ที่อยู่: 8 Rue Scribe, 75009 Paris
การเดินทาง: เมโทรสถานี Opera (สาย 3, 7 และ 8)
เวลาทำการ: ทุกวัน 10:00-16:30 (ปิดทุกวันที่ 1 มกราคมและ 1 พฤษภาคม) / ตรวจสอบวันปิดให้บริการอื่นๆได้ที่เว็บไซต์
ค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 11€ อายุต่ำกว่า 25 ปี 7€ และฟรีสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี / ผู้ใหญ่ 12€ อายุต่ำกว่า 25 ปี 8€ เมื่อมีนิทรรศการพิเศษ
ใครที่มีโอกาสได้มาเที่ยวที่กรุงปารีส ก็คงจะเคยเดินผ่าน Opera Garnier กันทั้งนั้น ด้วยความสวยงามที่ค่อนข้างโดดเด่นมองเห็นได้จากไกลๆ ความเป็นมามีอยู่ว่า ในปี 1860 นั้น จักรพรรดินโปเลียนที่ 3 ได้จัดการแข่งขันในการสร้างโรงอุปราการขึ้น โดยมี Jean Louis Charles Garnier ผู้ที่มีอายุเพียง 35 ปีเข้าแข่งขันและได้รับรางวัลชนะเลิศในที่สุด หลังจากนั้น 15 ปี โรงอุปราการอันยิ่งใหญ่และสวยงามแห่งนี้ก็ได้ถูกสร้างจนแล้วเสร็จ กลายมาเป็นสถานที่ที่ดึงดูดความสนใจจากผู้คนที่เดินผ่านไปมาได้เป็นอย่างดี และด้วยการตกแต่งตามสไตล์จักรพรรดินโปเลียนที่ 3 ทำให้ในโรงอุปราการแห่งนี้ ไม่มีที่โล่งเว้นว่างไว้แม้แต่น้อย พื้นที่ทั้งหมดถูกตกแต่งอย่างหรูหราสมราคา
ด้วยความที่ Charles Garnier นั้นได้ไปเล่าเรียนที่ประเทศอิตาลี อีกทั้งยังมีโอกาสได้ท่องเที่ยวไปประเทศอื่นๆในยุโรปอีกมากมาย ด้วยเหตุนั้นเองทำให้ Charles Garnier ต้องการที่จะผสมผสานเอาเทคนิคและสไตล์ต่างๆมารวมกันไว้ในที่เดียว ผู้เชี่ยวชาญบางท่านถึงกับขนานนามให้ Opera Garnier นั้นเป็น "เค้กแต่งงานชิ้นมหึมา" กล่าวถึงรูปร่างที่ค่อนข้างโดดเด่นไม่เหมือนใคร มากไปกว่านั้นโรงอุปราการแห่งนี้ยังติดอันดันหนึ่งใน 5 อันดับของโรงอุปราการที่สวยที่สุดในโลกอีกด้วย
GRAND ESCALIER
โถงบันไดอันยิ่งใหญ่นี้จะเป็นสิ่งแรกที่ปรากฏต่อสายตาเมื่อเข้าไปด้านใน สไตล์ของโถงบันไดนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Grand Theatre ที่เมืองบอร์โด สร้างขึ้นโดยหินอ่อนสีแดง หินอ่อนสีขาวจากประเทศอิตาลี และหินอ่อนสีเขียวจากประเทศสวีเดน โถงบันไดนี้เปิดโล่งถึงชั้น 2 ของโรงอุปราการ ด้วยหลังคาที่สูงทำให้สามารถมองเห็นการตกแต่งที่หรูหราได้ทั้งหมดสุดลูกหูลูกตา
SALLE DE SPECTACLE
ถึงแม้ว่าโรงอุปราการนั้นจะเปิดให้ผู้คนเข้าชม แต่ว่าโรงอุปราการแห่งนี้ยังถูกใช้งานตามปกติ ตอนกลางคืนมักจะมีงานแสดงโชว์ อย่างเช่นการบรรเลงเพลงโดยวงดนตรีออร์เคสตรา การร้องเพลงโอเปร่า หรือแม้กระทั่งโชว์เต้นบัลเล่ต์ การตกแต่งด้านในโรงอุปราการนั้นออกไปทางโทนสีแดงและสีทอง ให้ความรู้สึกที่เรียบง่ายแต่หรูหรา เมื่อตอนที่ Charles Garnier ออกแบบนั้น เขาไม่ได้ต้องการให้ผู้เข้าชม มารับชมเพียงโอเปร่าเท่านั้น หากแต่ว่าให้รับชมการตกแต่งภายในทั้งหมดอีกด้วย
MARC CHAGALL'S PAINTING ON THE CEILING
หนึ่งในสิ่งที่มีชื่อเสียงที่สุดของโรงอุปราการแห่งนี้ก็คือการที่ได้เป็นสถานที่ที่ "The Panthom of the Opera" จัดแสดง และอีกหนึ่งเหตุผลก็คือผลงานศิลปะอันเลื่องชื่อโดย Chagall ด้านบนเพดานที่ต้องแหงนคอจนเมื่อยแหละ กว่าจะดูจนครบทุกรายละเอียด Chagall เดิมทีเกิดที่ประเทศรัสเซีย และย้ายมาอยู่ที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศสตอนอายุประมาณ 20 ปี เขาเคยพูดเอาไว้ว่า "My art needs Paris as the tree needs water"
ย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่เขาเอ่ยปากขอเป็นส่วนหนึ่งในการวาดภาพบนเพดานด้านในโรงอุปราการ เขาไม่มีข้อเสนอใดๆ มากไปกว่านั้นยังยอมทำงานให้ฟรีโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน เขาทำมันด้วยใจรักที่แท้จริง และ 2 ปีให้หลังในปี 1965 เขาได้ทำมันจนสำเร็จ ผลงานศิลปะชิ้นงาม ในผลงานนั้น เป็นภาพของเหล่านักเต้นรำ นักเต้นบัลเล่ต์ และวิวจากสถานที่ต่างๆในกรุงปารีส สีสันมากมายถูกแต่งแต้มลงไปบนภาพวาดนั้น เพิ่มลูกเล่นให้โรงอุปราการดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
GRAND FOYER
Grand Foyer เรียกได้ว่าเป็นส่วนที่สวยที่สุดในโรงอุปราการ Opera Garnier แห่งนี้ พื้นที่ตรงนี้นับเป็นพื้นที่ทั้งหมด 154 ตารางเมตร เพดานสูง 18 เมตร และมีความกว้าง 13 เมตร ห้องนี้เมื่อสมัยก่อนนั้น มีเอาไว้รับรองเหล่าขุนนางและคนชั้นสูง
ผลงานศิลปะในห้องนี้ Charles Garnier ได้ตัดสินใจร่วมมือกับ Paul Baudry ศิลปินมือเอก ให้วาดภาพศิลปะตกแต่งห้องนี้ให้สมบูรณ์แบบ แต่ละภาพ Paul ตั้งใจที่จะสื่อออกมาให้เป็นประวัติความเป็นมาของดนตรี
ที่เห็นอยู่ตรงทางเข้านั้นคือรูปปั้นเหมือน Carlotta Grisi นักเต้นบัลเล่ต์ชาวอิตาเลียน จากประเทศโครเอเชีย เธอแสดงเป็น Giselle ตัวละครเอกในการแสดงเรื่อง Giselle ที่จัดแสดงที่โรงอุปราการแห่งนี้ อีกทั้งเธอยังเป็นหนึ่งในตัวแทนนักเต้นบัลเล่ต์หญิงสไตล์โรแมนติคอีกด้วย
BIBLIOTHEQUE
ด้านใน นอกจากโรงอุปราการแล้ว ยังมีห้องแสดงผลงานศิลปะและห้องสมุดอีกด้วย ห้องเหล่านี้มีเอาไว้เพื่อจัดเก็บผลงานศิลปะและหนังสือต่างๆ อย่างภาพตัวอย่างที่เห็นอยู่ด้านบน นั่นคือผลงานของ Charles Garnier ในห้องซ้อมเต้นบัลเล่ต์
SPECIAL EXHIBITION
นิทรรศการพิเศษนั้น มีให้ได้เข้าชมได้เรื่อยๆ อย่างเช่นในช่วงเวลานี้ ไปจนถึงวันที่ 16 กันยายน 2018 ที่ Opera Garnier ก็จะมีนิทรรศการ "PICASSO-DANCE" จัดแสดงเอาไว้ให้ได้เข้าชมกัน Pablo Picasso ถือว่าเป็นศิลปินมือฉมังที่มีฝีมือในศิลปะหลากหลายแขนง จนประทั่งปี 1910 เขาจึงหันมาเริ่มต้นออกแบบและตัดเย็บเสื้อผ้าสำหรับนักเต้นบัลเล่ต์ สิ่งนี้เองก็ถูกบันทึกเก็บไว้ในประวัติศาสตร์เช่นกัน
ด้านในโรงอุปราการแห่งนี้ มีห้องหับเยอะแยะเต็มไปหมดให้ได้ไปค้นหาและชื่นชม แนะนำควรจะเผื่อเวลาไปสักหน่อยเพื่อเข้าชม ด้านในให้เลือกว่าต้องการจะเดินทัวร์แบบมีไกด์ทัวร์หรือเดินทัวร์เอง ถ้าหากใครที่ต้องการเดินชมแบบมีไกด์ทัวร์ ต้องสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ด้านใน แต่ถ้าหากใครอยากที่จะเดินชมเอง ทางนั้นจะมี audio guide ไว้ให้บริการถึง 10 ภาษา
เรื่องและภาพ: Yuna Lee
แปล: Aphinya Kasemsukphaisan