โบสถ์ St. John's Co-Cathedral นั้นตั้งอยู่ที่ใจกลางเมืองวาเลตต้า ถ้าหากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบเข้าเยี่ยมชมโบสถ์และสถานที่ที่สำคัญทางศาสนาของประเทศต่างๆและมีความชื่นชอบในศิลปะและสถาปัตยกรรม บอกได้เลยว่าที่นี่เป็นที่ที่คุณห้ามพลาดเด็ดขาด ที่นี่เป็นโบสถ์หรืออาสนวิหารร่วม (Co-Cathedral) โรมันคาทอลิก สร้างขึ้นโดยภาคีของนักบุญเซนต์จอห์น (Order of Saint John) ตั้งแต่ปี 1572 จนถึงปี 1577 เพื่อเป็นสำนักแม่ชีสำหรับอัศวินในนักบุญเซนต์จอห์น สถาปนิกผู้ออกแบบโบสถ์นี้เป็นคนเดียวกันกับผู้ออกแบบตึกอาคารที่สวยงามต่างๆมากมายในเมืองวาเลตต้า นั่นก็คือ Girolamo Cassar หลังจากนั้นในศตวรรษที่ 17 การตกแต่งภายในก็ถูกตกแต่งใหม่อีกครั้งโดย Mattia Preti และศิลปินท่านอื่นๆในสไตล์บาโรก (Baroque) ทำให้โบสถ์แห่งนี้เป็นหนึ่งในโบสถ์สไตล์บาโรกที่สวยที่สุดในทวีปยุโรปเลยทีเดียว
ทางเข้าชมโบสถ์ตั้งอยู่ที่ด้านหลังของโบสถ์ มี Audio Guide แจกให้ใช้บริการฟรี เต็มไปด้วยข้อมูลเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับโบสถ์แห่งนี้ แต่เพียงก้าวแรกที่คุณก้าวเข้าด้านใน คุณจะสัมผัสได้ถึงความสวยงามและอลังการทันที ด้วยความที่โบสถ์เน้นใช้สีทองเป็นหลักบวกกับภาพเขียนที่ปราณีตและละเอียดอ่อน ของประดับตกแต่ง พรมประดับฝนัง หรือแม้กระทั่งพื้น ทั้งหมดนี้ทำให้โบสถ์ St. John's Co-Cathedral นั้นสวยงามไม่แพ้โบสถ์อื่นๆเลย ทุกสิ่งที่อย่างนั้นดูสวยงามจนเกินบรรยาย คุณสามารถเดินชมพลางฟัง Audio Guide ไปด้วยได้ตามหมายเลขที่ปรากฏอยู่ตามป้าย
เมื่อคุณแหงนหน้าขึ้นไปที่ด้านบน คุณจะพบกับหลังคาโค้งได้รูปขนาดกว้างที่เต็มไปด้วยภาพวาดมากมาย ภาพวาดเหล่านี้ถูกวาดขึ้นระหว่างปี 1661 จนถึงปี 1666 โดย Mattia Preti ภาพวาดแต่ละภาพเป็นภาพเหตุการณ์สำคัญของนักบุญเซนต์จอห์น ไม่ว่าจะเป็นวันกำเนิดของนักบุญเซนต์จอห์น นักบุญเซนต์จอห์นขณะเทศนากลางทะเลทราย นักบุญเซนต์จอห์นขณะถูกซักถามโดยนักบวช นักบุญเซนต์จอห์นขณะตักเตือนกษัตริย์เฮโรด (King Herod) เกี่ยวการกระทำผิดศีลธรรม การประหารโดยการตัดศีรษะของนักบุญเซนต์จอห์น และอีกมากมายนับไม่ถ้วน
ไม่ใช่เพียงในส่วนของเพดานเท่านั้นที่สวยงาม หากแต่ว่าถ้าคุณมองลงไปที่พื้น คุณจะเห็นว่าพื้นของโบสถ์แทบจะทั้งหมดนั้นถูกปกคลุมไปด้วยศิลาหน้าหลุมฝังศพกว่า 400 ชิ้น ศิลาแต่ละชิ้นนั้นถูกดีไซน์และสร้างขึ้นมาในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป มีการใช้ฝังหินอ่อนแต่ละสีลงไปเพื่อให้เกิดเป็นภาพแต่ละภาพขึ้นมา โดยศิลาเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 17 ไปจนถึงศตวรรษที่ 19 เลยทีเดียว ศิลาหน้าหลุมฝังศพเหล่านี้ถูกสร้างเพื่อเป็นที่รำลึกถึงเหล่าอัศวินในนักบุญเซนต์จอห์น (Knights of the Order of St. John) เต็มไปด้วยสัญลักษณ์ของการเฉลิมฉลอง ชัยชนะ ชื่อเสียงเกียรติยศ และความตาย ศิลาชิ้นที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดคือชิ้นที่มีรูปโครงกระดูกถือเคียวและนาฬิกาทรายอยู่ และรูปของเทพธิดาแห่งเกียรติยศที่กำลังเป่าทรัมเป็ตอยู่
โบสถ์แห่งนี้นั้นมีประวัติศาสตร์ยาวนานอยู่คู่กับอัศวินในนักบุญเซนต์จอห์น ที่ด้านในโบสถ์จะมีห้องสวดมนต์เล็กๆแบ่งออกเป็นส่วนทั้งหมด 8 ส่วน แต่ละส่วนจะเป็นสัญลักษณ์ของนักบุญในแต่ละพื้นที่ของยุโรป โดยจะมีห้องสวดมนต์ของนักบุญจากประเทศเยอรมัน, ประเทศอิตาลี, ประเทศฝรั่งเศส, แคว้นโพรวองซ์ (Provence), แคว้นแองโกลบาวาเรียน (Anglo-Bavarian), แคว้นโอแวร์ญ (Auvergne), แคว้นอารากอน (Aragon) และสุดท้ายคือคาสทิลล์ ลีออน และประเทศโปรตุเกส (Castille, Leon, and Portugal)
Fra' Marc'Antonio Zondadari คือแกรนด์มาสเตอร์ของภาคีในนักบุญเซนต์จอห์นตั้งแต่ปี 1720 จนถึงปี 1722 ถึงแม้ว่าเขาจะดำรงตำแหน่งได้เพียงแค่ 2 ปีเท่านั้น แต่ว่าเขากลับมีชื่อเสียงและเป็นที่รักของชาวมอลทีส ในอดีตเขาเคยอาศัยอยู่ที่ Palazzo Carniero ในเมืองวาเลตต้าตั้งแต่ปี 1702 จนกระทั่งปัจจุบัน สถานที่นั้นได้เป็นที่รู้จักในนาม Auberge de Bavière หลังจากที่เขาเสียชีวิตลงในปี 1722 ร่างไร้วิญญาณของเขาได้ถูกฝังเอาไว้ในอนุสาวรีย์ที่เห็นอยู่ในภาพนี้ ตั้งอยู่ในโบสถ์ St. John's Co-Cathedral อนุสาวรีย์นี้เป็นสัญลักษณ์ของผลงานสไตล์บาโรกที่ใช้ทองสัมฤทธ์และหินอ่อนในการสร้าง
ห้องนี้เชื่อมอยู่ติดกับห้องโถงหลักของโบสถ์ มีชื่อเรียกว่า "The Sacristy" สร้างแล้วเสร็จเมื่อปี 1604 ภายในห้องนี้มีการจัดแสดงตราของอัศวิน Raymundo de Vere ตรงกลางใต้แท่นบูชาที่มีรูปปั้นของนักบุญเซนต์จอห์นตั้งอยู่ ตราอีก 2 ตราที่ขนาบข้างอยู่นั้นคือตราของ The Religion และ Grand Master Alof de Wignacourt
โบสถ์ St. John's Co-Cathedral เปิดถึง 16:30 ในวันธรรมดาและ 12:30 ในวันเสาร์ ประตูปิดให้เข้าชม 30 นาทีก่อนเวลาปิดจริง แนะนำว่าให้วางแผนให้ดีก่อนเพื่อที่จะได้ไม่พลาดในการเข้าชมโบสถ์เนื่องจากนักท่องเที่ยวหลายคนนั้นพลาดโอกาสที่จะเข้าชมโบสถ์ อันเกิดขึ้นจากความคิดที่ว่าโบสถ์นั้นตั้งอยู่ในใจกลางเมืองวาเลตต้าแล้วคิดว่าจะมาเมื่อไรก็ได้ แต่ในความจริงแล้ว เวลาปิดของโบสถ์นั้นค่อนข้างเร็ว เพราะฉะนั้นแล้ววางแผนให้เพื่อที่จะได้มาเข้าชมและรับรู้เรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังของภาพวาดแต่ละชิ้น รับรองได้เลยว่าความสวยงามนั้นเกินคุ้มราคาค่าเข้าแน่นอน
และในปี 2021 ที่จะถึงนี้ ทางโบสถ์กำลังจะเปิดพิพิธภัณฑ์อย่างเป็นทางการ เต็มไปด้วยข้าวของทางประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็น Tapestry Chamber, Caravaggio Wing, Vestments Hall, Silver Vaults, Cappella Ardente และ Choral Book ถ้าหากคุณมีโอกาสที่จะได้เดินทางไปท่องเที่ยวประเทศมอลต้าอีกในปี 2021 ก็อย่าลืมแวะเวียนเข้าไปชมพิพิธภัณฑ์กันได้
เรื่องและภาพ: Aphinya Kasemsukphaisan
ที่อยู่: Triq San Gwann, Il-Belt Valletta, Malta
การเดินทาง: รถบัสสาย 133 สถานี Gang หรือ Nawfragju
เวลาทำการ: วันจันทร์ถึงวันศุกร์ 09:30-16:30 / วันเสาร์ 09:30-12:30 (ปิดทุกวันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์)
ค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 10€ / ผู้ที่ถือบัตรนักเรียน ISIC 7.50€ / เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปีเข้าฟรี
เว็บไซต์: www.stjohnscocathedral.com