วัฒนธรรมอาหารในประเทศเบลเยี่ยมมีความเเตกต่างกันไปตามภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งความแตกต่างจะชัดเจนขึ้นเมื่อเทียบวัฒนธรรมการกินของฝั่งใต้ของ Wallonie และฝั่งเหนือของ Flanders เเต่เเน่นอนว่าเมื่อพูดถึงเบลเยี่ยมก็คงหนีไม่พ้นเฟร้นช์ฟรายด์และเบียร์ เเต่วันนี้เราลองมาดูกันว่านอกจากสองเมนูนี้แล้วยังมีอะไรที่น่าลองเมื่อไปเยือนเบลเยี่ยม
จากที่ได้กล่าวไปด้านบนว่าเฟร้นช์ฟรายด์คือเมนูขึ้นชื่อของประเทศเบลเยี่ยม ดังนั้นก่อนจะไปดูเมนูอื่นๆลองมาดูกันก่อนว่าเฟร้นช์ฟรายด์ของเบลเยี่ยมนั้นต่างจากที่อื่นอย่างไร โดยทั่วไปแล้วเฟร้นช์ฟรายด์ที่เบลเยี่ยมจะเสิร์ฟมาในจานเพื่อทานคู่กับเสต็กหรือบรรจุใส่ในกรวยกระดาษสามเหลี่ยมแบบในภาพด้านบนซึ่งเรียนกันว่า puntzak เฟร้นช์ฟรายด์แบบเบลเยี่ยมที่เเท้จริงจะไม่ทานคู่กับซอสมะเขือเทศแต่จะทานคู่กับมายองเนส เเละเนื่องจากวัฒนธรรมการทานเฟร้นฟรายด์เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายทำให้ในเบลเยี่ยมมีตัวเลือกมายองเนสที่หลากหลายมาก
ที่เบลเยี่ยมนั้นมีร้านขายเฟร้นฟรายด์ หรือ frituur (friterie) ตั้งอยู่เป็นจำนวนมาก ร้านอาหารเเละรถขายเฟร้นฟรายด์ (food truck) มีความเชี่ยวชาญอย่างมากในการทำอาหารทอด เราจึงขอเเนะนำเมนูทอดที่ไม่ควรพลาดเมื่อเดินทางมาถึงเบลเยี่ยม
1. FRIKANDEL: เป็นหนึ่งในเมนูที่ได้รับความนิยมอย่างมากในเบลเยี่ยม สิ่งนี้คือไส้กรอกเนื้อที่นำลงไปทอดให้เหลืองกรอบ คู่มือประกอบอาหาร "De verstandige kok" ให้คำอธิบายว่าเมนู Frikandel มีจุดเริ่มต้นมาตั้งเเต่ยุคศตวรรษที่ 17
2.GEHAKTBAL: “gehakt” ในภาษาดัตช์มีความหมายว่าเนื้อสับ ดังนั้น gehaktbal จึงมีลักษณะคล้ายกับลูกชื้นเนื้อ หรือ meatball ที่นำมาทอด โดยทั่วไปเเล้วจะถูกเสิร์ฟมาพร้อมกัน 6 ชิ้น ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งที่จะทานเป็นของว่าง
3.KROKET: Kroket หรือ โครเกต์ที่รู้จักกันดี มีหลากหลายรสชาติให้เลือกตามความชอบและสามารถหาซื้อได้ในทุกร้านที่ขายอาหารทอด
โดยทั่วไปแล้วอาหารทอดจะมีอยู่สองแบบหลักคือเเบบธรรมดาหรือแบบที่เพิ่มความกรอบด้วยเกล็ดขนมปังเคลือบด้านนอก นอกจากนี้เบลเยี่ยมยังมี vleesmuur ตั้งอยู่ในหลายๆที่ซึ่ง เจ้า vleesmuur เป็นภาษาดัตช์ที่มีความหมายว่า "กำแพงเนื้อ" vleesmuur คือตู้ขายอาหารทอดต่างๆ ที่ฝังตัวติดกับกำเเพง
การดื่มเบียร์ในประเทศเบลเยี่ยมเป็นหนึ่งกิจกรรมที่ไม่ควรพลาด ในเบลเยี่ยมมีเบียร์ให้เลือกหลากหลายชนิดมากซึ่งเเตกต่างทั้งสี กลิ่น รสชาติและการเลือกแก้วที่เหมาะกับเเต่ละชนิดของเบียร์ ชาวเบลเยี่ยมพิถีพิถันอย่างมากในการดื่มเบียร์เเม้เเต่การเลือกเเก้วให้ถูกต้องกับเบียร์เเต่ละชนิด การผลิตเบียร์ในเบลเยี่ยมีกรรมวิธีที่หลากหลายเนื่องจากไม่มีกฎหมายที่ปิดกั้นในเรื่องของการเลือกวัตถุดิบสำหรับผลิตเบียร์ เราเเนะนำให้คุณทานอาหารคู่กับเบียร์ในเเต่ละมื้ออาหารเพราะจะเป็นการช่วยเพิ่มอรรถรสให้กับมื้ออาหารของคุณได้เป็นอย่างดี
หอยแมลงภู่ที่เสิร์ฟมาคู่กับเฟร้นฟรายด์เป็นเมนูที่พบได้ทั่วไปในร้านอาหารของเบลเยี่ยม หอยแมลงภู่ในฝรั่งเศสจะใช้ไวน์เป็นเครื่องปรุงหลัก แต่เมื่อมาถึงเบลเยี่ยม "เมืองแห่งเบียร์" เมนูหอยแมลงภู่จึงมีเบียร์ป็นส่วนผสมหลัก เมนูนี้มีที่มาจากเหตุที่ว่าในช่วงฤดูที่หนาว การตกปลาไม่ได้ผลผลิตเท่าที่ควร หอยเเมลงภู่จึงกลายมาเป็นเมนูทางเลือกของหลายๆครัวเรือน เพราะหอยแมลงภู่เป็นผลผลิตที่หาได้ทั้งปีเว้นก็เเค่ช่วงฤดูใบไม้ผลิ และถ้าหากอยากลิ้มรสแบบชาวเบลเยี่ยมที่เเท้จริงเราขอเเนะนำให้คุณทานหอยแมลงภูที่เสิร์ฟมาทั้งเปลือก
Stoofvlees เป็นอาหารขึ้นชื่อของชาว Flemish ซึ่งมีเบียร์เป็นส่วนผสมหลัก กว่าจะได้สตูเนื้อแบบในภาพ จะต้องใช้เวลาตุ๋นอยู่หลายชั่วโมงเพื่อให้เนื้อได้ซึมซับรสชาติที่กลมกล่อมจากการปรุงเเละเพื่อความเหนียวนุ่มของเนื้อ โดยทั่วไปแล้วสตูเนื้อลักษณะนี้จะเสิร์ฟคู่มากับเฟร้นฟรายด์
อีกหนึ่งเมนูดั้งเดิมของเบลเยี่ยมคือลูกชิ้นเนื้อหรือมีทบอลแบบเบลเยี่ยมที่เสิร์ฟคู่กับมันฝรั่งทอดหรือมันฝรั่งบด ลักษณะของมีทบอลจะใหญกว่ามีทบอลทั่วไปที่คุณเคยพบเห็น 'Boulets à la liégeoise' คือเมนูมีทบอลชื่อดังที่คุณไม่ควรพลาด
ช่วงฤดูร้อนในแถบชายฝั่ง Oostduinkerke จะมีการตกกุ้งสีเทาหรือ grey shrimp ที่ชายฝั่งตั้งเเต่เเถบประเทศฝรั่งเศสไปจนถึงเนเธอร์แลนด์โดยชาวประมงที่มีม้าเป็นยานพาหนะ การจับกุ้งบนหลังม้านี้ยังได้รับการขนานนามว่าเป็นมรดกทางวัฒนธรรม (Intangible Cultural Heritage of Humanity) อีกด้วย
Tomaat Garnaal (กุ้งสีเทาเสิร์ฟคู่กับมะเขือเทศ)
รสชาติของกุ้งที่ผสมผสานเข้ากับซอสครีมเเละมายองเนสได้เป็นอย่างดี เมนูนี้จึงถือเป็นอีกหนึ่งเมนูแนะนำที่ไม่ควรพลาด
ณ ประเทศเบลเยี่ยมมีโครเกต์หลากหลายชนิดที่คุณสามารถเลือกชิมได้ ราคาอาจจะเเพงนิดหน่อยเมื่อเทียบกับปริมาณเเต่นับว่าคุ้มกับรสชาติที่เต็มไปด้วยเนื้อครีมนุ่มลิ้นละลายในปาก เราขอเเนะนำเมนู garnaalkroket ซึ่งเต็มไปด้วยรสชาติของกุ้งที่คุณจะต้องตกหลุมรักทันทีเมื่อได้ชิม
เบลเยี่ยมมีชื่อเสียงอย่างมากในเรื่องของการทำวัฟเฟิล คุณสามารถพบเจอกับร้านวัฟเฟิลได้มากมายในประเทศเบลเยี่ยม แต่รู้หรือไม่ว่าจริงๆเเล้วมีวัฟเฟิลอยู่สองประเภท วันนี้เราขอนำเสนอความเเตกต่างของวัฟเฟิลทั้งสองประเภทนี้ให้คุณได้รู้จัก
วัฟเฟิลเบบบรัสเซล (ด้านขวามือในภาพด้านบน)
วัฟเฟิลชนิดนี้มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยม วัฟเฟิลชนิดนี้มีลักษณะกรอบนอกนุ่มใน เพียงเเค่แฟ้งวัฟเฟิลกับน้ำตาลไอซิ่งด้านบนคุณก็จะประทับในความอร่อยของวัฟเฟิลชนิดนี้ เเต่คุณยังสามารถเพิ่มความอร่อยให้กับวัฟเฟิลนี้ได้ด้วยไอศกรีม ซอสช็อกโกเเลต คาราเมล ฯลฯ ได้ตามต้องการ
วัฟเฟิลจาเมืองลิเอจ หรือ Liege (ด้านซ้ายมือในภาพด้านบน)
ลักษณะของวัฟเฟิลชนิดนี้จะมีรูปร่างกลมเหมือวัฟเฟิลทั่วไปแต่รสชาตินั้นเเตกต่างอย่างสิ้นเชิง เจ้าวัฟเฟิลนี้มีเนื้อสัมผัสที่นุ่มและมีความเหนียวนุ่มของเนื้อแป้งอย่าสุดๆ จึงไม่ควรที่จะราดซอสมากจนเกินไป
เบลเยี่ยมมีช็อกโกเลตหลากหลายชนิดให้คุณได้เลือกชิมทั้งแบบที่ราคาถูกในซุปเปอร์มาเก็ตทั่วไปและช็อกโกเเลตราคาสูงซึ่งวางขายในร้านช็อกโกแลตโดยเฉพาะ ตามกฎของเบลเยี่ยมช็อกโกแลตที่วางขายในท้องตลาดต้องมีส่วนผสมของโกโก้แท้ 35% ขึ้นไปดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่าช็อกโกเเลตเบลเยี่ยมนั้นเต็มเปี่ยวไปด้วยรสชาติของช็อกโกแลตอย่างเเน่นอน
แม้ว่าขนมชนิดนี้ไม่เป็นที่นิยมแพร่หลายในหมู่นักท่องเที่ยว แต่ Cuberdon ได้รับการขานชื่อให้เป็นขนมหวานขึ้นชื่อของเบลเยี่ยมที่มีรสชาติของเเละเนื้อสัมผัสของหมากฝรั่งแบบอารบิก รสชาติเบสิกของขนมหวานชนิดนี้คือรสราสเบอร์รี่ที่มีสีม่วงแบบในภาพด้านบน คุณสามารถหาซื้อขนมชนิดนี้ได้ที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไปหรือรถขายขนมในเมืองเก้นท์ (Ghent) หรือเเม้กระทั่งคุณสามารพบขนมชนิดนี้ได้ในร้านอาหาร
เรื่อง:Supawadee Pinkhao
ภาพ: Leona Fujii