เดินเล่นทอดน่องในย่านกาตีเย่ลาแต็ง

จากปองเตองถึงลุกซอมบูร์ก

Latin Quarter หรือ Quartier Latin (ภาษาฝรั่งเศสออกเสียงว่า "กาตีเย่ลาแต็ง") เป็นหนึ่งในเขตที่มีความน่าสนใจอยู่มากมาย ทั้งความสวยงามเเละเรื่องราวเบื้องหลังสิ่งก่อสร้างต่างๆ ทีมงาน O'bon Paris ได้ทำการวางแผนสำรวจบริเวณของกาตีเย่ลาเเต็ง เพื่อนำมาแบ่งปันให้กับทุกคนได้รู้จักย่านนี้มากขึ้น โดยรวมๆ ถ้าลองเดินเยี่ยมชมบริเวณกาตีเย่ลาแต็งที่เรารวบรวมมาก็จะใช้เวลาอยู่ที่ประมาณ 30 นาที

 

ชื่อของ "กาตีเย่ลาแต็ง" มีที่มาจากไหนกัน ?

quartier latin Henri IV กาตีเย่ลาแต็ง เฮนรี่ที่ 4

ที่มาของชื่อนั้นต้องลองย้อนกลับไปถึงสมัยยุคกลาง ช่วงที่มีการสร้างมหาวิทยาลัยปารีส (University of Paris) ที่บริเวณย่านนี้ในปี 1150 ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าเเก่เป็นอันดับที่ 3 ของโลก รองลงมาจาก มหาวิทยาลัยโบโลญญา และอ๊อกฟอร์ด จนกระทั่งในศตวรรษที่ 18 ชั้นเรียนเกือบทั้งหมดจัดการเรียนการสอนเป็นภาษาละตินทั้งในฝรั่งเศสเเละทั่วยุโรป เเละคาดว่านี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้ย่านรอบมหาลัยนี้ได้รับการเรียกชื่อว่า "กาตีเย่ลาแต็ง" หรือ ย่านละติน นอกจากนี้บริเวรรอบๆมหาลัยยังได้รับการเรียกขานว่าเป็นจุดรวบรวมความรู้ เป็นที่ตั้งของร้านหนังสือ มหาวิทยาลัย ห้องสมุดต่างๆมากมาย ในอดีตยังมีการเปรียบในคำพังเพยฝรั่งเศสไว้ว่า "sur la Rive Gauche on pense, sur la Rive Droite on dépense" (ฝั่งซ้ายของแม่น้ำแซนน์เป็นโลกของการใชความคิด ความรู้ ส่วนฝั่งขวาเป็นโลกของการจับจ่ายใช้สอย)

 

1

Cardinal-Lemoine ไปยัง Pantheon (ป็องเตอง)

Cardinal Lemoine Metro เมโทรคาร์ดินัลเลอมวน

เริ่มต้นการเดิน เราขอแนะนำให้เดินจากสถานีเมโทร Cardinal-Lemoine (เมโทรสาย 10) เมื่อออกมาจากสถานี ให้เดินตามเส้นถนน rue du Cardinal Lemoine. อย่าเพิ่งหมดแรงไปก่อนถ้าเห็นว่าถนนเป็นเนิน ดูเเล้วอาจจะถอดใจ ถนนเส้นนี้เป็นเส้นที่ลากผ่าน “Montagne Saint Geneviève” เป็นเนินที่มีชื่อมา Saint Geneviève ซึ่งอยู่ทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำแซนน์

College des ecossais quartier latin อาคารในกาตีเย่ลาแต็ง

เมื่อเดินไปเรื่อยๆให้พยายามลองมองหาอาคารเลขที่ 65 บนถนน ซึ่งเป็นเลขที่ตั้งของอาคารขนาดใหญ่ เด่น สง่า ในอดีต อาคารแห่งนี้เคยเป็น Collegium Scoticum (Scots College) ก่อตั้งขึ้นในปี 1333 Collegium Scoticum  เป็นหนึ่งในวิทยาลัยที่แตกตัวออกมาจากมหาวิทยาลัยแห่งปารีสและนักเรียนชาวสก็อตสามารถอยู่ที่นี่ได้ 

Paris wall medieval กำแพงยุคกลางในปารีส

และเมื่อเลี่ยวไปทางขวาที่ถนน Clovis ก็จะได้พบกับซากปรักของกำแพงแห่ง Philippe II Augustus สร้างในศวรรษที่ 13 เขตเมืองของปารีสในอดีตนั้นสิ้นสุดที่กำแพงแห่งนี้ (ในอดีตปารีสมีประชากรเพียง 80,000คนเท่านั้น แต่ถือเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป) กำแพงทั้งหมดถูกทุบทำลายเมื่อมีการขยายเมืองในศตวรรษที่ 16 

Tower Clovis tour clovis Henri IV หอคอยโคลวิส

คุณสามารถมองเห็นหอระฆัง ที่มีชื่อเรียกว่า tour Clovis หรือ หอคอยโคลวิส แห่งอดีตสำนักสงฆ์แซนต์เจเนอวิเยฟ (St Genevieve) หลังจากการปฏิวัติฝรั่งเศส สถานที่แห่งนี้จึงกลายมาเป็นโรงเรียนเฮนรี่ที่ 4 (Lycee Henri-IV) ซึ่งเป็นโรงเรียนระดับมัธยมที่มีชื่อเสียง มีนักเขียนอย่างมิเชล ฟูโก้ (Michel Foucault), ฌ็อง-ปอล ซาทร์ (Jean-Paul Sartre), หรือประธานาธิบดีเอ็มมานูเอง มาครง (Emmanuel Macron) เป็นศิษย์เก่า

Saint Etienne du Mont

ก่อนที่จะเดินต่อไปถึงจัตุรัสป็องเตอง เราขอเสนอให้ลอแวะดูด้านขวาของโบสถ์  Saint-Etienne du Mont (เเซ็นเอเตียงดูมงต์) เป็นโบสถ์แบบโกธิค และมีร่องรอยของสถาปัตยกรรมเรเนซ็องส์ นอกจากด้านนอกที่สวยงาแล้ว ด้านในของโบสถ์ก็มีความงดงามเช่นกัน การสลักลวดลายบนหินมีความโดดเด่นและประณีตอย่างน่าสนใจ

Saint Etienne du Mont Midnight in Paris มิดไน้ท์อินปารีส

ด้านหนึ่งของโบสถ์ (ถนน Rue de la Montagne Sainte Geneviève) เป็นจุดที่ปารกฎในภาพยนตร์ชื่อดังที่ใครหลายคนน่าจะพอนึกออก 

Midnight in Paris Saint Etienne du Mont

ใช่แล้ว สถานที่นี้ปารกฎในภาพยนตร์เรื่องดังอย่าง Midnight in Paris (Woody Allen) ในตอนที่จิลนั่งรอรถซึ่งพาเขาย้อนกลับไปในช่วงปี 1920s 

 

2

Place du Pantheon 

Place du Pantheon Square จัตุรัสป็องเตอง

จัตุรัสป็องเตองเป็นสถานที่ซึ่งเหล่านักเรียนจากมหาวิทยาลัยรอบบริเวณกาตีเย่ลาแต็งมานั่งพักผ่อนหย่อนใจ จากอดีตถึงปัจจุบัน สถานที่แห่งนี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก ลองเปรียบเทียบดูได้จากภาพบนโปสการ์ดด้านล่างซึ่งถ่ายตั้งแต่ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20

Place du Pantheon before

ห้องสมุด Saint Geneviève เป็นหนึ่งในห้องสมุดที่เป็นที่นิยมของเหล่านักศึกษา ห้องสมุดแห่งนี้สร้างขึ้นระหว่างคริสต์ศักราช 1838 และ 1851 และมีเอกสารอยู่ราวๆ 2 ล้านฉบับ

ห้องสมุด Saint Genevieve

การตกแต่งส่วนภายในห้องสมุดมีการนำชื่อของนักวิชาการที่มีชื่อเสียงมาสลักไว้ เป็นห้องสมุดที่สวยงามที่สุดในโลกแห่งหนึ่งก็ว่าได้

 

Pantheon Paris ปงเตอง

แน่นอนว่ามาถึงย่านกาติเย่ลาแต็ง ซึ่งเป็นที่ตั้งของป็องเตอง เราก็ต้องเข้าไปเยี่ยมชมบริเวณภายในอาคารโดมสุดสง่าแห่งนี้ ปงเตองสร้างขึ้นระหว่างคริสต์ศักราช 1758 และ 1790 จากการออกแบบของ ชั๊ค เฌคแม็ง ซูโฟล (Jacques-Germain Soufflot) ตามพระดำริของกษัตริย์หลุยส์ที่ 15 แห่งฝรั่งเศส ตามความตั้งใจเดิม สถานที่แห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นโบสถ์สำหรับแสดงความศรัทธาต่อ Saint Genevieve (พระประจำเมืองปารีส)  แต่ต่อมาในช่วงปฎิวัติฝรั่งเศส โบสถ์ได้กลายมาเป็นสถานที่บรรจุศพของชาวฝรั่งเศส ภายในป็องเตองแห่งนี้ มีศพของบุคคลที่มีชื่อเสียฝังอยู่ประมาณ 80  ท่าน เช่น โวลแตร์, รุซโซ, วิคเตอร์ ฮิวโก้, เอมิล โซล่า, แซ็ง เต้กซุเปรี และมาครี กูครี เป็นต้น สถาปัตยกรรมของปงเตองนั้นเรียกว่ารูปแบบคลาสสิกสมัยใหม่ (Neoclassicism) เป็นรูปแบสถาปัตยกรรมที่มีแรงบันดาลใจมาจากศิลปะ และวัฒนธรรมสมัยคลาสสิค ปงแตองเปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่ 10 โมงเช้าถึง 6 โมงเย็น ราคาบัตรเข้าชมอยู่ที่ 11.50 ยูโร

ก่อนจะไปต่อ เราขอเสนอให้เดินไปต่อที่ตรอก Clotaire เพื่อไปที่จัตุรัส Estrapade (Place de L'Estrapade)

boulangerie Emily in Paris ร้านขนมปังเอมิลี่อินปารีส

 ที่นี่คุณจะเจอกับหลายสถานที่ซึ่งปรากฎในซีรี่ย์เรื่องดังอย่าง Emily in Paris เช่น ร้านขนมปัง Boulangerie Moderne ถ้าอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานที่ถ่ายทำซีรี่ย์เรื่องนี้ ลองคลิ๊กเข้าไปดู ที่นี่

3

จากปองเตองไปยังลูกซอมบูร์ก

เดินไปกันต่อที่ถนน Soufflot  (ด้านหน้าทางเข้าป็องเตอง) หากมองออกไปคุณจะเจอกับยอดไกลๆของหอไอเฟล

view Eiffel tower from Pantheon หอไอเฟล

ทางด้านขวามือ เป็นที่ตั้งของวิทยาลัยกฎหมาย แห่งมหาวิยาลัยปารีส

โรงเรียนกฎหมาย มหาวิทยาลัยแห่งปารีส

เช่นเดียวกัน คุณจะได้พบกับอาคารหลักของมหาวิทยาลัยปารีส ซอร์บอนน์ บนถนน Rue Saint-Jacques และยอดเล็กๆของหาวิหารนอทเทรอะดามแห่งปารีส (Notre Dame de Paris)

Sorbonne University ซอร์บอนน์ ปารีส

ตัวโดมสีเขียวที่เห็นอยู่ในภาพด้านบนคือ หอคอยดาราศาสตร์ของมหาวิทยาลัยซอร์บอนน์ และที่บริเวณในตรอกแห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของร้านหนังสือ แต่ด้วยปัจจัยด้านราคาของอสังหาริมทรัพย์ที่สูขึ้นเรื่อยๆทำให้ร้านหนังสือชื่อดังอย่าง Gibert Jeune เป็นต้นต้องย้ายออกไปตั้งอยู่ในบริเวณที่ราคาสถานที่นั้นถูกลง

บนถนน Soufflot มีสถานที่นั่งพักผ่อนหย่อนใจ เป็นร้านกาแฟขนาดเล็กๆ และยังมีร้านไอศกรีมอร่อยๆอีกด้วย เช่น ร้าน Grom หรือ La Fabrique Givrée

Grom Ice cream shop ไอศกรีม กรอม

ถ้าใครสนใจอยากหาร้านไอศกรีมในปารีส เราขอพาไดูที่บทคความเรื่องร้านไอศกรีมในปารีส

 

4

สวนสาธารณะ Luxembourg

ในที่สุด เราก็มาถึงจุดสุดท้ายของการเดินทอดน่องในวันนี้ ที่ปลายถนน Soufflot ให้ทุกคนเดินข้ามถนนเส้นใหญ่ Saint Michel และจะได้พบกับทางเข้าของสวนสาธารณะลูกซอมบูร์ก (Jardin du Luxembourg)

Luxembourg garden

วัง Luxembourg ที่ตั้งตระหง่านอยู่ในสวนแห่งนี้ สร้างขึ้นในปี 1625 และเคยถูกใช้เป็นที่พักของราชวงศ์ ต่อมาในศตวรรษที่ 19 อาคารนี้ได้ถูกเปลี่ยนมาเป็นอาคารวุฒิสภาฝรั่งเศส รูปแบบของสวนขนาดประมาณ 25 เฮกตาร์ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสวนโบโบลีในฟลอเร้น ภายในสวนนี้มารูปปั้นอยู่ 106  รูปปั้น มีน้ำพุ Medici ที่เป็นที่รู้จัก มีเรือนเพาะชำ และศาลา Davioud อีกด้วย สวนสาธารณะเปิดให้เข้าชมระหว่าง 7.30น.หรือ 8.15 น. และปิด 16.30 น. หรือ 21.30 ขึ้นอยู่กับฤดูกาล

Jardin du Luxembourg Statue Faune

 เราหวังว่าทุกคนจะเพลิดเพลินไปกับการเดินชมเมืองในย่านการศึกษาแห่งนี้ ส่วนใครที่สนใจอยากเดินต่ออีก เราก็ขอแนะนำให้ไปกันต่อได้ที่ Saint-Germain-des-Près

 


เรื่อง: V. Sacau

ภาพ: Thanh Thuy Phan