ไกด์บุ้คเที่ยวกรุงโรม

2 วันตะลุยสถาปัตยกรรมอันยิ่งใหญ่

ประเทศอิตาลีเป็นประเทศที่มีสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่และน่าดึงดูดใจ อีกทั้งยังมีธรรมชาติที่น่าค้นหาอีกมากมาย มาวันนี้เราจะพาไปเที่ยวที่กรุงโรม (Rome) เมืองหลวงของประเทศอิตาลีและหนึ่งในจุดมุ่งหมายของนักท่องเที่ยวทั่วทุกมุมโลก กรุงโรมเป็นเมืองใหญ่เมืองหนึ่งที่ระบบขนส่งสาธารณะอาจจะไม่มาตรงเวลาเท่าไรนัก เพราะฉะนั้นเตรียมกำลังกาย กำลังใจ และรองเท้าดีๆสักคู่เพื่อมาเดินเที่ยวกัน และเพียงแค่มี Google Maps ในมือ คุณก็สามารถเดินเที่ยวได้อย่างสบายใจแล้ว ไปดูกันว่าถ้ามีเวลาแค่ 2 วันกรุงโรมจะไปเที่ยวที่ไหนได้บ้าง

 

เที่ยวกรุงโรมวันที่ 1

 

โคลอสเซียม

1

COLOSSEUM

โคลอสเซียม (Colosseum) เป็นหนึ่งในสถาปัตยกรรมที่มีชื่อเสียงที่สุดในกรุงโรม ในประเทศอิตาลี และในโลก โคลอสเซียมคืออัฒจันทร์ที่ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยยุคจักรวรรดิโรมัน สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นสนามสำหรับแข่งขันระหว่างนักรบและสัตว์ดุร้าย ด้านในมีทั้งหมด 4 ชั้นด้วยกันโดยพื้นที่ทั้งหมดนี้สามารถจุผู้ชมได้ถึง 40,000-70,000 คนเลยทีเดียว นอกจากนั้นแล้วที่นี่ยังมีพื้นที่แบ่งแยกสำหรับชนชั้นต่างๆอีกด้วย โดยทำการแยกพื้นที่สำหรับชนชั้นกลางถึงชนชั้นสูงและพื้นที่สำหรับชนชั้นต่ำ

เพื่อเข้าไปชมด้านใน คุณสามารถซื้อตั๋วซึ่งเป็นตั๋วรวมสำหรับโคลอสเซียม โรมันฟอรัม (Roman Forum) และเนินเขาปาลาติเน (Palatine Hill) ได้เลย โดยโรมันฟอรัมนั้นคือสถานที่สำคัญอีกสถานที่หนึ่งที่เป็นสถานที่ที่ชาวโรมันโบราณนั้นใช้ชีวิตอยู่ โดยมีศาลเจ้า องค์กรต่างๆ และพื้นที่ชุมชนที่ตอนนี้ได้กลายมาเป็นซากปรักหักพังหลงเหลืออยู่ให้เห็นอยู่บ้าง อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณได้อ่านประวัติความเป็นมาของโรมันฟอรัมแห่งนี้มาก่อนล่วงหน้า แน่นอนว่าเมื่อคุณมาถึงจะต้องทำการจินตนาการภาพผู้คนในสมัยนั้นใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างง่ายดาย

เนื่องจากผู้คนให้ความสนใจโคลอสเซียมเป็นอย่างมากจึงแนะนำว่าควรซื้อตั๋วมาก่อนล่วงหน้า และถึงแม้จะมีค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายเล็กน้อย แต่ก็น่าจะดีกว่ามาเสียเวลาในการต่อคิวซื้อตั๋ว หรือถ้าไม่อย่างนั้นคุณสามารถเดินไปซื้อตั๋วที่โรมันฟอรัมหรือที่เนินเขาปาลาติเนได้เนื่องจากมีคิวที่สั้นกว่า ตั๋วที่ซื้อมานั้นมีอายุการใช้งาน 2 วัน

 

ที่อยู่: Piazza del Colosseo, 1, Rome

เวลาทำการ: 

วันอาทิตย์สุดท้ายของเดือนตุลาคมถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 08:30-16:30

วันที่ 16 กุมภาพันธ์ถึงวันที่ 15 มีนาคม 08:30-17:00

วันที่ 16 มีนาคมถึงวันเสาร์สุดท้ายของเดือนมีนาคม 08:30-17:30

วันอาทิตย์สุดท้ายของเดือนมีนาคมถึงวันที่ 31 สิงหาคม 08:30-19:15

วันที่ 1 ถึงวันที่ 30 กันยายน 08:30-19:00

วันที่ 1 ตุลาคมถึงวันเสาร์สุดท้ายของเดือนตุลาคม 08:30-18:30

ค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 12€ / พลเมืองยุโรปอายุระหว่าง 18-25 ปี 7.50€ / อายุต่ำกว่า 18 ปีเข้าฟรี / ฟรีทุกวันอาทิตย์แรกของเดือน / ค่าธรรมเนียมในการซื้อตั๋วออนไลน์ 2€ 

 

จัตุรัสเวเนเซีย กรุงโรม

2

PIAZZA VENEZIA

จัตุรัสเวเนเซีย (Piazza Venezia) แห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโรม ใก้ลกันกับอนุสาวรีย์พระเจ้าวิคเตอร์เอ็มมานูเอลที่ 2 (Monument of Victor Emmanuel II) และ Venetian Palace ที่เคยถูกใช้เป็นออฟฟิศของนักการเมืองชาวอิตาเลียนช่ือดังอย่างเบนิโต มุสโสลินี (Benito Mussolini) โดยจากด้านบนตรงอนุสาวรีย์นั้น คุณสามารถมองเห็นถนน Corso ได้อย่างชัดเจน โดยจัตุรัสแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเฉลิมฉลองการกลับมารวมตัวกันอีกครั้งของประเทศอิตาลี มากไปกว่านั้น พระเจ้าวิคเตอร์เอ็มมานูเอลที่ 2 ที่อยู่ตรงรูปปั้นนั้นก็เป็นหนึ่งในฮีโร่ของชาวอิตาเลียนที่มีส่วนร่วมในการกลับมารวมตัวของประเทศอีกด้วย ที่ด้านในเปิดให้สาธารณะชนเข้าชมได้ฟรีเพื่อให้เข้าไปเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ความเป็นมาของประเทศอิตาลีมากขึ้น

 

ที่อยู่: Piazza Venezia, Rome

เวลาทำการ: 09:00-19:00

 

จัตุรัสคัมปิโดลยิโอ กรุงโรม

3

CAMPIDOGLIO

เดินออกมาไม่ไกลจากจัตุรัสเวเนเซียเท่าไรนัก ก็จะพบกับอีกหนึ่งจัตุรัส นั่นก็คือจัตุรัสคัมปิโดลยิโอ (Campidoglio) ที่ออกแบบโดยไมเคิลแองเจโล (Michelangelo) โดยคำว่า "Campidoglio" ในภาษาอิตาเลียนแปลว่า "เมืองหลวง" และเพื่อให้มองเห็นจัตุรัสทั้งหมดและวิวที่สวยงาม คุณจะต้องยอมเดินขึ้นบันไดไปสักหน่อย ที่ปลายทางสุดบันไดนั้นจะมีรูปปั้นของฝาแฝด Dioscuri ตั้งอยู่ ซึ่งทั้ง 2 คนนี้เป็นคนเอาชนะผู้บุกรุกในสมัยโรมันโบราณ (Roman Republic) ได้สำเร็จ

 

ที่อยู่: Piazza del Campidoglio, Rome

 

ร้านอาหารใกล้จัตุรัสเวเนเซีย AI TRE SCALLINI กรุงโรม

4

ร้านอาหาร AI TRE SCALLINI

หลังจากเดินเล่นกันมาสักพักก็แวะมาเติมพลังกันที่ร้านอาหารไม่ไกลจากโคลอสเซียมและจัตุรัสเวเนเซีย ร้านอาหาร Ai Tre Scallini มีเมนูอาหารมากมายหลายอย่างให้เลือกและมีลาซานญ่า (Lasagna) และราวิโอลี (Ravioli) เป็นจานซิกเนเจอร์ของทางร้าน โดยลาซานญ่าเป็นอาหารจากทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี มีส่วนประกอบของแป้งพาสต้าแบบแผ่นแทนที่จะเป็นแบบเส้น วางทับซ้อนลงไปกับชีสและซอสเนื้อหรือซอสรากู (Racu) และถึงแม้ว่าลาซานญ่าจะถูกขนานนามว่าเป็นหนึ่งในประเภทของพาสต้า หากแต่ว่ารสชาติและเนื้อสัมผัสมีความแตกต่างกันออกไปอย่างสิ้นเชิง ในขณะที่ราวิโอลีนั้นจะมีลักษณะคล้ายๆเกี๊ยว เป็นแป้งพาสต้าห่อไส้เอาไว้ด้านใน โดยจะเป็นไส้ผัก ชีส หรือเนื้อสัตว์ก็ได้ทั้งหมด สำหรับอาหารจานเรียกน้ำย่อยของทางร้าน ทางเราแนะนำให้สั่งสลัดคาเปรเซ่ (Caprese Salad) ที่มีมะเขือเทศและมอสซาเรลล่าชีส ช่วยเพิ่มเติมความสดชื่น

 

ที่อยู่: Via Panisperna, 251, Rome

เวลาทำการ: เปิดทุกวัน 12:00-01:00

 

ถนนช้อปปิ้งในกรุงโรม VIA DEL CORSO SHOPPING STREET

5

ถนนช้อปปิ้ง VIA DEL CORSO

หนึ่งในถนนช้อปปิ้งที่มีนักท่องเที่ยวมาเดินเยอะที่สุดในกรุงโรมคือถนนช้อปปิ้ง Via del Corso ที่ลากยาวตั้งแต่จัตุรัสเวเนเซียไปจนถึงจัตุรัสโปโปโล ที่นี่มีทั้งแบรนด์อิตาลีท้องถิ่นมากมาย ร้านอาหาร และคาเฟ่ให้เลือกจนนับไม่ถ้วน เรียกได้ว่าต้องการอะไรที่ถนนนี้มีให้หมด บอกได้เลยว่าพลาดไม่ได้เด็ดขาด เพราะนอกจากจะเป็นถนนช้อปปิ้งชื่อดังแล้ว สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในกรุงโรมก็อยู่บนถนนเส้นนี้อีกด้วย

 

น้ำพุเทรวี่ กรุงโรม

6

TREVI FOUNTAIN

น้ำพุในกรุงโรมนั้นมีให้เห็นอยู่ทั่วไป หากแต่ว่าน้ำพุเทรวี่ (Trevi Fountain) แห่งนี้ได้รับการขนานนามว่าเป็นน้ำพุที่สวยที่สุดแล้วในกรุงโรม และยังเป็นหนึ่งในน้ำพุที่สวยที่สุดในโลกอีกด้วย ด้วยเหตุนี้น้ำพุเทรวี่จึงไม่ใช่น้ำพุธรรมดา หากแต่ว่ามีรูปหินแกะสลักมากมายที่ถูกนำมาประดับตกแต่งจนสวยงามเกินบรรยายและถ้ามองเข้าไปใกล้ๆจะเห็นได้ว่ามีโพไซดอน (Poseidon) สมุทรเทพหรือพระเจ้าแห่งมหาสมุทรตั้งอยู่ตรงกลาง โดยรูปแกะสลักของโพไซดอนนั้นถูกแกะสลักมาจากหินก้อนใหญ่ก้อนเดียว แกะสลักในสไตล์บาโรก (Baroque) ตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 18 

นอกจากนั้นแล้วถ้ามองลงไปในน้ำจะเห็นได้ว่าใต้บ่อน้ำพุนั้นเต็มไปด้วยเหรียญสกุลเงินจากทั่วทุกมุมโลกที่ถูกนำมาโยนลงไปในบ่อด้วยความเชื่อที่ว่าถ้าหากยืนหันหลังแล้วโยนเหรียญด้วยมือขวาผ่านไหล่ซ้าย จะทำให้ได้กลับมาที่น้ำพุแห่งนี้อีกครั้ง แต่ก็มีความเชื่ออีกหนึ่งความเชื่อนั่นก็คือ เหรียญแรกที่โยนลงไปจะทำให้คุณได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง เหรียญที่ 2 จะทำให้คุณได้พบกับคนที่คุณรักและจะรักกันไปตลอดกาล และเหรียญที่ 3 จะทำให้คุณและคนที่คุณรักต้องแยกจากกัน เพราะฉะนั้นแล้ว สำหรับใครที่ต้องการจะมาเยือนที่นี่อีกครั้ง อย่าลืมไปโยนเหรียญแรกในชีวิตลงไปในน้ำพุเทรวี่แห่งนี้ล่ะ

 

ที่อยู่: Piazza di Trevi, Rome

 

มหาวิหารแพนธีออน กรุงโรม

7

PANTHEON

มหาวิหารแพนธีออน (Pantheon) เป็นมหาวิหารที่เป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าเทพเจ้า มีลักษณะเหมือนวิหารโรมันและมีรูปปั้นของนักบุญนิกายคาทอลิกมากมายตั้งอยู่ที่ด้านใน ไฮไลท์ของที่นี่คือเพดานด้านบนของมหาวิหารแพนธีออนที่โดมสูงแต่กลับไม่มีเสาตั้งค้ำและเป็นเวลากว่า 2,000 ปีที่ผ่านมา เพดานโดมโค้งสูงนี้ก็ไม่เคยแสดงให้เห็นถึงความเสื่อมสภาพเลยสักครั้ง นอกจากนั้นในวันที่แดดออก แสงอาทิตย์สามารถส่องเข้ามาผ่านหลังคาโดมได้อย่างมหัศจรรย์ หากแต่ว่าในวันที่ฝนตกกลับไม่มีน้ำฝนรั่วลงมาสักหยดเดียว เรื่องนี้เป็นเรื่องที่วิทยาศาสตร์สามารถพิสูจน์ได้ เป็นเพราะรูที่เกิดขึ้นบนเพดานนั้นน้ำฝนสามารถทะลุผ่านเข้าไปได้ก็จริง แต่ว่าได้เกิดการระเหยออกไปเสียก่อนที่จะทะลุเข้าไปด้านในตัวมหาวิหาร เนื่องจากความดันอากาศด้านในมหาวิหารและด้านนอกนั้นค่อนข้างแตกต่างกัน 

 

ที่อยู่: Piazza della Rotonda, Rome

เวลาทำการ: วันจันทร์ถึงวันเสาร์ 09:00-19:30 / วันอาทิตย์ 09:00-18:00

ค่าเข้า: เปิดให้เข้าชมฟรี

 

คาเฟ่ TAZZA D'ORO กรุงโรม

8

คาเฟ่ TAZZA D'ORO

คนอิตาเลียนนิยมดื่มกาแฟกันเป็นอย่างมาก มากจนกาแฟทั่วไปนั่นหาดื่มได้ง่ายและมีราคาถูก โดยคาเฟ่ 3 อันดับที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในกรุงโรมก็คือคาเฟ่ Antico Caffe Greco ใกล้กันกับบันไดสเปน, คาเฟ่ Sant Eustachio ไม่ไกลจากมหาวิหารแพนธีออน และคาเฟ่ Tazza D'oro ที่ตั้งอยู่ข้างมหาวิหารแพนธีออน

ทางร้านทำการคั่วเมล็ดกาแฟใหม่ทุกเช้าด้วยเมล็ดกาแฟจากทางอเมริกาใต้ ทำให้กลิ่นหอมคละคลุ้งไปทั่ว สำหรับใครที่เป็นคอกาแฟ แนะนำว่าให้ทดลองกาแฟลาเต้ของทางร้านดู หรือถ้าอยากลองกาแฟสไตล์อิตาเลียนแท้ๆก็คงจะหนีไม่พ้นเอสเพรสโซ่ ในช่วงซัมเมอร์ที่อากาศร้อนๆ กาแฟเย็นกรานิต้าสักแก้วก็คงจะดีไม่น้อยเลย โดยเจ้ากาแฟเย็นกรานิต้านี้คือการนำเอาครีมสดมาวางเอาไว้บนเอสเพรสโซ่เย็น เป็นการผสมผสานระหว่างครีมสดหวานๆกับกาแฟเอสเพรสโซ่ขมๆ

 

ที่อยู่: Via degli Orfani, 84, Rome

เวลาทำการ: วันจันทร์ถึงวันเสาร์ 07:00-20:00 / วันอาทิตย์ 10:30-19:15

 

จัตุรัสนาโวนา กรุงโรม

9

PIAZZA NAVONA

จัตุรัสที่มีความครึกครื้นอยู่ตลอดเวลาของกรุงโรมคงจะหนีไม่พ้นจัตุรัสนาโวนา (Piazza Navona) แห่งนี้ เต็มไปด้วยร้านอาหารและคาเฟ่มากมาย เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการมานั่งจิบกาแฟในวันสบายๆ พลางมองดูเหล่าศิลปินมากหน้าหลายตามาเปิดการแสดงที่ตรงนี้ ที่จัตุรัสนี้มีน้ำพุอยู่ทั้งหมด 3 ที่ด้วยด้สน นั่นก็คือน้ำพุ Nettuno, น้ำพุ Fiumi และน้ำพุ Moro น้ำพุทั้ง 2 ที่ที่เห็นในภาพนั้นถูกออกแบบโดย จีอันโลเรนโซ แบร์นินี (Gian Lorenzo Bernini) สถาปนิกสไตล์บอรอกชื่อดังและถูกสร้างขึ้นโดย Giovanni Antonio Mari และน้ำพุ Fuimi นั้นถือว่าเป็นผลงานชิ้นเอกของแบร์นินีเลยก็ว่าได้ ข้างๆกันกับน้ำพุ Fuimi มีเสา Obelisk แท่งใหญ่ตั้งอยู่เป็นเสาที่ถูกขโมยมาจากประเทศอียิปต์

นอกจากนั้นแล้วก็ลองเข้าไปชมด้านในโบสถ์ Sant'Agnese In Agone ที่เป็นโบสถ์สไตล์บาโรก สร้างขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 17 ตั้งอยู่ที่ด้านหน้าของจัตุรัสนาโวนา ที่เดียวกับที่นักบุญอักแนส (Saint Agnese) หนึ่งใน 4 ของนักบุญหญิงชาวคริสต์เตียนที่ถูกเปลือยกายและมัดเอาไว้โดยคนที่ต้องการที่จะกำจัดเธอ ณ ตอนนั้นเกิดเรื่องมหัศจรรย์ขึ้นเพราะว่าจู่ๆเส้นผมของเธอก็ยาวยืดออกมาเพื่อปกคลุมร่างกายของเธอจนมิดชิดเพื่อปกป้องเรือนร่างที่เปลือยเปล่าของเธอต่อสาธารณะชน ที่ด้านในของตัวโบสถ์นั้นถูกตกแต่งด้วยสีทองเป็นหลักบวกกับหินสีหลากหลายสีสันทำให้ตัวโบสถ์นั้นดูสวยงามและมีสีสันที่สดใส

 

ที่อยู่: Piazza Navona, Rome

 

ร้านอาหารใกล้จัตุรัสนาโวนา ANTINA E CUCINA กรุงโรม

10

ร้านอาหาร CANTINA E CUCINA

ร้านอาหาร Cantina e Cucina ตั้งอยู่ห่างจากจัตุรัสนาโวนาเพียงเดินเท้า 3 นาที ในช่วงอาหารกลางวันมักจะไม่มีคิวแต่ถ้าหากเป็นช่วงดินเนอร์ละก็ คิวยาวแน่นขนัดเลยทีเดียว ใครที่อยากไปลองรับประทานพิซซ่า พาสต้า และอาหารอิตาเลียนอื่นๆที่ร้านอาหารนี้ แนะนำว่าให้ไปในช่วงประมาณ 18:00-19:00 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่คนท้องถิ่นยังไม่เริ่มรับประทานอาหารเย็น แต่ถ้าเป็นหลัง 19:00 เป็นต้นไปแล้ว อาจจะต้องรอคิวนานหน่อย นอกจากอาหารที่อร่อยแล้ว ในร้านยังมีบรรยากาศที่ค่อนข้างแตกต่างจากร้านอาหารอื่นๆ มีการตกแต่งร้านที่เป็นไปในแบบของตัวเอง

 

ที่อยู่: Via del Governo Vecchio, 87, Rome

เวลาทำการ: เปิดทุกวัน 11:00-01:00

 

เที่ยวกรุงโรมวันที่ 2

  

นครรัฐวาติกัน กรุงโรม

1

VATICAN CITY

นครรัฐวาติกันหรือ Vatican City ถือว่าเป็นประเทศที่เล็กที่สุดในโลกที่มีพื้นที่เพียง 0.44 ตารางกิโลเมตรเท่านั้น ได้รับการขนานนามว่าเป็น "ศูนย์กลางแห่งศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิก" ประเทศนี้ตั้งอยู่ในกรุงโรม แต่ถึงแม้ว่าจะอยู่ในกรุงโรมและตั้งอยู่ในประเทศอิตาลีอีกที แต่ก็ถือว่านครรัฐวาติกันแห่งนี้เป็นประเทศอิสระและมีอำนาจปกครองตนเอง ทำให้ทุกครั้งที่เดินทางเข้าไปยังนครรัฐวาติกันจะต้องมีการตรวจสอบความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะเป็นการตรวจเอ็กซเรย์กระเป๋าและเครื่องสแกนต่างๆ นอกจากนั้นแล้วที่นี่ยังเป็นสถานที่ที่พระสันตะปาปาอาศัยอยู่อีกด้วย และถ้าหากในช่วงไหนที่พระสันตะปาปาทรงประจำการอยู่ที่นครรัฐวาติกัน พระองค์จะทรงออกมาพบปะประชาชนทุกๆวันพุธและมีการกล่าวปราศรัยในทุกๆวันอาทิตย์

เมื่อไปถึงอย่าพลาดที่จะเข้าไปชมมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ (St. Peter's Basilica) หรืออีกชื่อหนึ่งคือมหาวิหารนักบุญเปโตร ซึ่งเป็นมหาวิหารที่มีความอลังการและสวยงามเป็นอย่างมาก ถูกสร้างขึ้นมาในสไตล์เรเนซองส์ (Renaisannce) และบาโรก และเมื่อเดินขึ้นไปที่ด้านบนของโดมไมเคิลแองเจโล (Michelangelo Dome) ก็จะพบกับวิวที่น่าตื่นตะลึง มองลงมาจะเห็นจัตุรัสเซนต์ปีเตอร์ (St. Peter's Square) ทั้งหมดและมองเห็นลากยาวไปถึงปราสาทซันตันเจโล (Castle of the Holy Angel) เลยทีเดียว ว่ากันว่ารูปวงกลมของจัตุรัสเซนต์ปีเตอร์และถนนที่ทอดยาวออกไปนั้น มีลักษณะคล้ายรูปลูกกุญแจที่จะเป็นกุญแจไขไปยังสวรรค์ ซึ่งรูปกุญแจนี้เองเป็นสัญลักษณ์ของจัตุรัสเซนต์ปีเตอร์

นอกจากมหาวิหารและจัตุรัสที่สวยงามแล้ว ยังมีพิพิธภัณฑ์วาติกัน (Vatican Museum) ที่เต็มไปด้วยผลงาน Masterpiece ของศิลปินชื่อดังอย่างไมเคิลแองเจโล (Michelangelo) ไม่ว่าจะเป็น The Creation of the World, The Last Judgment และ Raffaello's The School of Athens.

อีกหนึ่งเรื่องที่ลืมไม่ได้เลยก็คือ ถ้าหากคุณกำลังวางแผนจะเดินทางมาท่องเที่ยวที่นครรัฐวาติกันแห่งนี้ แนะนำว่าควรแต่งกายให้มิดชิด ใส่เสื้อมีแขนและกางเกงขายาว เพราะถ้าหากแต่งกายไม่มิดชิด เสื้อแขนกุดหรือกางเกงขาสั้น คุณจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปยังมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ได้

 

ที่อยู่: พิพิธภัณฑ์วาติกันViale Vaticano, Rome / จัตุรัสเซนต์ปีเตอร์ - VA Piazza San Pietro, 00120 Città del Vaticano, Vatican

เวลาทำการ: วันจันทร์ถึงวันเสาร์ 09:00-18:00 (ประตูปิดตอน 16:00) / ทุกวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือน 09:00-14:00 (ประตูปิดตอน 12:30)

ค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 17€ / ผู้ที่ถือบัตรนักเรียน International 8€ / Audio Guide 8€

  

ร้านเจลาโต้ OLD BRIDGE กรุงโรม

2

เจลาโต้ OLD BRIDGE

ร้านเจลาโต้ Old Bridge คือหนึ่งในร้านเจลาโต้ชื่อดังของกรุงโรม มีประวัติความเป็นมากว่า 25 ปี ตั้งอยู่ไม่ไกลจากนครรัฐวาติกันนี่เอง เรียกได้ว่าเดินเที่ยวเสร็จก็ออกมาหาอะไรสดชื่นรับประทานกันต่อได้เลย อีกทั้งยังมีอีกหนึ่งสาขาที่ย่าน Trastevere และอีกหลากหลายสาขาตามสถานที่ท่องเที่ยวอีกด้วย เจลาโต้รสชาติที่ขายดีและเป็นที่นิยมมากที่สุดเห็นจะเป็นรสข้าวและรสชีส นอกจากนั้นยังสามารถสั่งท็อปปิ้งเพิ่มเติมได้อีกด้วย

 

ที่อยู่: Viale dei Bastioni di Michelangelo, Rome

เวลาทำการ: วันจันทร์ถึงวันเสาร์ 10:00-02:00 / วันอาทิตย์ 14:30-02:00

  

ปราสาทซันตันเจโล กรุงโรม

3

CASTLE OF THE HOLY ANGEL

ถ้าหากเดินตรงตามถนนที่ทอดยาวจากนครรัฐวาติกัน ก็จะมาถึงที่ปราสาทซันตันเจโล (Castle of the Holy Angel) หรือในภาษาอิตาเลียน Castel Sant'Angelo แรกเริ่มเดิมทีนั้น ที่นี่ถูกสร้างขึ้นโดยจักรพรรดิฮาดริอานุส (Hadrianus) แห่งจักรวรรดิโรมัน เพื่อเป็นสุสานสำหรับตัวพระองค์เองและสมาชิกในตระกูล แต่ว่าหลังจากการล่มสลายของจักรวรรดิโรมัน สถานที่แห่งนี้ก็ถูกเปลี่ยนมาใช้เป็นป้อมปราการสำหรับนครรัฐวาติกัน และในปัจจุบันนี้ก็ได้กลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์ทหารเรียบร้อยแล้ว ถ้าสังเกตที่ด้านบนของตัวปราสาทจะเห็นได้ว่ามีรูปปั้นของเทวดาตั้งอยู่ มีเรื่องเล่ากล่าวขานกันมาว่าเมื่อสมัยศตวรรษที่ 6 ได้เกิดโรคระบาดกาฬมรณะขึ้น ส่งผลให้ผู้คนล้มตายกันเป็นเบือ แต่เมื่อมีเทวดานามว่าไมเคิล (Michael) ปรากฏตัวขึ้นมา โรคระบาดนั้นก็ได้หายไปแทบจะในทันที นอกจากตัวปราสาทแล้วยังมีสะพานที่เชื่อมต่อตัวปราสาท ขนาบข้างไปด้วยรูปแกะสลักของเหล่าเทวดาและเทพธิดาทั้งหมด 10 รูปด้วยกัน ราวกับว่ากำลังช่วยกันป้องกันตัวปราสาทอยู่ สะพานแห่งนี้เป็นอีกหนึ่งจุดถ่ายรูปที่สำคัญโดยเฉพาะในตอนกลางคืนที่มีการเปิดไฟบนสะพาน

 

ที่อยู่: Lungotevere Castello, 50, Rome

เวลาทำการ: เปิดทุกวัน 09:00-19:30

ค่าเข้า: 14€

 

ย่าน TRASTEVERE กรุงโรม

4

TRASTEVERE

ถ้าหากเดินข้ามแม่น้ำไทเบอร์ (Tiber) ที่ตัดผ่านกรุงโรมมา ก็จะพบกับหมู่บ้านเล็กๆอย่างหมู่บ้าน Trastevere เป็นหมู่บ้านที่มีชาวยิว ชาวโรมัน และชาวซีเรียอาศัยอยู่ตั้งแต่เมื่อนานมาแล้วจนถึงปัจจุบันนี้ ทำให้บริเวณนี้นั้นเต็มไปด้วยวัฒนธรรมที่หลากหลาย นอกจากนั้นยังเต็มไปด้วยร้านอาหารและอื่นๆอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นร้านพิซซ่าโฮมเมด คาเฟ่ ร้านขายของที่ระลึก และร้านขนมหวานต่างๆ ถ้าหากคุณเผลอหลุดเข้าไปเดินเล่นในย่านนี้ในตอนเย็นๆ บอกได้เลยว่าคุณจะหลงเสน่ห์ความน่ารักของที่นี่เข้าเต็มเปา

ก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดิน ลองเดินขึ้นไปบนเนินเขา Janiculum ในย่าน Trastevere นี้ คุณจะได้พบกับวิวของกรุงโรมที่สวยงามเกินบรรยาย นอกจากนั้นตรงนี้ยังอยู่ใกล้กันกับตลาดขายของมือสอง Porta Portese ตลาดชื่อดังของกรุงโรมที่เปิดทุกๆวันอาทิตย์อีกด้วย

 

ที่อยู่: 00153 Rome

 

ร้านอาหาร CARLO MENTA กรุงโรม

5

ร้านอาหาร CARLO MENTA

หนึ่งในร้านอาหารที่ดีที่สุดในกรุงโรมที่มักจะเห็นชื่อผ่านตาไปมาอยู่ในลิสต์ร้านอาหารแนะนำของกรุงโรมในหลายๆเว็บไซต์และไกด์บุ้ค ร้านอาหาร Carlo Menta เป็นร้านอาหารที่เป็นที่โปรดปรานของคนท้องถิ่น ตั้งอยู่ไม่ไกลจากย่าน Trastevere อาหารที่นี่ราคาถูกแสนถูก คุณสามารถมารับประทานพิซซ่าได้ในราคา 3-8€ นอกจากนั้นยังมีพาสต้า Gamberi ชื่อดังของทางร้านที่ราคา 8€ เท่านั้น เรียกได้ว่าทั้งอิ่ม อร่อย แถมราคาสบายกระเป๋าอีกด้วย

 

ที่อยู่: Via della Lungaretta, 101, Rome

เวลาทำการ: วันจันทร์ถึงศุกร์ 12:00-23:30 / วันเสาร์และอาทิตย์ 12:00-00:00

 

ประติมากรรมปากแห่งสัจจะ The Mouth of Truth กรุงโรม

6

THE MOUTH OF TRUTH

รูปปั้นแกะสลักที่เห็นอยู่ในภาพนี้คือประติมากรรมปากแห่งสัจจะหรือ The Mouth of Truth ว่ากันว่าถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 4 ก่อนคริสตกาลและว่ากันอีกว่าเจ้าประติมากรรมแผ่นนี้จริงๆแล้วถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้เป็นฝาปิดท่อระบายน้ำ อย่างไรก็ตามก็ยังไม่มีใครสามารถพิสูจน์ได้ว่าสิ่งที่กล่าวขานกันมานั้นจริงหรือไม่ ยังมีเรื่องเล่าอีกว่าในช่วงยุคสมัยกลาง ขณะที่มีการสอบสวนหรือพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องการเมืองและการปกครอง ผู้นั้นจะต้องนำมือเข้าไปในช่องปากของประติมากรรมปากแห่งสัจจะและจะถูกขู่ว่าถ้าไม่พุดความจริงจะถูกตัดมือ ตั้งแต่นั้นมา ประติมากรรมแผ่นนี้ก็ถูกเรียกว่า The Mouth of Truth มาจนถึงปัจจุบันนี้ ในภาพยนตร์เรื่อง "Roman Holiday" ที่มุมนี้เป็นสถานที่ที่ Audrey Hepburn และคนรักของเขานำมือเข้าไปในปากและพูดคุยล้อเลียนเกี่ยวกับประติมากรรมนี้ หากแต่ในที่สุดทั้ง 2 ก็ได้สูญเสียมือของเขาไป

 

ที่อยู่: Piazza della Bocca della Verità, 18, Rome

เวลาทำการ: เปิดทุกวัน 09:30-17:50 

 

ตลาดสด CAMPO DE' FIORI กรุงโรม

7

ตลาดดอกไม้ CAMPO DE' FIORI

อาจจะมีหลายคนที่ชอบเดินตลาดสดหรือตลาดขายของเก่าตามประเทศต่างๆเพื่อซึมซับบรรยากาศ ถ้าหากเป็นที่กรุงโรมก็ต้องที่นี่เลยที่ตลาดดอกไม้ Campo de' Fiori ตั้งอยู่ใจกลางเมืองไม่ไกลจากมหาวิหารแพนธีออนและจัตุรัสนาโวนา แต่แนะนำว่าให้ไปเดินตอนเช้าเพราะช่วงหลังจากเที่ยงไปถึงตอนบ่ายตลาดจะเริ่มวายแล้ว ถึงแม้ว่าที่นี่จะเป็นตลาดดอกไม้หากแต่ว่าก็ยังมีสินค้าอื่นๆมาวางขายบ้างประปราย ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบประกอบอาหารต่างๆหรือแม้กระทั่งเครื่องดื่มชื่อดังอย่าง Limoncellos ในช่วงกลางคืน ในบริเวณนี้จะครึกครื้นและเต็มไปด้วยผู้คนที่เดินทางมานั่งที่บาร์หรือมารับประทานดินเนอร์ที่ร้านอาหาร เรียกได้ว่าบรรยากาศตอนเช้าและตอนกลางคืนนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

 

ที่อยู่: Piazza Campo de' Fiori, Rome

 

ร้านเจลาโต้ที่ดีที่สุดในกรุงโรม GIOLITTI

8

เจลาโต้ GIOLITTI

หนึ่งในร้านเจลาโต้ 3 อันดับของกรุงโรมได้แก่ร้าน Giolitti ตั้งอยู่ใกล้กันกับมหาวิหารแพนธีออน รสชาติของเจลาโต้ของทางร้านจะเน้นไปทางเบอร์รี่ชนิดต่างๆ นอกจากนั้นยังมีรสแตงโมที่เป็นที่โปรดปรานของลูกค้าร้านนี้ อย่างไรก็ตาม รสชาติของเจลาโต้ร้าน Giolitti จะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆตามฤดูกาลและวัตถุดิบที่หาได้ในช่วงนั้นๆ จึงไม่ต้องแปลกใจที่ถ้าคุณตั้งใจจะไปรับประทานเจลาโต้รสนี้แต่ทางร้านไม่มีเสิร์ฟ แต่นั่นก็ถือเป็นโอกาสดีที่คุณจะได้ลงชิมรสชาติใหม่ๆดู

 

ที่อยู่: Via degli Uffici del Vicario, 40, Rome

เวลาทำการ: เปิดทุกวัน 07:00-01:00

   

ถนนช้อปปิ้ง VIA DEI CONDOTTI กรุงโรม

9

ถนนช้อปปิ้ง VIA DEI CONDOTTI

อีกหนึ่งถนนช้อปปิ้งที่ไม่ควรพลาดคือถนนช้อปปิ้ง Via dei Condotti ถนนทอดยาวไปยังบันได้สเปน (Spanish Steps) ที่เป็นถนนช้อปปิ้งที่ขนาบข้างไปด้วยช้อปแบรนด์เนมหรูหรามากมายไม่ว่าจะเป็น Gucci หรือ Prada แบรนด์เนมชื่อดังของประเทศอิตาลี อีกทั้งยังมี Chanel, Louis Vuitton และอีกมากมายให้เลือกช้อปปิ้งกันจนเพลิดเพลินเลยทีเดียว

 

บันไดสเปน กรุงโรม

10

SPANISH STEPS

อีกหนึ่งแลนด์มาร์กของกรุงโรมก็คือบันไดสเปน (Spanish Steps) เป็นที่รู้จักกันในฐานะสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง "Roman Holiday" ที่ Audrey Hepburn มานั่งรับประทานเจลาโต้ที่ตรงนี้ ย้อนกลับไปเมื่อสมัยศตวรรษที่ 17 ที่นี่เป็นที่ตั้งของสถานกงสุลประเทศสเปนประจำประเทศอิตาลี จึงเป็นที่มาของชื่อบันไดสเปนนั่นเอง บันไดที่เห็นอยู่ทั้งหมดนี้มี 137 ขั้น ที่ด้านบนคือหอระฆังของโบสถ์ Trinita dei Monri และมีเสา Obelisk ตั้งอยู่ตรงกลาง ด้วยความที่เป็นแหล่งช้อปปิ้งและเป็นแลนด์มาร์กของกรุงโรม ทำให้ที่นี่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวตลอดทั้งตอนกลางวันและกลางคืน ถ้าหากต้องการจะถ่ายรูปสวยๆโดยไม่มีคน แนะนำว่าให้ไปในช่วงเช้าหน่อยตอนที่สถานที่ช้อปปิ้งและร้านค้ายังไม่เปิดทำการ

 

ที่อยู่: Piazza di Spagna, Rome

 

้ร้านทีรามิสุ POMPI กรุงโรม

11

คาเฟ่ทีรามิสุ POMPI

ขนมหวานที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดของประเทศอิตาลีก็คงจะหนีไม่พ้นทีรามิสุ ร้าน Pompi ตั้งอยู่ที่หน้าบันไดสเปน บนถนน Condotti ในกรุงโรมนั้นมีอยู่เพียง 2 สาขาเท่านั้น อีกสาขาหนึ่งตั้งอยู่ออกไปไกลเสียหน่อยจากสถานที่ท่องเที่ยว หากแต่ว่าคุณสามารถไปที่สาขานั้นได้และดื่มด่ำกับรสชาติของทีรามิสุสุดเข้มข้นอย่างสงบสุข สาขาบันไดสเปนนี้จะค่อนข้างเล็กและมีโต๊ะยืนเพียง 2-3 โต๊ะเท่านั้น ถ้าหากคุณไม่ได้ต้องการซื้อมารับประทานเลย แนะนำว่าให้ซื้อแบบแช่แข็งและนำกลับไปรับประทานที่โรงแรม

 

ที่อยู่: Via della Croce, 82, Rome

เวลาทำการ: วันจันทร์ถึงวันศุกร์ 10:30-22:00 / วันเสาร์และอาทิตย์ 10:30-23:00

 

จัตุรัสโปโปโล กรุงโรม

12

PIAZZA DEL POPOLO

จัตุรัสโปโปโล (Piazza del Popolo) มีความหมายว่าจัตุรัสสำหรับสาธารณะชน จัตุรัสนี้มีรูปร่างกลม และมี Port Popolo ตั้งอยู่เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของประตูที่กั้นระหว่างกรุงโรมและโลกภายนอก และที่ตรงกลางจัตุรัสแห่งนี้มีเสา Obelisk เสาหนึ่งตั้งอยู่ เป็นเสาที่ถูกขโมยมาจากประเทศอียิปต์โดยจักพรรดิออกัสตัส (Emperor Augustus) เมื่อตอนที่สามารถเอาชนะประเทศอียิปต์ได้ และถ้าหากยืนอยู่ตรงกลางจัตุรัส จะเห็นได้เสา Obelisk นี้ตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลาง ขนาบข้างด้วยโบสถ์ Santa Maria dei Miracoli และโบสถ์ Sana Maria Montesanto ราวกับว่าเป็นโบสถ์ฝาแฝดกันอย่างไรอย่างนั้น

 

ที่อยู่: Piazza del Popolo, Rome 

 

ร้านริซอตโต้ NAUMACHIA กรุงโรม

13

ร้านอาหาร NAUMACHIA

หลังจากเดินเที่ยวกันอย่างสบายใจมาทั้งวัน มาเติมพลังที่ร้านอาหาร Naumachia ตั้งอยู่ห่างจากโคลอสเซียมเพียงเดินเท้า 10 นาที หลายคนอาจจะรู้สึกเบื่อพิซซ่าหรือพาสต้ากันแล้ว มาลองรับประทานริซอตโต้ที่ร้านนี้ดู ริซอตโต้จะมีวัตถุดิบหลักคือข้าวริซอตโต้ ปรุงรสด้วยหลากหลายวัตถุดิบไม่ว่าจะเป็นชีส มะเขือเทศ เห็ดทรัฟเฟิล และอื่นๆอีกมากมาย เมนูที่ทางร้านแนะนำคือ Naumakiia Seafood Risotto ที่ทำมาจากอาหารทะเลหลากหลาย ทั้งกุ้ง หอยแมลงภู่ และปลาหมึก

 

ที่อยู่: Via Celimontana, 7, Rome

เวลาทำการ: เปิดทุกวัน 11:00-00:00

 


เรื่อง: Aphinya Kasemsukphaisan

ภาพ: Yuna LEE