : O'bon Paris Team
ภาพวาด: Fangfang