คู่มือเที่ยวเรคยาวิก

เมืองหลวงที่อยู่เหนือที่สุดในโลก

ทำไมถึงต้องไปเที่ยวเรคยาวิก?

Reykjavik หรือเรคยาวิก ในภาษาไอซ์แลนดิกแปลว่า "The bay of smoke" เนื่องจากความร้อนจากภายใต้พื้นโลกนั้นแสดงตัวออกมาอย่างชัดเจนที่นี่ในรูปแบบของบ่อน้ำร้อน ทำให้เมืองทั้งเมืองถูกปกคลุมไปด้วยหมอกและไอน้ำจากความร้อนใต้พื้นดิน ทำให้ประเทศไอซ์แลนด์นั้นมีชื่อเสียงโด่งดังจากธรรมชาติที่ยังคงถูกเก็บรักษาเอาไว้เป็นอย่างดี อย่างเมืองหลวงของประเทศไอซ์แลนด์ เรคยาวิก ที่ถึงจะเป็นแค่เมืองเล็กๆแต่ก็มีอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจซ่อนตัวอยู่ทั่วเมือง อีกทั้งยังเป็นเมืองหลวงที่อยู่ทางเหนือที่สุดของโลกอีกด้วย 

 

การเดินทาง

1

การเดินไปยังเรคยาวิก

เดินทางไปยังประเทศไอซ์แลนด์ด้วยเครื่องบิน โดยไปลงจอดที่สนามบิน Keflavik International Airport (KEF) หรืออีกชื่อหนึ่งคือสนามบิน Reykjavik-Kevlavvik Airport ถ้าหากเดินทางจากประเทศอื่นๆในยุโรป จะใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง 30 นาที โดยสายการบินของประเทศไอซ์แลนด์ทำการภายใต้ Icelandic Airlines (Flugfelag Islands) มีทั้งหมด 2  สายการบินให้เลือก

- สายการบินแห่งชาติ: IcelandAir (เว็บไซต์: www.icelandair.com)

- สายการบินโลว์คอส: WOW Air (เว็บไซต์: www.wowair.com)


2

การเดินทางในเรคยาวิก

การเดินทางจากสนามบินไปยังใจกลางเมือง

เช่ารถ: การเช่ารถขับนับเป็นทางเลือกในการเดินทางในประเทศไอซ์แลนด์ที่สะดวกที่สุด โดยทำการจองรถที่ต้องการล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์ แล้วรับรถที่สนามบินเมื่อเดินทางไปถึง บริษัทหลักๆที่ให้บริการเช่ารถในประเทศไอซ์แลนด์ได้แก่ SKB, Wesfjords Adventures, Reykjavik Excursion และ SBA Norðurleið นอกจากนั้นยังมีอีกหลากหลายบริษัทให้เลือกใช้บริการ

แท็กซี่: รถแท็กซี่ในประเทศไอซ์แลนด์นั้นมีราคาที่ค่อนข้างแพง โดยราคาขั้นต่ำคือ 16,000 ISK จากสนามบินไปยังตัวเมือง ทำให้ไม่เป็นที่นิยมกันมากนัก

รถบัสสนามบิน: ราคารถบัสสนามบินจะค่อนข้างถูก อยู่ที่ประมาณ 3,000-6,000 ISK ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.re.is

   

เที่ยวเรคยาวิกไปที่ไหนดี?

1

HALLGRIMS CHURCH (Hallgrímskirkja)

โบสถ์นี้ตั้งอยู่ที่ใจกลางเมืองเรคยาวิก มีชื่อว่า ฮัลล์กรีมสคิร์คยา (Hallgrímskirkja) โดยตั้งชื่อตามนักเขียนชื่อดังชาวไอซ์แลนด์ "Halgrims" เพื่อเป็นการระลึกถึงคุณงามความดีและผลงานของเขาที่เคยสร้างขึ้นมาในขณะที่เขายังมีชีวิตอยู่ ตัวโบสถ์แห่งนี้ถูกออกแบบขึ้นมาโดยสถาปนิคชื่อดังชาวไอซ์แลนด์ Gudjon Samuelsson ที่ตั้งใจจะสร้างให้เป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไอซ์แลนด์ ตัวโบสถ์มีรูปร่างคล้ายกับออร์แกน เครื่องดนตรีที่นิยมนำตั้งในโบสถ์ วัสดุที่นำมาสร้างโบสถ์นั้นลักษณะคล้ายหินจากภูเขาไฟ ซึ่งเป็นจุดเด่นของประเทศไอซ์แลนด์ ถึงแม้ว่า Gudjon ตั้งใจจะให้ตัวโบสถ์ออกมาเป็นรูปร่างคล้ายออร์แกน แต่คนอีกส่วนหนึ่งกลับบอกว่ามันดูคล้ายกับจรวดที่กำลังออกตัวทยานขึ้นสู่อวกาศ อันนี้ก็ต้องแล้วแต่ใครจะจินตนาการ

 

นอกจากตัวโบสถ์ที่ดูเหมือนออร์แกนแล้ว ด้านในยังมีออร์แกนของจริงตั้งอยู่ เป็นออร์แกนสไตล์นอร์ดิก (Nordic) ที่สวยงามแปลกตา เมื่อเข้ามาในโบสถ์แล้ว คุณสามารถเลือกที่จะขึ้นไปยังป้อมปราการด้านบนได้เพื่อขึ้นไปชมวิวเมืองเรคยาวิกแบบ 360 องศา ทั้งภูเขา และมหาสมุทรที่ทอดยาวไปทางทิศตะวันตกที่ประเทศกรีนแลนด์และสหรัฐอเมริกาตั้งอยู่ นับเป็นอีกจุดชมวิวที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมากัน

 

ที่อยู่: Hallgrímstorg 101, 101 Reykjavík, Islande 

การเดินทาง: นั่งรถบัสไปยังสถานี BSI และเดินไปอีกประมาณ 600 เมตร

เวลาทำการ: เดือนพฤษภาคมถึงกันยายน 09:00-21:00 โบสถ์และป้อมปราการปิดตอน 20:30 / เดือนตุลาคมถึงเมษายน 09:00-17:00 ป้อมปราการปิดตอน 16:30

ราคาเข้าโบสถ์: เข้าฟรี

ราคาขึ้นป้อมปราการ: ผู้ใหญ่ 800 ISK / เด็กอายุระหว่าง 7-16 ปี 100 ISK

ระยะเวลาที่แนะนำ: 1 ชั่วโมง

 

2

NATIONAL MUSEUM OF ICELAND (Þjóðminjasafn)

เวลาเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ วิธีที่ดีที่สุดในการเรียนรู้เรื่องราวประวัติศาสตร์ความเป็นมาของประเทศนั้นๆคือการเดินทางไปชมพิพิธภัณฑ์ โดยพิพิธภัณฑ์แห่งชาติไอซ์แลนด์หรือ The National Museum of Iceland แห่งนี้ ถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 1863 หรือกว่า 150 ปีมาแล้ว ที่นี่เป็นสถานที่จัดเก็บเรื่องราวความเป็นมาและวัฒนธรรมต่างๆในอดีตของประเทศไอซ์แลนด์ โดยมีนิทรรศการชื่อว่า "Making of a Nation" จัดขึ้นเพื่อแสดงถึงเรื่องราวที่สำคัญในอดีตของประเทศไอซ์แลนด์นี้ อย่างเช่น ความเป็นมาของประเทศ ผู้คน วัฒนธรรม การอยู่อาศัย และอีกมากมาย นิทรรศการแห่งนี้จะเป็นตัวเชื่อมระหว่างนักท่องเที่ยวและประเทศไอซ์แลนด์ ให้ได้รู้จักกันมากยิ่งขึ้น

 
ที่อยู่: Suðurgata 41, 101 Reykjavík

การเดินทาง: รถบัสสาย 1, 3, 6 และ14 สถานี Haskoli Island หรือรถบัสสาย 11 และ 12 สถานี ÞjóðminjasafniðSite

เวลาทำการ: วันอังคารถึงวันเสาร์ 10:00-17:00 (ปิดทุกวันจันทร์และวันอาทิตย์)

ราคา: ผู้ใหญ่ 2000 ISK / นักเรียนและผู้ใหญ่อายุมากกว่า 67 ปี 1,000 EK / เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีเข้าฟรี

(National Museum and National Cultural Center tickets can be used interchangeably)

**หมายเหตุ: ตั๋วสำหรับพิพิธภัณฑ์แห่งชาติไอซ์แลนด์ สามารถใช้ได้กับ National Cultural Center

เว็บไซต์: www.thjodminjasafn.is

 

3

เดินเล่นชมเมืองเรคยาวิก

บางครั้ง การเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังต่างๆของเมืองอาจจะไม่ใช่สิ่งจำเป็นเสมอไป การเดินเล่นในตัวเมือง ซึมซับบรรยากาศการใช้ชีวิตของคนท้องถิ่น อาจจะเป็นสิ่งที่น่าดูมากกว่า โดยเฉพาะที่เมืองเรคยาวิกที่ถึงอากาศจะอึมครึมแต่บ้านเรือนต่างๆกลับมีสีสัน อย่างเช่นที่นี่ ที่ด้านนอกมีกราฟฟิตี้พ่นทับเอาไว้แต่ด้านในเป็นร้านขนมปังชื่อดังที่กลิ่นหอมอบอวลออกมาด้านนอก

 

กินอะไรดีเมื่อไปเยือนเรคยาวิก?

1

ลิ้มลองขนมปังกรอบสไตล์ไอซ์แลนด์

ถ้าจะให้นิยามขนมปังไอซ์แลนด์ ก็คงจะออกมาเป็นคำว่า "สิ่งที่กินแล้วมีความสุข" โดยมีร้านดังในเรคยาวิกอย่างร้าน Braud & Co ตั้งอยู่ในบ้านกราฟฟิตี้หลังนั้น มีซินนามอนโรลเป็นซิกเนเจอร์ของทางร้าน และเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทางร้าน Braud & Co ก็ได้ร่วมมือกับซุปเปอร์มาเก็ตเจ้าใหญ่ในเมืองโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ผลิตขนมปังคุณภาพดีออกมา โดยเน้นที่คุณภาพของวัตถุดิบที่นำมาผลิต 

 

BRAUD & CO BAKERY 

ที่อยู่: 16, Frakkastígur, Reykjavik 101

เวลาทำการ: เปิดทุกวันถึงเวลา 17:00

เว็บไซต์: www.braudogco.is

 

2

จิบกาแฟไอซ์แลนด์อันเลื่องชื่อ

นอกจากขนมปังที่เลื่องชื่อแล้ว ชาวไอซ์แลนด์ก็นิยมดื่มกาแฟไม่แพ้ชาวฝรั่งเศสหรืออิตาลีเลย โดยเมืองเรคยาวิกได้รับการจัดอันดับโดย CNN ให้เป็นเมืองแห่งกาแฟที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 8 ของโลก สังเกตุได้จากสองข้างทางตามถนนหนทางต่างๆที่เต็มไปด้วยคาเฟ่มากมาย ว่ากันว่ากาแฟที่ประเทศไอซ์แลนด์นี้เป็นกาแฟที่มีคาแรคเตอร์เป็นของตัวเอง ตัวอย่างเช่นกาแฟที่คาเฟ่อยู่ใกล้ๆกันกับร้าน Braud & Co อย่างคาเฟ่ Reykjavik Roasters ที่กาแฟแต่ละแก้วนั้นทำออกมาได้อย่างเพอร์เฟ็คและไม่มีที่ดิ คาเฟ่ Reykjavik Roasters เปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อปี 2008 เสิร์ฟกาแฟคุณภาพดีจากเมล็ดกาแฟสด นอกจากนั้นแล้วยังมีขนมหวานหลากหลายชนิดที่น่าลอง

  

REYKJAVIK ROASTERS - KÁRASTíGUR COFFEE SHOP

ที่อยู่: Kárastígur 1, 101 Reykjavík, Islande

เวลาทำการ: เปิดทุกวัน 08:00-17:30

เว็บไซต์: www.reykjavikroasters.is

 

3

ทดลองไอศกรีมรสชาติใหม่ๆ

ถึงแม้อากาศที่ประเทศไอซ์แลนด์จะหนาวเย็นกว่าประเทศอื่นๆ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความอยากรับประทานไอศกรีมลดลงเลย ดูเหมือนว่าการรับประทานไอศกรีมท่ามกลางอากาศหนาวๆจะกลายเป็นกิจกรรมยอดฮิตไปแล้ว โดยในเรคยาวิกนั้น จะมีร้านไอศกรีมมากมายเปิดให้บริการ อย่างเช่นร้าน Valdís แห่งนี้ ที่โดดเด่นสะดุดตาด้วยสีฟ้าสดใส ตั้งอยู่ในเขต Grandi Art 

ทางร้าน Valdís มีไอศกรีมหลากหลายรสชาติ โดย 3 รสชาติยอดนิยมได้แก่ Tyrkisk Pepper, Salty Peanut และ Caramel โดยใน 5 ปีที่ผ่านมา ทางร้านได้มีการคิดค้นไอศกรีมกว่า 400 รสชาติ นอกจาก 3 รสชาติยอดนิยมนี้แล้ว ยังมีรสชาติแปลกๆอีกมากมายที่เราไม่คิดว่าจะถูกนำมาทำเป็นรสชาติไอศกรีม อาทิเช่น รสเบียร์ ขนมปัง ลาเวนเดอร์ เบค่อน และแกงกะหรี่ ถ้าหากใครอยากลองไอศกรีมรสชาติแปลกใหม่แนะนำว่าให้รีบไป เพราะรสชาติเหล่านี้มีจำกัดในแต่ละวัน  

 

VALDíS ICE CREAM SHOP

ที่อยู่: Grandagarður 21, 101 Reykjavík

เวลาทำการ: 11:30~23:00

ราคา: 450 ISK ต่อสกู๊ป

เว็บไซต์: www.valdis.is

 

4

ดื่มน้ำซุปสไตล์ไอซ์แลนด์ร้อนๆให้ร่างกายอบอุ่น

อากาศหนาวๆแบบนี้ ถึงไอศกรีมจะทำให้สดชื่นแค่ไหน แต่ร่างกายก็ยังคงต้องการความอบอุ่นอยู่ดี น้ำซุปร้อนๆน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้ ที่ร้าน Old Iceland นั้นเป็นร้านอาหารที่ครอบครัวบริหารกันเอง จึงทำให้บรรยากาศภายในร้านอาหารนั้นดูอบอุ่นราวกับว่ากำลังรับประทานอาหารอยู่ที่บ้าน อาหารท้องถิ่นของไอซ์แลนด์น้ันมักจะมีเครื่องเทศของไอซ์แลนด์เป็นส่วนผสมหลัก ให้รสชาติที่แปลกใหม่

ชาวไอซ์แลนด์นั้นมีวัฒนธรรมในการรับประทานอาหารคล้ายคนเอเชีย โดยจะเริ่มรับประทานอาหารเย็นที่เวลาประมาณ 17:00-18:00 ต่างจากชาวยุโรปที่รับประทานอาหารเย็นค่อนข้างดึก ทำให้ร้านอาหารที่ประเทศไอซ์แลนด์นี้ปิดเร็ว โดยเวลาประมาณ 21:00 ก็จะเห็นได้ว่าร้านอาหารเริ่มปิดกันแล้ว

อาหารแนะนำ:

- Traditional Icelandic Meat Soup – เนื้อแกะหรือผัก ราคา 1,890 ISK

- Fresh Salad – Tindur cheese, dates, roasted nuts and fresh berries ราคา 1,890 ISK

**หมายเหตุ: VAT และค่าบริการถูกรวมเข้าไปในราคาอาหารแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้ทิปเพิ่ม

 

OLD ICELAND most popular restaurant

ที่อยู่: Laugavegur 72, 101 Reykjav&iacute ;k, Islande 

เวลาทำการ: 11.30am – 4:00pm; 5:00pm – 10:00pm

เว็บไซต์: www.oldiceland.is

 

O'bon Paris' tip

เมืองเรคยาวิกนั้นไม่ใช่เมืองใหญ่อะไร จึงสามารถเดินเที่ยวเล่นในเพียง 1 วันได้อย่างสบายๆ หรือถ้าหากอยากรู้เรื่องราวความเป็นมาของเมืองและสถานที่ต่างๆ ทางเมืองเรคยาวิกมี Free City Walk ให้บริการสำหรับนักท่องเที่ยว เข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.citywalk.is

 


เรื่อง: Aphinya Kasemsukphaisan

ภาพ: Lexi Wang

คู่มือเที่ยวเรคยาวิก

ช่วงไฮซีซั่น: ฤดูร้อน เดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม และฤดูหนาว เดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป ในกรณีที่ต้องการชมแสงเหนือ

สกุลเงิน: โครนา (Kronur/ISK) สัญลักษณ์ kr

ภาษาท้องถิ่น: ภาษาไอซ์แลนดิก และภาษาอังกฤษ

ระยะเวลาที่แนะนำ: 1 วัน

City Card: www.visitreykjavik.is