ถ้าถามว่าอะไรคือสัญลักษณ์ของประเทศฝรั่งเศส หลายๆคนคงจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าหอไอเฟลแน่ๆ หรือไม่ก็พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ แบรนด์เนมหลากหลายแบรนด์ และอีกมากมาย แต่อย่าลืมไปว่าอาหารฝรั่งเศสก็ขึ้นชื่อไม่น้อยไปกว่าสถานที่ท่องเที่ยวเลย อาหารฝรั่งเศสในแต่ละพื้นที่นั้นแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับวัฒนธรรมการรับประทานอาหารและวัตถุดิบที่หาได้ในพื้นที่นั้น เรามาดูกันดีกว่าว่า อาหารฝรั่งเศสท้องถิ่นขึ้นชื่อ 10 อันดับนั้นมีอะไร และมาจากที่ไหนกันบ้าง
Duck Confit เป็นอาหารขึ้นชื่อในภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศฝรั่งเศส โดยส่วนมากเป็ดที่จะนำมาทำ Duck Confit จะต้องเป็นเป็ดตัวที่อ้วนท้วนสมบูรณ์ ได้รับอาหารที่เหมาะสมและสม่ำเสมอ เนื้อเป็ดจะถูกนำไปปรุงโดยใช้เวลาอย่างน้อยประมาณ 2 ชั่วโมงในอุณหภูมิ 70-85 องศาเซลเซียส หลังจากนั้นก็นำไปใส่ในภาชนะปิดเพื่อป้องกันไม่ให้โดนอากาศ ก่อนจะถูกนำมาเสิร์ฟพร้อมกับมันฝรั่ง ในสมัยก่อน ผู้คนมักจะนิยมใช้วิธีนี้ในการปรุงอาหารเพื่อเป็นการเก็บรักษาอาหารให้อยู่ได้อย่างน้อย 1 เดือนหรือเป็นปี
หลายคนอาจจะสับสนระหว่าง Galette กับ Crepe จริงๆแล้วนั้น Galette มีความเป็นมายาวนานกว่า Crepe โดยได้ถือกำเนิดขึ้นในแคว้นเบรอตาญ (Bretagne) ที่ในสมัยอดีตนั้นภูมิประเทศไม่สามารถปลูกข้าวสาลีได้ แต่กลับปลูกบักวีต (Buckwheat) ได้เป็นอย่างดี ทำให้เกิดเมนู Galette ขึ้นมา เป็นอาหารขึ้นชื่อในแคว้นเบรอตาญและได้แพร่กระจายความนิยมไปยังเมืองต่างๆในประเทศฝรั่งเศส
เซาเออร์เคราท์ (Choucroute) เป็นอาหารท้องถิ่นของชาวอัลซาส (Alsace) เกิดขึ้นจากการนำกะหล่ำปลีไปดองจนได้ที่ ในเซาเออร์เคราท์นั้นจะมีกำหล่ำปลีเป็นส่วนประกอบหลัก ตามมาด้วยเนื้อสัตว์ต่างๆหรือเนื้อปลา และเบียร์หรือไวน์ขาวจากแคว้นอัลซาส โดยเมื่อใดก็ตามที่เซาเออร์เคราท์ถูกปรุงมาพร้อมกับเนื้อสัตว์, ชากูเตอครี (Charcuterie) และมันฝรั่ง เมนูนั้นจะถูกเรียกว่า "Choucroute Garnie" หรือ "Choucroute Garnie de La Mer" เมื่อปรุงมาพร้อมกับเนื้อปลาหรือซีฟู้ด
ฟัวกราส์ (Foie Gras) เป็นอาหารที่นิยมรับประทานกันในวันหยุด เป็นอาหารฝรั่งเศสที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทย โดยฟัวกราส์สามารถรับประทานแบบสด หรือปรุงสุกแล้วก็ได้ มากไปกว่านั้นยังมีฟัวกราส์ในรูปแบบอาหารกระป๋องอีกด้วย ส่วนใหญ่แล้วฟัวกราส์มักจะถูกเสิร์ฟเป็น Appetizer หรือเสิร์ฟมาคู่กับอาหารอื่นๆเช่นสเต็กเนื้อเป็นต้น ฟัวกราส์นั้นอยู่คู่กับอาหารฝรั่งเศสมานานจนมีคำกล่าวเอาไว้ว่า "Foie gras is part of the cultural and gastronomic heritage protected in France"
แคว้นเบอร์กันดี (Burgundy) จะนิยมรับประทานหอยทากหรือเอสคาโก (Escargots) หอยทากที่นำมาปรุงอาหารนั้นจะถูกนำออกมาล้างทำความสะอาดก่อน แล้วจากนั้นจึงถูกนำไปปรุงจนสุกกับซอสต่างๆ ส่วนใหญ่จะเป็นซอสเนยกระเทียมหรือซอสไวน์ หลังจากนั้นจึงนำตัวหอยยัดกลับเข้าไปในเปลือกเช่นเดิม บางร้านอาหารอาจจะมีการเพิ่มเติมส่วนประกอบเข้าไป อย่างเช่น กระเทียม, ใบไทม์ (Thyme), พาร์สลีย์ และเมล็ดสน เป็นต้น หอยทากจะถูกเสิร์ฟมาบนถาดหลุม มีทั้งหมด 6 หรือ 12 หลุม โดยวิธีการรับประทานหอยทากคือจะต้องมีที่หนีบหอยทากและไม้จิ้มอันเล็ก เพื่อจิ้มเอาหอยทากออกมาจากเปลือก ทางร้านอาหารจะมีอุปกรณ์เหล่านี้เตรียมเอาไว้ให้อยู่แล้ว คนมักจะนิยมรับประทานเจ้าเอสคาโกในช่วงเทศกาลหรือในคืนคริสต์มาสอีฟ
ซุปหัวหอมนั้นมีชื่อเสียงมาตั้งแต่สมัยโรมัน ย้อนกลับไปในสมัยนั้นซุปหัวหอมถูกมองว่าเป็นอาหารสำหรับคนชั้นต่ำ เนื่องจากหัวหอมเป็นวัตถุดิบที่ปลูกขึ้นง่ายและหาได้ง่ายโดยทั่วไป ซุปหัวหอมในปัจจุบันนี้มักจะมี Gratinéed, ครูตองซ์ และชีส ท็อปอยู่ด้านบน และเสิร์ฟคู่กับขนมปังเพื่อรับประทานคู่กัน
ชีสก้อนมหึมานี้สามารถพบเห็นโดยทั่วไปในประเทศฝรั่งเศสและสวิตเซอร์แลนด์โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว คำว่า "Raclette" นี้สามารถใช้เรียกชื่อของชีส หรือชื่ออาหารก็ได้ โดย Raclette ที่เป็นอาหารนั้น จะประกอบไปด้วยมันฝรั่ง แตงกวา และหัวหอมดอง ราดลงไปด้วยชีสร้อนๆเยิ้มๆ
อีกหนึ่งอาหารขึ้นชื่อจากแคว้นเบอร์กันดี นั่นก็คือ Boeuf Bourguignon หรือสตูว์เนื้อไวน์แดง ที่จะนำเนื้อวัวไปตุ๋นในไวน์แดงและน้ำซุป เพิ่มเติมรสชาติด้วยแครอท หัวหอม กระเทียม และบูเก้การ์นิ (Bouquet Garni) ประดับด้วย Pearl Onion เห็ด และเบค่อน เจ้าสตูว์เนื้อไวน์แดงนี้เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 20 หารับประทานได้ตามร้านอาหารฝรั่งเศสทั่วไป
นอกจาก Duck Confit แล้ว เนื้อส่วนหน้าอกของเป็ดก็เป็นที่นิยมรับประทานเช่นกัน โดยทั่วไปแล้วอกเป็ดมักจะมาจากเป็ดตัวที่เลี้ยงเอาไว้เพื่อตับเป็ดโดยเฉพาะ เพื่อให้ออกมาเป็นอาหารจานนี้ อกเป็ดจะถูกนำหมักกับไวน์ลูกพรุน แล้วนำไปย่างจนสุกหอม หลังจากนั้นก็จะราดด้วยซอสบาร์บีคิวเพื่อเพิ่มรสชาติ นิยมรับประทานคู่กับไวน์แดงจากเมืองบอร์โด (Bordeaux)
นอกจากสตูว์เนื้อก็มีสตูว์ปลาที่มีต้นกำเนิดมาจากเมืองมาร์กเซย (Marseille) อาหารจานนี้เริ่มต้นขึ้นจากชาวประมงชาวมาร์กเซยคนหนึ่ง ได้นำปลาที่อยู่ตามก้อนหิน มีก้างเยอะ ไม่สามารถนำไปขายให้พ่อค้าหรือร้านอาหารได้ นำมาปรุงอาหารเป็นสตูว์ปลารับประทานเอง หลังจากนั้นเมนูนี้ก็ได้รับความนิยมขึ้นเรื่อยๆ ที่เมืองมาร์กเซย น้ำซุปจะถูกนำมาเสิร์ฟก่อนพร้อมกับขนมปังและ Rouille และเนื้อปลาจะถูกนำมาเสิร์ฟทีหลัง
เรื่อง: Leona Fujii และ Phan Thanh Thuy
แปล: Aphinya Kasemsukphaisan