Rennes หรือเมืองแรนส์ เป็นเมืองทางตะวันออกของแคว้นบริททานี (Brittany) ที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศฝรั่งเศส เป็นหนึ่งในเมืองที่เต็มไปด้วยนักเรียนและนักศึกษากว่า 63,000 คน อีกทั้งยังเป็นเมืองที่ตั้งของมหาวิทยาลัยที่ใหญ่เป็นอันดับ 8 ของประเทศฝรั่งเศสอีกด้วย
ถ้าจะให้กล่าวถึงศิลปะในเมืองนี้และประวัติศาสตร์ความเป็นมานั้น แรนส์ได้รับรางวัลยกย่องให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในประเทศฝรั่งเศสประจำปี 2012 เลยทีเดียว ลองไปดูกันว่าเมืองนี้จะน่าอยู่ขนาดไหน
บรรยากาศรอบๆเมือง ไม่ว่าจะเป็นตรอกซอกซอยเล็กๆก็ยังดูน่ารัก มีมุมถ่ายรูปทุกๆที่ที่เดินผ่าน ตึกและอาคารต่างๆถูกเก็บรักษาเอาไว้ได้เป็นอย่างดี ยังคงความคลาสสิคเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ศาลาว่าการประจำเมืองนั้นถูกออกแบบโดย Jacques Gabriel หนึ่งในผู้ออกแบบพระราชวังแวร์ซาย (Versailles) หลังจากเกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ในปี 1720 Jacques Gabriel สถาปนิกในกษัตริย์ก็ได้วางแผนสร้างศาลาว่าการประจำเมือง ศาลตุลาการ และหอนาฬิกา ทั้งหมดเข้าไว้ด้วยกันให้อยู่ภายในที่เดียว ณ จัตุรัสกลางเมืองใหม่ ส่วนเว้าโค้งตรงกลางตึกนั้น ถูกออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดังอีก 2 ท่าน ได้แก่ Le Vau และ Hardouin-Mansart ในช่วงซัมเมอร์ บริเวณนี้มักจะมีฟรีไกด์ทัวร์ที่จัดขึ้นโดย Tourism Department ประจำเมืองแรนส์ให้บริการเป็นประจำ
ศาลสูง (Brittany High Court) ถือว่าเป็นสถานในประวัติศาสตร์ที่สำคัญที่หนึ่งของเมืองแรนส์ ออกแบบโดย Salomon de Bros ผู้ที่ออกแบบสวน Luxembourg ที่กรุงปารีส ที่นี่เปิดให้สาธารณะชนเข้าชมได้ หากแต่ว่าต้องทำการลงทะเบียนที่สำนักงานเลขาธิการก่อนล่วงหน้า
รัฐสภา หรือ Parlement de Bretagne (Administrative and Judicial Center of Brittany) เป็นสถาปัตยกรรมจากศตวรรษที่ 17 ที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในเมืองแรนส์ ถูกบูรณะและสร้างขึ้นมาใหม่หลังจากเกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ขึ้นในปี 1994 เหตุการณ์ในครั้งนั้นถูกคาดการณ์ว่าอาจจะเกิดจากเปลวไฟจากผู้เข้าร่วมการประท้วง ทำให้ไฟลามและลุกไหม้ในที่สุด นอกจากนั้นที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของศาลอุทธรณ์อีกด้วย
สถานที่นี้ถูกใช้เป็นโบสถ์ประจำเมืองมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 6 และถูกแทนที่ด้วยโบสถ์สไตล์กอธิค (Gothic) เมื่อศตวรรษที่ 12 แรกเริ่มเดิมทีแล้วนั้น ที่นี่ถูกตกแต่งในสไตล์นีโอคลาสสิค (Neo-Classical) แต่ว่าในศตวรรษที่ 19 ที่ผ่านมา ที่นี่ก็ถูกตกแต่งใหม่ทั้งหมด โดยใช้ปูนฉาบผนังและเคลือบด้วยสีทองเป็นส่วนใหญ่ อีกทั้งยังมีการวาดภาพตกแต่งเพื่อให้ดูหรูหรายิ่งขึ้น โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากรัฐสภาประจำเมืองแรนส์นั่นเอง
อาหารท้องถิ่นของเมืองแรนส์ก็เห็นจะเป็นอื่นเป็นไม่ได้ นอกจาก Gallete หรือเครปสตไล์ฝรั่งเศสนั่นเอง รวมไปถึงไซเดอร์อีกด้วย ถ้าหากถึงเวลาอาหารกลางวันและไม่รู้ว่าจะไปรับประทานอาหารที่ไหนดี ลองเลือกร้านเครปสักร้านแล้วเข้าไปสั่ง Gallette สักจาน อย่างร้านอาหารที่เห็นในภาพนี้คือ Galette จากร้าน Saint Georges ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตลาดกลางเมืองที่มีชื่อเสียงโด่งดัง มีทั้งของแต่งบ้านหลากหลายชนิด รวมไปถึงร้านเครปให้เลือกรับประทานเต็มไปหมด
ที่นี่มีเครปทั้งแบบเค็มและแบบหวานให้เลือกหลากหลายเต็มไปหมด และอย่าลืม เครปต้องรับประทานคู่กับแอปเปิ้ลไซเดอร์ ที่เข้ากันได้เป็นอย่างดี
ที่อยู่: 11 Rue du Chapitre, 35000 Rennes
เว็บไซต์: www.creperie-saintgeorges.fr
ตลาดสดในร่มที่นี่เปิดให้บริการทุกวันเสาร์ตอนเช้า มีวัตถุดิบสำหรับทำอาหารมากมายวางขายเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นอาหารทะเล นม เนย ชีส ไปจนถึงผักและผลไม้ชนิดต่างๆ
ถ้าหากเดินเที่ยวเล่นในเมืองจนเหนื่อย และต้องการจะนั่งพักผ่อนที่ไหนสักที่ แนะนำว่าให้ไปที่สวนสาธารณะ Thabor (Parc du Thabor) ที่ผู้คนนิยมจะมานั่งปิคนิคกันในวันที่อากาศดี ที่นี่เป็นสวนเล็กๆ ไม่ใหญ่มาก หากแต่ว่ามีสวนพฤษศาสตร์ (Jardin Botanique du Thabor) ตั้งอยู่ และถึงแม้ว่าเมืองแรนส์จะเป็นเมืองเล็กๆ แต่ก็เต็มไปด้วยหลายสิ่งหลายอย่างให้สำรวจและค้นหา สำหรับใครที่มีโอกาสผ่านไปที่เมืองแรนส์แห่งนี้ แนะนำว่าให้เผื่อเวลาเดินเล่นในเมืองนี้สักหน่อย บอกได้เลยว่าเป็นเมืองเล็กแต่สวยงามมากอีกเมืองหนึ่งเลย
แปล: Aphinya Kasemsukphaisan
การเดินทาง: นั่งรถไฟความเร็วสูง TGV จากสถานีรถไฟ Montparnasse ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง