เมื่อเดินทางมาเที่ยวฝรั่งเศส คูณจะได้พบกับร้านคาเฟ่เเละร้านขายขนม (patisseries) อยู่ในแทบจะทุกมุมเมืองของฝรั่งเศส นอกจากนี้ประเทศฝรั่งเศสยังเป็นต้นกำเนิดของร้านขนมหวานชื่อดังหลาหลาย เช่น La Durée, Pierre Hermé หรือ Angelina café เป็นต้น หน้าตาของขนมหวานจากฝรั่งเศสก็ล้วนเย้ายวน ยั่วให้อยากทาน ยากที่ยับยั้งชั่งใจได้ และต้องบอกว่าขนมเเทบจะทุกอย่างของฝรั่งเศสล้วนรสชาติดีทั้งสิ้น โดยเฉพาะเมื่อจับคู่กับชา หรือกาแฟในช่วงเวลาดีๆกับเพื่อนเเละครอบครัว เอาเป็นว่าเราไปดูกันเลยดีกว่าว่ารายชื่อขนมที่รวบรวมมาในวันนี้มีอะไรบ้าง
เมื่อพูดถึงชื่อของทาร์ตเเอปเปิ้ล (Tarte aux pommes หรือ Apple tart) หลายคนอาจจะคงพอเคยได้ยินมาบ้างว่ามีที่มาจากประเทศอังกฤษตั้งแต่สมัยยุคกลาง เเละก็ได้รับการพูดถึงอีกครั้งในศตวรรษที่ 14 ว่ากันว่าทาร์ตเเอปปเปิ้ลนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในแคว้นนอร์มังดีของประเทศฝรั่งเศส ซึ่งนั่นอาจจะเป็นเพราะว่าแคว้นนี้มีผลผลิตหลักเป็นแอปเปิ้ลนั่นเอง เจ้าแอปเปิ้ลทาร์ตนี้เป็นของหวานที่ค่อนข้างเป็นที่นิยมอย่างมากในประเทศฝรั่งเศส ถึงขั้นที่ว่าชาวฝรั่งเศสมีสำนวนที่ว่า “ce n’est pas de la tarte” (มีความหมายตรงตัวว่า มันไม่ใช่ทาร์ต) เพื่อใช้พูดเมื่อต้องการอธิบายว่างานหรือภาระที่ต้องทำนั้นไม่ง่ายเลย พูดถึงที่มาเเละเรื่องราวของทาร์ตกันมาพอหอมปากหอมคอ ที่นี้มาดูรสชาติของทาร์ตกันบ้างดีกว่า เนื้อเเป้งที่เป็นฐานของทาร์ตนั้นเเอบจะมีรสชาติเค็มเพียงนิดหน่อย ส่วนรสชาติความหวานของขนมนี้นั้นมาจากตัวเเอปเปิ้ลเเละเนื้อเเอปเปิ้ลบดซึ่งจะมีรสออกเปรี้ยวนิดๆผสมออกมา แอปเปิ้ลทาร์ตนี้จะทานเเบบร้อนหรือเย็นก็อร่อยเสมอ บางคนอาจจะเสิร์ฟทาร์ตนี้มาพร้อมกับไอศกรีมหรือซอสคาราเมลเพื่อเพิ่มความเเฟนซีให้กับขนมก็ได้เช่นกัน
Paris-Brest เป็นขนมทรงกลมคล้ายกับวงล้อ ขนมนี้เกิดขึ้นครั้งแรกในปี 1910 โดยคิดค้นขึ้นเพื่องานแข่งขันจักรยานซึ่งปั่นกันจากกรุงปารีสไปยังเมือง Brest ในแคว้นเบรอตาญเเละปั่นย้อนกลับมาที่ปารีสอีกครั้ง รูปทรงที่คล้ายล้อจักรยาของขนมนั้นจึงถูกสร้างขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับการเเข่งขันนั่นเอง หน้าตาของขนมเป็นการเอาเเผ่นแป้งเนื้อคล้ายแป้งชูลักษณะวงกลมมาวางประกบกันโดยมีครีมรสหวานสอดไส้อยู่ตรงกลาง ที่ด้านบนของขนมก็จะนำน้ำตาลไอซ์ซิ่งมาโรยหรือตกเเต่งเพิ่มเติมด้วยอัลมอนด์สไลด์เพื่อเพิ่มความสวยงามเเละรสหวานนั่นเอง
มาการ็องเป็นขนมหวานทรงกลม คล้ายคุกกี้เนื้อนุ่มที่มีไส้ครีมต่างๆอยู่ตรงกลาง ส่วนผสมแบบออริจินัลของมาการ็องก็มีเพียงเเค่ไข่ขาว น้ำตาล แป้งอัลมอนด์ เเละต่อมาในปัจจุบันก็เริ่มมีการนำสีผสมอาหารเข้ามาใส่เพิ่มเติม รวมทั้งผสมรสเเละกลิ่นต่างๆเข้าไป ขนมหวานนี้มีที่มาในฝรั่งเศสตั้งแต่ในสมัยเรเนซ้องส์ที่พระนาง Catherine de' Medici ได้ทรงอภิเษกสมรสกับกษัตริย์เฮนรี่ที่ 2 พระนาง Catherine de' Medici ได้นำสูตรขนมนี้มาจากประเทศอิตาลีซึ่งเป็นประเทศบ้านเกิดเข้ามาในฝรั่งเศส เเรกเริ่มขนมนี้เป็นที่นิยมทำแจกกันในคอนเวนโดยไม่ได้มีการใส่สีสันหรือรสชาติที่เเฟนซีลงไป เเต่ต่อมาในปีช่วงปี 1930 ก็เริ่มมีการเพิ่มตัวครีมตรงกลางเข้าไปจนกระทั่งในปัจจุปันก็เริ่มีรสชาติที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น เช่น มัทชะ คาราเมล หรือสตรเบอร์รี่ชีสเค้ก เป็นต้น ร้านขายมาการ็องเเบรนด์ดังๆอย่าง Ladurée และ Pierre Hermé เรียกได้ว่าเป็นตัวเเทนของมาการ็องจากฝรั่งเศส เเต่เจ้าขนมนี้ก็สามารถหาซื้อได้ทั่วในร้านเบเกอร์รี่ทั่วฝรั่งเศสเช่นกัน
เอเเคลร์ หรือ « éclair » ได้รับการคิดค้นขึ้นเป็นครั้งเเรกโดย Marie Antonin Carême ในช่วงต้นของศตวรรษที่ 19 เอแคลร์ที่แท้จริงของฝรั่งเศส คือ เเป้งโดทรงยาวที่เคลือบด้านบนด้วยช็อกโกแลตหรือครีมรสชาติอื่นๆ เเละอาจมีการตกแต่งด้วยผลไม้ อัลมอนด์ ถั่วชนิดต่าง เป็นต้น ความหมายตรงตัวของ « éclair » มีความหมายว่าสายฟ้า ซึ่งว่ากันว่าอาจจะมีที่มาจากเงาของครีมที่เคลือบด้านบนขนม หรือบางเเหล่งก็ให้เหตุผลว่าเกิดจากความอร่อยของเอเเคลร์ที่สามารถกินหมดได้อย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้านั่นเอง
ความหมายตรงตัวของคำว่า « mille feuilles » คือ ใบไม้พันใบ บางคนก็อาจจะสับสนเรียกขนมหน้าตาเเบบนี้ว่า “Napolean” เนื่องจากมีหลายที่มาเล่าว่าขนมนี้มีต้นกำเนิดจากเมืองเนเปิล (Naple) ของอิตาลี อย่างไรก็ตามไม่มีหลักฐานยืนยันที่ชัดเจนถึงต้นกำเนิดของขนมนี้ มิลย์เฟย (mille feuilles) เป็นขนมหวานประกอบด้วยเเป้งพัฟเนื้อกรอบ 3 เลเยอร์ โดยเเต่ละชั้นจะมีครีมรสชาติต่างๆคั่นไว้ โดยปกติเจ้าขนมนี้สามารถพบเจอได้ในร้านคาเฟ่เกือบทุกร้าน เนื่องจากเป็นขนมที่เข้าคู่กับชาหรือกาเเฟได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว ครีมนุ่มที่ละลายในปากกับเนื้อกรอบของตัวเเป้ง แน่นอนว่าจะไม่ทำให้อาฟเตอร์นูนทีของคุณขาดตกบกพร่องเเม้เเต่น้อย
« Canalé » หรือ "กานาเล่" เป็นขนมหวานจากแคว้นบอร์โด ทางฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส อีกครั้งที่ขนมนี้มีจุดเริ่มต้นจากคอนเวนต์ ชื่อว่า Couvent des Annonciades เพียงเเค่คำเเรกคุณก็จะได้สัมผัสกับรสชาติเเละกลิ่นที่ชัดเจนของส่วนผสมหลักอย่างเหล้ารัมเเละกลิ่นวานิลลา ว่ากันว่าในอดีต บอร์โดเคยเป็นท่าเรือที่ส่งผ่นเหล้ารัมจึงทำให้นี่น่าจะเป็นเหตุผลสำคัญที่เหล้ารัมได้กลายมาเป็นส่วนผสมของขนมเเสนอร่อยนี้ กานาเล่มีรูปทรงคล้ายทรงกระบอกคว่ำพร้อมรอยหยัก มีความสูงประมาณ 5 เซนติเมตร เมื่อกัดเข้าไปจะได้รับกลิ่นของรัมเเละวานิลลาเเบบเต็มจากเจ้าขนมเนื้อหนึบครีมชิ้นนี้
มาดเลน (Madeleine) ขนมเนื้อเค้กชิ้นเล็กรูปทรงคล้ายเปลือกหอยที่เห็นอยู่ในภาพนี้ ว่ากันว่ามีที่มาจากแคว้น Lorraine ของประเทศฝรั่งเศส ขนมชนิดนี้มีเรื่องเล่าถึงที่มาที่หลากหลาย เรื่องเล่าที่โด่งดังที่สุดน่าจะเป็นเรื่องที่ว่าเด็กสาวชื่อ Madeleine Paulmier ทำงานให้กับ Stanisław Leszczyński ซึ่งเป็นขุนนางชั้นสูงของแคว้น Lorraine สูตรอาหารเพียงสูตรเดียวที่เด็กสาวผู้นี้รู้ ก็คือ สูตรขนมสูตรนี้ ซึ่งเป็นสูตรจากคุณยายของเธอนั่นเอง เเละนี่จึงเป็นสาเหตุที่ขนมนี้ได้ขื่อว่า Madeleine รสชาติของขนมนี้มีความหวาน เนื้อของขนมเนียนนุ่ม จะทานเป็นอาหารเช้าก็ได้ หรือจะเป็นขนมในช่วงจิบชายามบ่ายก็ดีไม่น้อย
อีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจของขนมมาดเลนนี้ คือ ในภาษาฝรั่งเศสมีวลีที่ว่า «Madeleine de Proust» ซึ่งเป็นวลีที่ใช้อธิบายความรู้สึกของการนึกถึงช่วงเวลาในอดีตที่เกิดจากการได้รับสัมผัสจากกลิ่น เสียง หรือสถานที่ ซึ่งวลีนี้นั้นมีที่มาจากหนังสือเรื่อง « A la Recherche du Temps Perdu » ของนักเขียนชื่อ Marcel Proust นั่นเอง โดยช่วงตอนนึงของหนังสือมีการพูดถึงขนมมาดเลนที่ทำให้ตัวละครนั้นได้หวนระลึกถึงช่วงเวลาในอดีต
คงพอจะพูดได้อย่างเต็มปากว่าประเทศฝรั่งเศสเป็นดินเเดนเเห่งอาหาร มีชื่อเสียงในเรื่องรายละเอียด ความใส่ใจเเละคุณภาพของอาหาร ขนมของฝรั่งเศสจะไม่ทำให้คุณผิดหวังอย่างเเน่นอน หลังจากที่ได้อ่านรายชื่อของขนมของฝรั่งเศสมาจำนวนหนึ่งจากบทความนี้เเล้ว หลายคนอาจจะอยากลองชิมรสชาติกันบ้างเเล้วเเหละ เพราะฉะนั้นเราก็เชิญให้ทุกคนได้ออกไปชิม ไปเดินดูขนมเหล่านี้ได้ในร้านขนมทั่วฝรั่งเศสที่มีตั้งอยู่เรียงราย ไม่ต้องเสียเวลาเเล้ว ออกไปล่าหาขนมกันดีกว่า
เรื่อง : Supawadee Pinkhao
ภาพ : Olga Andrianova