ย่าน Opéra เรียกได้ว่าเป็นฝจกลางของกรุงปารีส เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังที่ห้ามพลาดเมื่อมาถึงกรุงปารีส สถานที่ท่องเที่ยวในย่านนี้มีทั้งแนวประวัติศาสตร์ ศิลปะ ชอปปิ้ง และร้านอาหาร อาคารต่างๆในบริเวณของย่านนี้ล้วนสร้างขึ้นภายใตคอนเซ็ปศิลปะ สถาปัตบกรรมที่สวยงาม สะดุดตา นอกจากจะเต็มไปด้วยบรรยากาศแบบยุโรปแล้ว ในย่านนี้ยังมีร้านอาหาร และจุดที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมเอเชียที่ซ่อนตัวอยู่มากมาย
บริเวณของย่านโอเปร่านั้นไม่ได้มีขนาดใหญ่มาก แต่ต้องบอกว่าเต็มไปด้วยสถานที่ที่น่าสนใจมากมาย การออกไปเดินเล่นในย่านนี้แบบผ่อนคลายโดยไม่จำเป็นต้องมีแพลนที่ชัดเจนก็เป็นกิจกรรมที่จะช่วยให้คุณได้มองเห็นปารีสในมุมมองที่่สวยงามผ่านสถาปัตยกรรม วิถีชีวิต เเละสถานที่ต่างๆในบริเวณนี้ เเต่หากว่าตารางของคุณนั้นเเน่นไปหมดเเล้ว และต้องการมีเเพลนที่ชัดเจน เราก็ขอลิสต์ชื่อสถานที่ที่เด่นๆในบริเวณนี้มาให้ด้านล่างนี้เลย
[1] สถานีเมโทร Opéra : เริ่มต้นตั้งแต่ทงออกสถานีเมโทร Opéra ซึ่งเป็นจุดที่คุณจะได้พบกับชื่นชมโครงสร้าง การตกแต่งของโรงอุปรากรโอเปร่าการ์นิเย่ ที่โดดเด่น สง่างาม และถ่ายภาพสวยๆกลับบ้านไปด้วย
[2] โรงอุปรากร Opéra Garnier: เราของเรียกที่นี่ว่าเป็นหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญของปารีส Opéra Garnier เปิดให้คุณได้เข้าไปชื่นชมความงดงามของการตกแต่งภายใน แต่อาจจะจต้องต่อคิวยาวกันเสียหน่อย
[3] Galeries Lafayette: หลังจากชื่นชมสถาปัตยกรรม ศิลปะที่โรงอุปรากรแล้ว ก็สามารถเดินต่อำปที่ด้านหลังเพื่อเข้าไปชอปปิ้งที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดังอย่าง Galeries Lafayette
[4] Place Vendôme: เป็นจัตุรัสที่ล้อมรอบด้วยร้านค้า และโรงแรมสุดที่ล้วนแล้วตกแต่งอย่างหรูหรา แน่นอนว่าที่ตรงนี้ คือ จุดถ่ายภาพอีกหนึ่งจุดที่คุณได้เห็นอยู่บ่อยๆ จากเหล่าเซเลบ
[5] Sanukiya: ชาวญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อยอาศัยอยู่ในย่านนี้ จึงไม่แปลกที่คุณจะได้พบกับร้านอาหารญี่ปุ่นมากมายรอบบริเวณนี้ เรียไกได้ว่าย่านนี้เป็น “Japanese district” ก็คงจะไม่ผิด "Sanukiya" เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่มีเมนูอูด้งแบบเป็นเซ็ตให้คุณได้เลือก รสชาติอาหารนั้นเหมือนได้ไปเที่ยวที่ญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้
[6] ถนน Rue Saint-Honoré: ถนนเส้นนี้เต็มไปด้วยร้านค้าจากช่างฝีมือเฉพาะทาง Astier de Vilatte เป็นร้านขายอุปกรณ์เครื่องใช้ในบ้านที่อยากให้คุณได้เข้าไปชื่นชมสินค้า ร้านนี้มีชื่อเสียงไม่น้อยในหมู่นักท่องเที่ยวชาวเอเชีย
[7] Palais Royal: ระหว่างทางเดินต่อไปยังสวนสาธารณะ Tuileries คุณจะเดินผ่านบริเวณ Palais Royal ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดถ่ายภาพยอดฮิต
[8] Tomo: ร้านขนมหวานในย่านของชาวญี่ปุ่น ณ กรุงปารีสที่คุณต้องได้ลองสักครั้งแล้วจะต้องติดใจ ขนมในร้านนี้จะเป็นแนวยญี่ปุ่นที่นำเอามาผสมผสานกับความเป็นฝรั่งเศสเพื่อให้เข้ากับสถานที่ตั้งในกรุงปารีส
[9] Galerie Vivienne: ในปารีสจะมีช่องทางเดินขนาดไม่ใหญ่นักเเละในในทางเดินเเบบนี้จะมีร้านขายสินค้าฝีมือ หรือของฝากตั้งอยู่ Galerie Vivienne ก็เช่นกัน เป็นทางเดินที่ตกแต่งสวยงาม มีสินค้าหลากหลาย รวมไปถึงของขวัญของฝากต่างๆซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของกรุงปารีส
จุดขายของย่านนี้คือเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่มาพร้อมกับความงามของศิลปะและสถาปัตยกรรมของบริเวณนี้
เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าเมื่อพูดถึง Opéra ภาพที่ปรากฎสำหรับทุกๆคนก็น่าจะเป็นภาพของโรงอุปรากร Opéra Garnier ซึ่งขึ้นมาตั้งแต่ปี 1875 โดย Charles Garnier ภายใต้คำสั่งของนโปเลียนที่ 3 สถานที่แห่งในใช้สำหรับการจัดแสดงละครเวที คอนเสิร์ต ดนตรี การแสดงบัลเล่ต์ แต่หากว่าใครไม่มีเวลาหรือไม่ได้มีคาวมสนใจในเรืองของการแสดง เพียงแค่ซื้อตั๋วเข้าชื่นชมสถาปัตยกรรมภายในก็ถือว่าตุ้มแล้ว การเข้าชมสถานที่แห่งนี้สามารถจะเข้าไปแบบเป็นกรุ๊ปพร้อมไกด์บรรยาย หรือจะเข้าไปชมแบบเดินเที่ยวเองก็ได้เช่นกัน มีทั้งให้เข้าชมรอบกลางวันเเละรอบกลางคืน สถาปัตกรรมภายในของโรงละครนี้เน้นไปที่สไตบ์แบบ Beaux-Arts ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในสมัยนั้น บันไดทางขึ้นก็มีรายละเอียดที่สวยงาม รวมไปถึงโคมไฟห้อยระย้าที่ทำให้โรงละครเเห่งนี้ดูหรูหราแบบสุดๆ อีกหนึ่งจุดที่พลาดไม่ได้ คือ ภาพวาดฝีมือจิตกรชื่อดังอย่าง Chagall ที่เพดานของห้องแสดงละคร
Opéra Garnier
ที่อยู่ : Place de l'Opéra 75009 Paris
การเดินทาง : เมโทรสาย 3, 7, 8 สถานี Opéra / RER สาย A สถานี Auber
เวลาทำการ : ทุกวัน 10:00-16:30 (10:00-18:30 สำหรับช่วงฤดูร้อน) / ปิดทุกวันที่ 25 ธันวาคม, 1 มกราคม และ 1 พฤษภาคม
ค่าใช้จ่าย : ผู้ใหญ่ - 14 ยูโร (12 ยูโรสำหรับช่วงที่ไม่มีนิทรรศการ), เยาวชนอายุ 12 ถึง 25 ปี - 10 ยูโร (8 ยูโรสำหรับช่วงไม่มีนิทรรศการ), เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ไม่มีค่าใช้จ่าย / ไกด์ทัวร์r: Opéra Garnier Day Tour - 17 ยูโร, The Paris Opera 350th anniversary tour - 18 ยุโร, Opera Garnier After Hours - 21€
อีกหนึ่งจุดถ่ายภาพยอดฮิตในกรุงปารีส คือ บริเวณ Palais Royal ที่มีแท่นปูนลายทางตั้งอยู่จำนวน 260 แท่นด้วยกัน เจ้าเเท่งปูนลายทางนี้ เป็นผลงานศิลปะร่วมสมัยชื่อว่า The Colonnes de Buren โดยศิลปินที่มีชื่อว่า Buren นั่นเอง
Palais Royal
ที่ตั้ง : 8 rue de Montpensier 75001 Paris
การเดินทาง : เมโทรสาย 1, 7 สถานี Palais Royal Musee du Louvre
แท่นศิลาขนาดใหญ่ใจกลางถนน นี่คือสัญลักษณ์ว่าคุณมาถึงที่ Place Vendôme แล้วนั่นเอง จัตุรัสแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อปี 1720 โดยกษัตริย์หลุยส์ที่ 14 จริงแล้วจัตุรัสแห่งนี้เคยมีรูปปั้นของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ตั้งอยู่ด้วย แต่สุดท้ายก็โดนทำลายไปในช่วงที่มีการปฎิวัติ และได้สร้างแท่นศิลาพร้อมรูปปั้นนโปเลียนขึ้นมาแทนเพื่อเป็นการประกาศชัยชนะ ปัจจับันบริเวณจัตุรัสนี้เป็นที่รู้จักกันในฐานะสถานที่ตั้งของร้านและโรงเเรมหรู เช่น Cartier, Chanel, Dior, Chaumet, Piaget, Louis Vuitton, Rolex and โรงแรม Ritz Paris ซึ่งเคยเป็นที่พักของนักเขียนอย่าง Hemingway และตัวแม่ในวงการแฟชั่นอย่าง Coco Chanel
Place Vendôme
การเดินทาง : เมโทรสาย 3, 7, 8 สถานี Opéra
ถัดจากโรงอุปรากรโอเปราเพียงไม่กี่ก้าว คุณก็จะได้พบกับพิพิธภัณฑ์น้ำหอม Fragonard นอกจากจะได้รับชม เรียนรู้เรื่องราวของน้ำหอมแล้ว ยังได้เรียนรู้ที่มาของแบรนด์ Fragonard ซึ่งเป็นแบรนด์น้ำหอมจากเมือง Grasse และเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก หลังจากเรียนรู้เกี่ยวกับน้ำหอมกันจนหนำใจก็ยังมีส่วนของโซนชอปปิ้งที่คุณสามารถเลือกซื้อน้ำหอมกลับบ้านติดไม้ติดมือกลับไปได้ และเมื่อดาวน์โหลด คูปอง คุณก็จะได้ส่วนลดในการซื้อน้ำหอมไปเลย 10%
Musée du Parfum Fragonard
ที่อยู่ : 3-5, Square de l'Opéra Louis Jouvet, 75009 Paris
เวลาทำการ : วันจันทร์ - วันเสาร์ 9:00-18:00
การเดินทาง : เมโทรสาย 3, 7, 8 สถานี Opéra
ถ้าใครที่มีเวลาเหลือ เราก็แนะนำให้เข้าไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะ Tuileries เพื่อสัมผัสบรรยากาศสสบายๆ ชื่นชมบรรยากาศของชาวปารีสและนักท่องเที่ยวที่อออกมาทำกิจกรรมในสวนสาธารณะ และถ้ามาเที่ยวปารีสในช่วงคริสต์มาส คุณก็จะได้พบกับตลาดคริสต์มาสอีกด้วย ภายในสวนสาธารณะเเห่งนี้มีพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กตั้งอยู่ซึ่งเป็นสถานที่เก็บผลงานภาพวดบ่อบัวของ โมเนต์ (Monet) พิพิธภัณฑ์ที่เรากำลังพูดถึงนี้ คือ พิพิธภัณฑ์ ORANGERIE นั่นเอง หากใครอยากอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกิกิธภัณฑ์แห่งนี้ก็ลองคลิ๊ก ที่นี่ ได้เลย นอกจากนี้พิพิธภัณฑ์ลูฟว์ก็ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสวนเเห่งนี้อีกด้วย และเเน่นอนว่าเป็นอีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์ที่ทุกคนไม่ควรจะพลาดเมื่อมาเยือนกรุงปารีส หากอยากได้ข้อมูลเพิ่มเตืมในการเดินเที่ยวพิพิธภัณฑ์ลูฟว์ก็คลิ๊ก ที่นี่ ได้เลย
ปารีสเมืองแฟชั่น พูดขนาดนี้แล้วจะไม่พาชอปปิ้งเลยก็คงจะไม่ใช่ ในย่านโอเปร่าแห่งนี้มีทั้งสินค้าราคาสบายกระเป๋าและสินค้าราคาเเพงให้ทุกคนได้เลือก และร้านค้าหลายร้านมีบริการ tax refund เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักเที่ยวด้วย
สถานที่ชอปปิ้งที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดในปารีสก็คงหนีไม่พ้นชื่อของ GALERIES LAFAYETTE ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ประกอบด้วยตึกจำนวน 3 ตึกด้วยกัน คือ the Coupole ซึ่งเป็นอาคารหลัก, ตึก Homme ซึ่งเป้นโซนขายเสื้อผ้าคุณผู้ชาย และตึกสถดท้าย คือ La Maison & Le Gourmet ซึ่งเป็นเเหล่งรวบรวมอาหารสำเร็จรูปและอุปกรณ์ปรุงอาหารเกรดพรีเมี่ยม เมื่อชอปปิ้งที่ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ คุณสามารถได้รับสิทธิพิเศษเพียงแค่ดาวน์โหลดคูปอง ที่นี่ และหากสนใจเรียนรู้การทำอาหารทั้งคาวหวานก็สามารถทำได้เช่นกัน เพราะทางห้างสรรพสินค้าได้ร่วมมือกับโรงเรียนสอนทำอาหารเพื่อจัดคอร์สให้กับผู้ที่สนใจ โดยสามารถใช้โค้ดส่วนลด OBONPARISTH ในการจองคลาสเหล่านี้ได้ผ่านเว็บไซต์ของ O'bon Paris เพียงคลิ๊กที่นี่
Coupole / Homme
ที่ตั้ง : 40, Boulevard Haussmann 75009 Paris
การเดินทาง: เมโทรสาย 7, 9 สถานี Chaussée d'Antin-La Fayette / เมโทรสาย 3, 7, 8 สถานี Opéra / เมโทรสาย 12 สถานี Trinité / RER สาย A สถานี Auber / RER สาย E สถานี Haussmann-St Lazare
เวลาทำการ : วันจันทร์ - วันเสาร์ 9:30-20:30 / วันอาทิตย์ 11:00-20:00 (ปิดทุกวันที่ 1 มกราคม, 1 พฤษภาคม, และ 25 ธันวาคม)
La Maison & Le Gourmet
ที่ตั้ง : 35, Boulevard Haussmann 75009 PARIS
การเดินทาง : เมโทรสาย 7, 9 สถานี Chaussée d'Antin-La Fayette / เมโทรสาย 3, 7, 8 สถานี Opéra / เมโทรสาย 12 สถานี Trinité / RER สาย A สถานี Auber / RER สาย E สถานี Haussmann-St Lazare
เวลาทำการ : วันจันทร์ - วันเสาร์ 9:30-21:30 / วันอาทิตย์ 11:00-20:00 (ปิดทุกวันที่ 1 มกราคม, 1 พฤษภาคม, และ 25 ธันวาคม)
เมื่อสิ้นสุดจากการชื่นชมศิลปะ สถาปัตยกรรมสไตล์ Haussmannian เราขอแนะนำให้เดินมาที่ถนน Rue Saint-Honoré ซึ่งเต็มไปด้วยร้านค้าหรูหรามากมาย ไม่ว่าจะเป็น DIOR, BALENCIAGA หรือ SAINT LAURENT รวมไปถึงร้านขายน้ำหอมโดยเฉพาะอย่าง LE LABO, DIPTYQUE และอีกร้านหนึ่งที่เราอยากให้ทุกคนได้เข้าไปเยี่ยมชมคือร้าน ASTIER DE VILLATTE ซึ่งเป็นร้านขายเครื่องถ้วยชาม โดยช่างฝีมือเฉพาะ
Astier de Vilatte
ที่ตั้ง : 173 Rue Saint-Honoré 75001 Paris
การเดินทาง :เมโทรสาย 7, 14 สถานี Pyramide
เวลาทำการ : ทุกวัน11:00-19:30
เมื่อมาถึงปารีส เราก็อยากจะให้คุณได้สัมผัสบรรยากาศแบบปารีสเเท้ๆ เราจึงขอเสนอการออกไปนั่งทานกาแฟ หรือชอปปิ้งที่ทางเดินเล็กๆ และแฝงไปด้วยความหูหราแบบเฉพาะของปารีส หากใครเคยชมภาพบนตร์เรื่อง “Midnight in Paris” ก็คงน่าจะพอนึกออก Galerie Vivienne เป็นอีกหนึ่งทางเดินที่อยู่ไม่ไกลจาก Palais Royal และเป็นที่รู้จักเนื่องมากจากเป็นที่ตั้งของร้านค้าหรูหรา ลายกระเบื้องที่เป็นเอกลักษณ์ เต็มไปด้วยคาเฟ่ บาร์ ร้านขายเครื่องเขียนและเครื่องประดับ รวมไปถึงร้านหนังสือที่น่าสนใจมากมาย
บรรยากาศแบบปารีสแท้ๆที่บริเวณ Galeries Vivienne คือหนึ่งสิ่งที่ไม่ควรพลาด ร้านหนังสือที่บริเณทางเดินแห่งนี้มีหนังสือเก่าจำนวนมาก รวมไปถึงโปสการ์ดที่ระลึกเกี่ยวกับปารีสที่จะช่วยให้คุณสามารถเก็บภาพของปารีสเอาไว้ เเละนอนกจากนี้ยังมีร้านขายน้ำหอม MAD ET LEN ซึ่งมีชื่อเสียงในด้านของ Potpourri และผลิตภัณฑ์เครื่องหอมภายในบ้านอีกด้วย
Galeries Vivienne
การเดินทาง : เมโทรสาย 3 สถานี Bourse / เมโทรสาย 1, 7 สถานี Palais Royal-Musée du Louvre
นอกจาก Galerie Vivienne แล้ว ยังมี Passage Jouffroy, Passage des Panorama, Passage de Verdeaux ที่มีลักษณะคล้ายๆกัน คือเป็นทางเดินเท้าที่ล้อมรอบสองข้างด้วยร้านค้าต่างๆ ที่ Passage Joffroy มีร้านขายของฝากอย่าง Paris est toujours Paris ซึีงมีของฝากจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสรวลรวมไว้มากมาย เช่น เสื้อลายทางจาก Saint James, หมวกเบเร่ต์จากแบรนด์เก่าแก่ Laulhere นั่นเอง
Paris est toujours Paris
ที่ตั้ง : 47 Passage Jouffroy, 75009 Paris
การเดินทาง : เมโทรสาย 8 สถานี Grands Boulevards
เวลาทำการ : ทุกวัน 10:00-19:00
ย่าน Opéra นี้เป็นที่รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่า “Japanese quarter” เนื่องจากมีร้านอาหารญี่ปุ่นตั้งอยู่จำนวนมาก
ร้านอาหารญี่ปุ่นส่วนใหญ่ในบริเวณนี้เป็นร้านราเมน ร้านชื่อดังที่เราแนะนำว่าควรไปลอง คือ ร้าน Kotteri Ramen Naritake ซึ่งมีชื่อเสียงอย่างมากในเมนูที่มีซุปมิโสะเป็นส่วนประกอบหลัก หรือ Hakata Choten ซึ่งมีจุดเด่นในเรื่องของน้ำซุปกระดูกหมูเข้มข้น
ส่วนใครที่ชอบรสชาติแบบเบาๆ ร้าน Kodawari Ramen น่าจะเป็นร้านที่คุณชอบ โดยน้ำซุปของร้านนี้ทำมาากไก่ ภายในร้านยังตกแต่งอย่างสวยงามและมีเอกลักษณ์เฉพาะอีกด้วย
หากคุณต้องการจัทานอาหารญุี่ปุ่นแบบดั้งเดิม และเต็มไปด้วยประโยชน์ต่อร่างกายหล่ะก็ อูด้งและโซบะเรียกได้ว่าเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับคุณเลยทีเดียว เส้นอูด้งนั้นมีความหนึบเเละเป็นรสชาติแบบเพลนๆ ในขณะที่เส้นโซบะจะมีรสชาติมาขึ้นมาอีกหน่อย เเละมีความนุ่มเบากว่า เส้นทั้งสองชนิดนี้มีคุณสมบัติที่ดี คือ ย่อยง่าย นอกากนี้เส้นโซบะยังเต็มไปด้วยไฟเบอร์อีกด้วย
ภาพอาหารด้านบนนี้ ถ่ายมาจากร้าน Sanukiya ซึ่งเป็นร้านอูด้ง udon ที่ชาวปารีสนั้นชื่นชอบ รวมไปถึงเป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวชาวเอเชียอีกด้วย หลายครั้งที่คุณจะเห็นคิวที่ค่อนข้างยาวที่หน้าร้น แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะการจัดการในร้านค่อนข้างรวดเร็ว และรอไม่นาน เมนูที่ดีเเละคุ้มที่สุดในร้านนี้ คือ เซ็ตเมนูที่ประกอบไปด้วยอูด้งจำนวน 1 ชาม ไก่ทอดคาราเกะ ข้าวผัด เเละเครื่องดื่ม เราขอแนะนำเมนูอูด้งเทมปุระ เพราะมีเทมปุระหลากหลายชนิดให้ได้ทาน รวมไปถึงหน้าตาของอาหารก็น่าทานอย่างมาก รสชาติก็อร่อยสุดไปเลย นอกจากร้าน Sanukiya ยังมีร้านดังอื่นๆ เช่น Kunitoraya, Jubei ซึ่งมีชื่อเสียงในเรื่องของอูด้ง และร้าน Abri Soba ซึ่งมีชื่อเสียงในเรื่องของโซบะ
ภาพด้านบนที่เห็นอยู่นี้ คือ ภาพจากคาเฟ่ Tomo ซึ่งเป็ที่นิยมอย่างมากจากเมนูของหวานสไตล์ญี่ปุ่น เมนูที่เห็นอยู่ด้านบนนี้ คือ โดรายากิ ซึ่งก็มีลักษณะคล้ายกับเเพนเค้กสองชั้นที่ประกบกันและมีครีมอยู่ตรงกลาง โดรายากินี้มีทั้งแบบที่เป็นรสชาติดั้งเดิมและเเบบที่เริ่มมีการปรุงเเต่งด้วยรสชาติที่ทันสมัยมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้อาจมีการตกแต่งเพิ่มเติมด้วยผลไม้ประจำฤดู นอกจากร้านขนมร้านนี้เเล้ว ในย่านโอเปร่ายังมีร้านชานมไข่มุกที่เราคุ้นเคยกันอย่าง The Alley ตั้งอยุ่ด้วย รวมไปถึงร้านขนมปังสไตล์ญี่ปุ่นอย่าง Aki Boulanger และร้านข้าวปั้นญี่ปุ่นที่สะดวกต่อมื้ออาหารแบบรวดเร็วอย่างร้าน Omusubi Gonbei.
เมื่อมาเที่ยวถึงฝรั่งเศส หลายๆคนก็คงอยากที่จะสัมผัสรสชาติอาหารฝรั่งเศสแบบแท้ๆ ร้านอาหารฝรั่งเศสในย่านนี้ที่เราแนะนำให้ไปลองเลย คือ Le Bouillon Chartier และ Pascade Le Bouillon Chartier เป็นร้านอาหารฝรั่งเศสแบบดั้งเดิม มีอาหารอย่างหอยทาก แลเนื้อทาร์ทาร์ให้บริการ นอกจากรสชาติอาหารจะอร่อยแล้ว บรรยากาศของร้านยังเต็มไปด้วยศิลปะ เเละสถาปัตยกรรมของฝรั่งเศสที่น่าประทับใจ ราคาอาหารไม่เเพงจนเกินไปด้วย
ส่วนร้าน Pascade นั้นมีจุดเด่น คือ เมนูชื่อเดียวกับร้าน pascade มีลักษณะคล้ายออเล็ตที่หนา เเละนิยมทานกันในแถบ Aveyron ของฝรั่งเศส ร้านนี้ได้รับการการีนตีด้วยด้วยรางวาล 2 ดาวขากมิชลินไกด์ เรียกได้ว่าเป็นการชิมเมนูฝรั่งเศสที่ไม่ได้จะหาทานกันได้ง่าย เเละยังได้รับประทานรสชาติที่การันตีว่าดีจริงๆ จากไกด์บุ๊คชื่อดังระดับโลก
Café de la Paix เป็นร้านคาเฟ่ชื่อดังที่คุณควรจะได้ลองเข้าไปนั่งสักครั้ง นอกจากนี้ยังมีคาเฟ่ที่เป็นที่รู้จักจากเหล่าบล๊อกเกอร์เช่น Café Verlet, Café Kitsuné Palais Royal, Télescope Coffee Shop ก็ล้วนเป็นคาเฟ่ที่มีอาหารรสชาติดี พร้อมทั้งบรรยากาศสุดสบายตาให้เราได้เข้าไปพักผ่อนจิบกาแฟและพบปะพูดคุย อีกหนึ่งร้านที่เราอยากแนะนำให้ได้รู้จักกัน คือ Violetta et Alfredo ซึ่งตกแต่งในบรรยากาศแบบโรแมนติก ด้วยเฟอร์นิเจอร์วินเทจ เเละโคมไปห้อยระย้า โดยเมนูในร้านนั้นมีทั้งขนมปัง เบเอร์รีที่ทำออกมาแบบสดใหม่ เเละเครื่องดื่มร้อน เย็นมากมาย นอกจากนี้เรายังมีข้อเสนอพิเศษ เพียงเเค่ดาวน์โหล คูปอง จากทาง O'bon Paris คุณก็จะได้รับชาออร์เเกนิคจากทางไปแบบฟรีเมื่อสั่งชุดบรั้นช์สองเซ็ตขึ้นไป พร้อมโชว์คูปองให้กับพนักงาน หรือสามารถเลือกเป็นส่วนลด 10 % เมื่อสั่งชุดชา 2 เซ็ต
Violetta et Alfredo
ที่ตั้ง : 30 Rue de Trevise, 75009, Paris
การเดินทาง: เมโทรสาย 7 สถานี Cadet / เมโทรสาย 8, 9 สถานี Grands Boulevards
เวลาทำการ : วันพุธ - วันเสาร์ 10:00-21:00 / วันอาทิตย์ 11:00-19:00 (ปิดทุกวันจันทร์และวันอังคาร)
ย่านโอเปร่าเป็นย่านที่ค่อนข้างสะอาดและปลอดภัย แต่อย่างไรก็ตามคุณอาจจะต้องคอยระวังนักล้วงกระเป๋าเอาไว้บ้าง เราเเนะนำว่าให้สะพายกระเป๋าเป้ไว้ที่ด้านหน้าเพื่อให้สิ่งของมีค่า หรือทรัพย์สินนั้นอยู่ในสายตาของคุณตลอดเวลา
เรื่อง : Kampoo
ภาพถ่าย : Jieun Yoo และ Yuka
ภาพวาด : Fangfang