Audrey Hepburn นักแสดงชาวอังกฤษ ครั้งหนึ่งเคยกล่าวไว้ว่า ''Paris is always a good idea'' เเละหากจะให้พูดถึงอีกหนึ่งช่วงเวลาที่ดีที่สุดในปารีสก็คงต้องเป็นช่วงของฤดูใบไม้ผลิ พระอาทิตย์โผล่ขึ้นมาทักทายให้หันกันบ่อยคิด แสงสว่างจ้าจากพระอาทิตย์ที่ทำให้ปารีสนั้นดูสดใส สดชื่น ดอกไม้เเละผู้คนต่างก็พากันเบิกบานต้อนรับแสงอาทิตย์
อุณหภูมิในช่วงฤดูนี้อยู่ที่ระหว่าง 5และ 20 องศาเซลเซียส ในบางวันที่เเดดแรงๆก็จะได้เห็นชาวปารีสแต่งตัวสบายๆ ในลุคเสื้อยืด หรือเปลี่ยนจากสวมโค้ทตัวหนาเหลือแค่เสื้อคลุมที่ดูบางลง อย่างไรก็ตามในช่วงฤดูนี้อาจมีบางวันที่ได้เห็นฝนตกอยู่ประปาย ดังนั้นร่มกันฝนก็นับเป็นอีกหนึ่งของสำคัญที่ไม่ควรลืมพกติดตัว
วันนี้เรามาพูดถึงกิจกรรมต่างๆที่เหมาะกับฤดูใบไม้ผลิในกรุงปารีสกันดีกว่า
กรุงปารีสในฤดูใบไม้ผลินั้นคือความงดงาม ดอกซากุระสีชมพูแข่งกันบานสะพรั่งเพิ่มสีสันให้กับพื้นที่รอบกรุงปารีส
ที่บิรเวณ Champs de Mars และ Trocadéro ใกล้หอไอดฟล ถือได้ว่าเป็นบริเวณที่เต็มไปด้วยดอกซากุระบานสะพรั่ง โดยปกติแล้วดอกซากุระหรือเชอร์รี่บลอสซั่มจะเริ่มบานให้เห็นกันในช่วงต้นเดือนมีนาคมไปถึงกลางเดือนเมษายน
อีกบริเวณหนึ่งที่สามารถสัมผัสกับดอกไม้สีชมพูสดใสนี้ในช่วงเดือนเมษายน คือ บริเวณหน้าร้านหนังสือชื่อดังอย่าง Shakespeare and Company ใกล้ๆกับโบสถ์ Notre-Dame แห่งปารีส
ดอก Magnolia คืออีกหนึ่งดอกไม้สีชมพูที่ทำให้ปารีสในฤดูใบไม้ผลินั้นดูโรเเมนติกมากขึ้นไปอีก ไม่ว่าจะเป็นบริเวณใกล้ๆสวน Tuileries หรือพิพิธภัณฑ์ลูฟว์ ถนน Rivoli รวมไปถึงบริเวณหอไอเฟล ลาน Palais Royal ในรูปตัวอย่างด้านบนคืออีกหนึ่งสถานที่ที่คุณจะได้ชื่นชมกับความงนงามของดอก พร้อมกับจิบกาแฟจากร้าน Café Kitsuné
ปารีสเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัว ศิลปะการตกแต่งที่แฝงอยู่ในตัวอาคารหรือการตกแต่งสวน พื้นที่กลางแจ้งต่างๆ ทำให้การเดินเล่นในเมืองนั้นไม่น่าเบื่อ ทุกการก้าวเดินในเมืองเต็มไปด้วยเรื่องราวน่าค้นหา
การเดินเล่นริมแม่น้ำแซนน์เป็นช่วงเวลาดีๆที่คุณจะได้ผ่อนคลาย เเละเพลินเพลินไปกับแสงของพระอาทิตย์ที่กระทบกับเเม่น้า นอกจากนี้ปารีสยังมีคลอง Saint-Martin ที่ล้อมรอบไปด้วยคาเฟ่ชิกๆมากมาย กาแฟ หรือเครื่องดื่มดีสักแก้วติดมือ เดินเล่นเพลินๆริมคลองเพียงแค่นี้วันของคุณก็จะเพลิดเพลินมากขึ้ไม่น้อย
หากคุณหลงรักศิลปะ บริเวณสวนของพิพิธภัณฑ์โรเเด็ง (Rodin museum) คือ สถานที่คุณควรจะต้องไปสักครั้ง บริเวณสวนของพิพิธภัณฑ์ตกแต่งด้วยงานศิลปะ รูปปั้นต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรูปปั้นชื่อดังอย่าง "Thinker" หรือ "The Gate of Hell" หลายๆคนอาจจะพอคุ้นตากับบริเวณสวนหรือชื่อพิพิธภัณฑ์กันมาบ้างแล้ว นั่นก็เพราะว่า พิพิธภัณฑ์โรแด็งปรากฎให้เห็นในภาพยนตร์ชื่อดัง อย่าง "Midnight in Paris"นั่นเอง
ตลาดต่างๆในฝรั่งเศสเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่จะทำให้คุณได้เข้าถึง หรือสัมผัสบรรยากาศแบบปาครเซียงมากขึ้น ซุ้มอาหารต่างๆที่ส่งกลิ่นหอมกรุ่น ผู้คนที่ออกมาสนทนาเเลกเปลี่ยนเรื่องราว สีสันต่างของผักและผลไม้ล้วนเเล้วแต่จะช่วยเติมเต็มประสบการแบบปาครีเซียงให้คุณได้อย่างแน่นอน
เราแนะนำว่าให้ลองเลือกซื้อผลไม้สดจากตลาด เเละนำมารับประทานเป็นอาหารเช้าหรือเตรียมเป็นอาหารสำหรับปิกนิก เราเชื่อว่าวันนั้นของคุณจะรู้สึกสนุกมากยิ่งขึ้น หากได้พบกัยร้านอาหาร ร้านขนมปัง หรือแซนด์วิชแบบในภาพด้านบนก็ต้องบอกเลยว่าอย่าพลาดที่จะลองชิม หากใครสนใจจะลองไปเดินตลาดแบบนี้ก็ลองเข้าไปดูโลเคชั่นได้เพียงแค่คลิ๊ก ที่นี่
กิจกรรมนี้ คือ สิ่งที่ไม่ควรพลาดอย่างที่สุด
หลายคาเฟ่ในปารีส มีทั้งการให้บริการในร่มเเละบรเวณกลางแจ้งเช่นที่เห็นในภาพด้านบน ซึ่งเป็นภาพของร้าน Café de Floreนอกจากจะได้ดื่มเำ่กับกลิ่นกาแฟและรสชาติอาหารเเล้ว การนั่งเล่นในคาเฟ่ยิงนับเป็นโอกาสที่จะได้พบเจอผู้คนใหม่ๆ ได้เเลกเปลี่ยนควาทคิดเห็น รวมไปถึงการนั่งมองวิถีชีวิตแบบปาครีเซียงอีกด้วย
หากเเต่ว่าหลายๆคนอาจจะยังมีคำถามว่าเเล้วมีคาเฟ่ไหนที่น่าสนใจบ้าง เราขอเอาชื่อของคาเฟ่ดังๆบางส่วนมาเขียนไว้ตรงนี้ เช่น "Les Deux Magots", "Café de Flore", หรือ"Cafe Louise" ซึ่งอยู่ในเขต 6th หรือหากใครอยากได้ร้านกาแฟที่ให้บรรกาศสนุกๆมากขึ้นก็ขอแนะนำร้านอย่าง "Café Kitsuné", "Cordonnerie", และ "Dose" การเดินทางไปแต่ละคาเฟ่ในปารีสนั้นบอกเลยว่าง่ายดาย เพียงแค่เปิดGPS มือถือ รับรองว่าไม่มีหลง
อากาศดีๆในฤดูใบไม้ผลิเป็นสัญญาณที่ดีที่จะมีกิจกรรมต่างๆจัดขึ้นเพื่อต้อนรับชาวเมืองที่ต้องการออกมาพกผ่อนหย่อนใจ
ตัวอย่างเช่น "Salon Chiens Chats(Cats & Dogs)" หรือกิจกรรมที่รวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับหมาเเละแมว ในห้องโถงขนาดใหญ่ 5000 ตารางเมตร คุณจะได้พบกับ หมาเเละแมวกว่า 900 ชนิด
และนอกจากนี้ว่าเมืองเเห่งศิลปะอย่างปารีส ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะพลาดอีเว้นอย่าง "Paris Art Fair" ที่จัดขึ้นในบริเวณ Grand Palais อีเว้นนี้จะมีการจัดแสดงงานศิลปะร่วมสมัยต่างๆ
หากคุณสนใจเรื่องราวของอาหารในกรุงปารีสก็เเน่นอนว่ากิจกรรมอย่าง "La fête du Pain" หรือเทศกาลขนมปังคืออีกหนึ่งอีเว้นที่คุณจะต้องตื่นตาตื่นใจ ท้านที่สุดเราก็ขอเอ่ยถึง "Nuit des Musées" หรือคำคืนแห่งพิพิธภัณฑ์กันสักหน่อย ซึ่งนั่นหมายถึงการเปิดให้ผู้ที่สนใจเข้าชมพิพิธภัณฑ์แบบไม่มีค่าใช้จ่ายนั่นเอง
Authors - Soonmin Hong, Yuka Ishihara
Photographs - O'bon Paris team