คำว่า "Sagrada Familia" ในภาษาสเปนนั้น แปลว่า "Holy Family Cathedral" มหาวิหารแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยสถาปนิคชื่อดัง Antoni Gaudi โดยในช่วงที่ Gaudi ได้เสียชีวิตลงจากอุบัติเหตุโดนรถแทรมชน ตอนนั้นมหาวิหารเสร็จสมบูรณ์เพียง 1 ใน 4 ของการสร้างเท่านั้น จึงมีการสานต่องานของ Gaudi ต่อมาจนถึงปัจจุบันนี้ การออกแบบด้านนอกของตัววิหารนั้น ใครเห็นก็เป็นต้องตกตะลึงในรายละเอียดและความสวยงามของตัวมหาวิหาร ยังไม่พอ ด้านในยังมีการประดับตกแต่งอย่างอลังการ ด้วยกระจกสีสีสันสดใส และจะยิ่งสวยงามยิ่งขึ้นเมื่อแสงแดดส่องผ่านตัวกระจก ทำให้เกิดเป็นแสงธรรมชาติมากมาย สมแล้วกับที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นหนึ่งในมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO
ที่อยู่: Carrer de Mallorca, 401, 08013 Barcelona
เวลาทำการ: เดือนพฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์ 09:00-18:00 / เดือนมีนาคม 09:00-19:00 / เดือนเมษายนถึงกันยายน 09:00-20:00 / เดือนตุลาคม 09:00-19:00 / วันที่ 25-26 ธันวาคม และวันที่ 1 และ 6 มกราคม 09:00-14:00 (ตรวจสอบวันทำการในเว็บไซต์ก่อนเดินทางอีกรอบเพื่อความแน่ใจ)
ค่าเข้า: 15€ (เฉพาะตั๋วที่จองออนไลน์เท่านั้น สามารถใช้ได้หลังจาก 14:00 ในปี 2019 เป็นต้นไป) / ตั๋วพร้อม Audio Guide 22€ / ตั๋วพร้อมทัวร์ไกด์ 24€ / ตั๋วพร้อม Audio Guide และตั๋วเข้าพิพิธภัณฑ์ Gaudi House Museum 24€ / ตั๋วพร้อม Audio Guide และตั๋วขึ้นซากราดา แฟมิเลียทาวเวอร์ 29€
เว็บไซต์: www.sagradafamilia.org
กองทัพต้องเดินด้วยท้อง มารับประทานอาหารกลางวัน 3 คอร์สที่ร้านอาหาร 9 Nine ใจกลางเมืองบาร์เซโลน่า ที่นี่เสิร์ฟทั้งอาหารกลางวันและดินเนอร์ ในราคาที่จับต้องได้ เริ่มต้นคอร์สด้วยการรับประทาน Appetizer ตามด้วยจานหลัก จิบไวน์สักแก้วเพื่อความจรรโลงใจ ต่อด้วยขนมหวาน เป็นการปิดท้าายมื้ออาหารนี้อย่างสวยงาม ทั้งหมดนี้มีราคาเพียง 17€ เท่านั้น นับว่าเป็นราคาที่ไม่แพงเลยสำหรับอาหาร 3 คอร์สในร้านอาหารที่บรรยากาศดีแบบนี้ เมนูอาหารที่นี่มีให้เลือกมากมายทั้งเนื้อสัตว์และปลา และขนมหวานที่เลื่องชื่อของที่นี่ก็คือ Crema Catalana ซึ่งเป็นขนมหวานชื่อดังของประเทศสเปน
ที่อยู่: Carrer de València, 334, 08009 Barcelona
เวลาทำการ: วันจันทร์ 19:30-23:00 / วันอังคารถึงวันเสาร์ 13:00-16:00 และ 19:30-23:00 / ปิดทุกวันอาทิตย์
ที่ใจกลางเมืองบาร์เซโลน่า จะมีพลาซ่าตั้งอยู่คล้ายๆกับสวนสาธารณะ เต็มไปด้วยต้นไม้ใบหญ้าและรูปปั้นต่างๆมากมาย เป็นสิ่งแรกที่ใครก็ตามที่เดินทางด้วยรถบัสจากสนามบินบาร์เซโลน่าเข้ามาในตัวเมืองจะต้องเจอ และรอบๆพลาซ่านี้ก็จะมีร้านอาหาร คาเฟ่ตั้งอยู่เรียงราย รวมไปถึงห้างสรรสินค้า แหล่งช้อปปิ้งใหญ่ของบาร์เซโลน่าอย่าง El Corte Ingles
ที่อยู่: Plaça de Catalunya, 08002 Barcelona
ถนนคนเดินรัมบลาส (Ramblas) เป็นถนนคนเดินที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในบาร์เซโลน่า มีความยาวถึง 1.30 กิโลเมตร เริ่มต้นตั้งแต่พลาซ่ากลางเมือง Placa Catalunya ไปจนถึงอนุสาวรีย์โคลัมบัส (Columbus Monument) ที่ตั้งอยู่ริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ถนนเส้นนี้มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก โดยนักกวีชาวสเปน Federico Garcia Lorca ได้บรรยายถึงถนนเส้นนี้เอาไว้ว่า "It is only street in the world, which I wish would never end" หรือ "ถนนเส้นนี้เป็นถนนเส้นเดียวบนโลกนี้ที่ฉันหวังว่ามันจะไม่มีจุดสิ้นสุด" โดยแต่ละด้านของถนนนั้นเต็มไปด้วยร้านค้าต่างๆ รวมไปถึงร้านอาหาร คาเฟ่ และร้านขายของที่ระลึกต่างๆอีกมากมาย
และมีอีกที่หนึ่งก็คือตลาดสดบุคเคอเรีย (Boqueria Market) ที่เป็นตลาดที่มีชื่อเสียงของบาร์เซโลน่า เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ห้ามพลาดเลยทีเดียว ที่นี่มีขายตั้งแต่ผลไม้สด น้ำผลไม้ ไปจนถึงเนื้อ Jamon ในราคาที่ถูก นอกจากนั้นแล้วยังมีร้านอาหารทะเลที่คุณสามารถไปนั่งรับประทานอาหารทะเลสดๆได้ในตลาดแห่งนี้
ที่อยู่: La Rambla, 89 Bis, 08001 Barcelona (ตลาดสดบุคเคอเรีย Boqueria Market)
เวลาทำการ: วันจันทร์ถึงวันเสาร์ 08:00-20:30 / ปิดทุกวันอาทิตย์
หอประชุมหรือโรงละครที่สวยงามที่สุดในโลก Palau de la Musica Catalana เรียกได้ว่าเป็นความภาคภูมิใจของคนบาร์เซโลน่าเลยก็ว่าได้ เพราะโรงละครแห่งนี้นั้นเปี่ยมล้นไปด้วยเสน่ห์ทั้งจากตัวอาคารและการประดับตกแต่งรอบๆในสไต์นวศิลป์ (Art Nouveau Style) ประดับประดาด้วยรูปดอกไม้เต็มไปหมด เพื่อเป็นการแต่งแต้มความสดใสให้แก่เมืองเมื่อเมืองตกอยู่ในความมืดมิด ที่นี่ยึดถือคำที่ว่า "music is universal" ทำให้โรงละครที่นี่นั้นมีการแสดงที่หลากหลายจากดนตรีหลากหลายแขนง โรงละครสามารถรองรับผู้ชมได้ถึง 2,146 คน เรียกได้ว่าเพียงพอสำหรับความต้องการอย่างแน่นอน ที่นี่เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO ทำให้มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามา มีไกด์นำทัวร์รอบๆในหลากภาษา ทุกๆ 30 นาที
ที่อยู่: C/ Palau de la Música, 4-6, 08003 Barcelona
เวลาทำการ: เปิดทุกวัน 10:00-15:30 / ช่วงอีสเตอร์ถึงเดือนกรกฎาคม 10:00-18:00 / เดือนสิงหาคม 09:00-18:00 (ทัวร์ใช้เวลาประมาณ 55 นาที)
ค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 20€ / จองล่วงหน้า 21 วันก่อนเข้าชม 16€ / นักเรียน 11€ / อายุต่ำกว่า 10 ปีเข้าฟรี / Self Guided Tour 15€ (เข้าชมระหว่าง 09:00-09:30 และแล้วเสร็จไม่เกิน 10:15)
เว็บไซต์: www.palaumusica.cat
ร้านอาหาร Els 4Gats มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "คาเฟ่ปิกัสโซ่" เปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อปี 1897 มีชื่อเสียงโด่งดังมาจากการตกแต่งร้านที่เน้นนำภาพวาดศิลปะมาประดับตกแต่ง ทางร้านไม่ได้ต้องการแค่เพียงเสิร์ฟอาหารคุณภาพในราคาที่ถูกเท่านั้น แต่ยังต้องการสื่อให้คนทั่วไปเห็นความสำคัญของศิลปะอีกด้วย โดยในอดีต ปิกัสโซ่ (Picasso) เคยเดินทางมารับประทานอาหารที่นี่บ่อยๆ และเขาได้ใช้ที่นี่เป็นสถานที่จัดแสดงผลงานศิลปะครั้งแรกของเขาอีกด้วย มากไปกว่านั้น ปิกัสโซ่ยังได้มีการร่วมมือกับทางร้าน ออกแบบหน้าปกเมนู ใครอยากมาเห็นสถานที่ที่คนสำคัญในอดีตเคยเดินทางมาเยือน ห้ามพลาดเด็ดขาด ตั้งอยู่ไม่ไกลจากโบสถ์บาร์เซโลน่า และโรงละคร Palau de la Musica Catalana จะแค่แวะมาจิบกาแฟหรือรับประทานอาหารก็ได้
ที่อยู่: Carrer de Montsió, 3, 08002 Barcelona
เวลาทำการ: เปิดทุกวัน 09:00-00:00
โบสถ์สไตล์กอธิค (Gothic Style) ที่มียอดสูงแหลมเด่นชี้ขึ้นฟ้า จะเป็นที่ไหนไม่ได้นอกจากโบส์ประจำเมืองบาร์เซโลน่า ที่ด้านหน้าโบสถ์นั้นคือพลาซ่าที่เป็นที่ตั้งของตลาดในช่วงเทศกาล และเป็นที่นั่งพักของผู้คนที่สัญจรไปมาอีกด้วย เมื่อก้าวเข้าไปในตัวโบสถ์ก็จะพบกับห้องโถงใหญ่ เพดานสูง กระจกสี ภาพวาดศิลปะ และรูปปั้นมากมาย กระจายตัวอยู่ด้านในโบสถ์ และไม่ว่าจะเป็นช่วงกลางวันหรือกลางคืน ความสวยงามของโบสถ์นี้ก็ยังคงอยู่ไม่หายไปไหน
ที่อยู่: Pla de la Seu, s/n, 08002 Barcelona
เวลาทำการ: วันจันทร์ถึงวันศุกร์ 12:30-19:45 (ประตูปิดตอน 19:15) / วันเสาร์ 12:30-17:30 (ประตูปิดตอน 16:45) / วันอาทิตย์ 14:00-17:30 (ประตูปิดตอน 16:45)
และไม่ไกลจากโบสถ์บาร์เซโลน่ามากนัก ก็จะพบกับร้านอาหาร Meldic del Gotic ที่เมื่อใครก็ตามเดินผ่านหน้าร้าน ก็จะต้องหยุดเพราะสะดุดกับกลิ่นหอมหวนของสเต็กจากร้านนี้ ไม่ว่าจะเป็นสเต็ก Iberian ไปจนถึงสเต็ก Chuleton จะถูกนำมาเสิร์ฟพร้อมกับหินร้อน ให้คุณสามารถนำเนื้อสเต็กขึ้นไปย่างบนหินได้เอง เป็นกิมมิคที่โดนเด่นของทางร้าน นอกจากสเต็กแล้วยังมีเครื่องเคียงต่างๆ และซอสหลายชนิดให้เลือกรับประทานคู่กันกับสเต็ก อีกทั้งยังมีเนื้อกระต่ายป่า (Hare) ที่เป็นเนื้อหายาก อีกทั้งยังมี Seasonal Menu อย่าง Calcot with Romesco Sauce ซึ่งเป็นต้นหอมสเปน ราดมาด้วยซอส Romesco เป็นอาหารที่คนสเปนจะรับประทานกันในหน้าหนาว ทางร้านจะเสิร์ฟเมนูนี้เฉพาะเดือนมกราคนถึงกุมภาพันธ์เท่านั้น
ที่อยู่: Carrer de Montsió, 7, 08002 Barcelona
เวลาทำการ: เปิดทุกวัน 13:00-01:00
Flamenco หรือระบำฟลาเมงโก เป็นวัฒนธรรมการเต้นประจำชาติเสปน ซึ่งวัฒนธรรมนี้สืบทอดกันมากว่าร้อยปีก่อน โดยมีการเริ่มต้นมาจากเมืองอันดาลูเซีย (Andalusia) ระบำฟลาเมงโกนี้จะประกอบไปด้วยดนตรี การเต้นระบำ และการแสดง ในช่วงเริ่มต้นของโชว์จะมีการปรบมือให้จังหวะทดแทนเสียงดนตรี และหลังจากนั้นก็จะมีการเล่นกีตาร์กับคาฮอง (Cajon) เพิ่มขึ้นมา โชว์ระบำฟลาเมงโกนั้นมีโชว์หลายที่ทั่วบาร์เซโลน่า อย่างเช่นที่ Tarantos ที่เห็นอยู่ในภาพ ที่นี่ราคาจะค่อนข้างถูกกว่าที่อื่นๆ โชว์ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ซึ่งถือว่าเป็นระยะเวลาที่พอดี ไม่สั้นและไม่ยาวจนเกินไป ที่ Tarantos แห่งนี้เปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อปี 1963 เป็นโชว์ระบำฟลาเมงโกที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองบาร์เซโลน่า ตั้งอยู่ที่ใจกลางพลาซ่า Placa Reial สามารถซื้อตั๋วเข้าชมโชว์ได้ที่หน้างานได้เลย แต่ถ้าหากไปสาย อาจจะได้เป็นที่นั่งแถวหลังหรือตั๋วยืน ดังนั้นเช็คเวลาแล้วไปล่วงหน้าสักหน่อย เพื่อที่จะได้ที่นั่งที่สามารถมองเห็นโชว์อย่างชัดเจน
ที่อยู่: Plaça Reial, 17, 08002 Barcelona
เวลาทำการ: เปิดทุกวัน ทั้งหมด 3 รอบ 19:30, 20:30 และ 21:30 (เพิ่มรอบ 22:30 ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมถึงกันยายน)
ค่าเข้า: 15€
Sangria หรือแซงเกรีย เป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ทำมาจากไวน์แดง ผลไม้ และน้ำตาล เป็นเครื่องดื่มที่ไม่ได้มีดีกรีแรงมากนักและจะช่วยทำให้รู้สึกสดชื่นมากขึ้น ถ้าหากใครกำลังมองหาบาร์สำหรับนั่งดื่มแซงเกรียที่ดีที่สุดในบาร์เซโลน่า ต้องที่นี่เลยที่ Casa Lolea เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย เพราะฉะนั้นจะต้องสำรองที่นั่งผ่านอีเมลล์ล่วงหน้าประมาณ 3-5 วัน แซงเกรียที่นี่มีหลากหลายชนิดตั้งแต่ แซงเกรียแดง ไปจนถึงแซงเกรียขาว ของว่างหรือทาปาส (Tapas) เพื่อรับประทานเคียงกันก็มีมากมายเช่น Pan Con Tomate ไปจนถึง Truffle Cream Risotto และ Jamon เป็นต้น
ที่อยู่: Carrer de Sant Pere Més Alt, 49, 08003 Barcelona
เวลาทำการ: เปิดทุกวัน 09:00-01:00
สำรองที่นั่งได้ที่: [email protected]
ด้วยกลิ่นหอมของกาแฟและขนมปังที่อบอวลไปทั่วทั้วร้าน ทำให้คาเฟ่ Satan's Coffee Co. กลายเป็นหนึ่งในคาเฟ่ที่มีชื่อเสียงที่สุดของบาร์เซโลน่าในขณะนี้ ทางร้านมีขนมหวานและขนมปังโฮมเมดมากมายอบใหม่จากเตาทุกวัน ตั้งอยู่รอเสิร์ฟ นอกจากนั้นยังมีบุฟเฟต์อาหารเช้า เซ็ตเมนูอาหารกลางวัน และอาหารญี่ปุ่นเสิร์ฟอีกด้วย
ที่อยู่: Gran Via de les Corts Catalanes, 700, 08010 Barcelona
เวลาทำการ: เปิดทุกวัน 08:00-18:00
บ้านของตระกูลบัตโล่ (Batllo) ตั้งอยู่บนถนน Gracia ถูกสร้างขึ้นโดย Gaudi สถาปนิคคนเดียวกันกับมหาวิหารซากราดา แฟมิเลีย โดยตัวอาคารนั้นมีความโดดเด่นสะดุดตาผู้คนที่สัญจรไปมาเป็นอย่างมาก ทั้งโครงสร้างที่มีรูปร่างเหมือนกระดูก และดีไซน์ของตัวอาคารที่เป็นทรงคลื่น ไม่ได้เหมือนตึกอื่นๆทั่วไป ทุกอย่างที่ดูแปลกตาแม้กระทั่งรายละเอียดเล็กๆน้อยๆล้วนเกิดขึ้นจากความตั้งใจของ Gaudi ทั้งสิ้น ทั้งหน้าต่างบานใหญ่ที่ห้องนั่งเล่นเพื่อให้แสงแดดสามารถสาดส่องเข้ามาได้ อีกทั้งยังมีแพทเทิร์นบนหน้าต่างแต่ละบานสีสันสดใสแต่งแต้มสีสันด้านในตัวอาคารเมื่อแดดส่องผ่านเข้าไป มากไปกว่านั้น Gaudi ยังคิดถึงเรื่องช่องลม เพื่อให้มีลมพัดผ่านในหน้าร้อนอีกด้วย ที่นี่มี Audio Guide และ Virtual Simulation ไว้ให้บริการ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เข้าใจในความตั้งใจของ Gaudi มากยิ่งขึ้น
ที่อยู่: Passeig de Gràcia, 43, 08007 Barcelona
เวลาทำการ: เปิดทุกวัน 09:00-21:00
ค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 25€ นักเรียนและเด็กอายุระหว่าง 7-18 ปี 22€ / Skip the line - ผู้ใหญ่ 31€ นักเรียนและเด็กอายุระหว่าง 28€ / ตั๋ว VIP พร้อมภาพถ่ายที่ระลึก - ผู้ใหญ่ 35€ นักเรียนและเด็กอายุระหว่าง 7-18 ปี 32€ / เด็กอายุต่ำกว่า 7 ปีเข้าฟรี
เว็บไซต์: www.casabatllo.es
อาหารท้องถิ่นชื่อดังอย่างปาเอยา (Paella) หรือที่เราคุ้นเคยกันในชื่อ "ข้าวผัดสเปน" นั้น เป็นอาหารที่เรียกได้ว่าถ้าไม่ได้กิน เหมือนมาไม่ถึงประเทศสเปน ร้าน El Glop มีทั้งหมด 3 สาขาด้วยกัน สาขาแรกอยู่ไม่ไกลจากคาซ่าบัตโล่ สาขาที่ 2 ตั้งอยู่ที่ Placa Catalunya และสาขาที่ 3 ตั้งอยู่ที่สวนสาธารณะกูเอล (Parc Guell) ทางร้านมีปาเอยาหลากหลายเมนูให้เลือกเช่น ปาเอยาทะเล หรือปาเอยาหมึกดำเป็นต้น โดยปกติแล้วตามร้านอาหารทั่วไป จะให้สั่งปาเอยาสำหรับ 2 คนขึ้นไปเท่านั้น แต่ที่ El Glop คุณสามารถสั่งปาเอยาสำหรับคนเดียวได้ เรียกได้ว่าเป็นร้านอาหารที่เหมาะสำหรับใครที่เดินทางมาเที่ยวคนเดียว หรือจะสั่งปาเอยาหลายๆแบบ มาแชร์กับเพื่อนก็ได้
ที่อยู่: Rambla de Catalunya, 65, 08007 Barcelona
เวลาทำการ: วันจันทร์ถึงวันศุกร์ 07:30-24:00 / วันเสาร์และอาทิตย์ 12:00-24:00
คาเฟ่นี้ตั้งอยู่ข้างๆคาซ่ามิล่า (Casa Mila) จากด้านนอกร้านที่ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่เมื่อก้าวเข้ามาด้านในจะพบกับการตกแต่งร้านที่ไม่เหมือนใคร ทั้งเพดานที่รูปร่างเหมือนวิปครีม พร้อมจะหล่นลงมาให้ลิ้มชิมรสตลอดเวลา และหน้าต่างที่มีลักษณะเป็นคลื่นเหมือนที่คาซ่าบัตโล่
ที่อยู่: Passeig de Gràcia, 92, 08008 Barcelona
เวลาทำการ: เปิดทุกวัน 09:00-23:00
คาซ่ามิล่า (Casa Mila) หรือเรียกได้อีกชื่อหนึ่งว่า La Pedrera เป็นอีกหนึ่งสถาปัตยกรรมที่ Gaudi สร้างขึ้นและมีชื่อเสียงโด่งดัง โดย Gaudi ได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ จึงออกแบบตัวอาคารให้มีความโค้งไม่เหมือนโครงสร้างตึกหรือบ้านทั่วๆไป นอกจากตัวอาคารแล้ว เฟอร์นิเจอร์ด้านในยังน่าสนใจไม่แพ้กัน Gaudi ใส่ใจในรายละเอียดเป็นอย่างมาก โดยในทุกๆรายละเอียดนั้นมีความหมายที่ Gaudi ต้องการที่จะสื่อออกมาทั้งสิ้น และย้อนกลับไปในอดีต ผู้คนให้ความสนใจกับคาซ่ามิล่าเป็นอย่างมาก สืบเนื่องมาจากห้องใต้ดินและลิฟท์ที่ Gaudi สร้างขึ้น ซึ่งหาได้ยากในสมัยนั้น ที่นี่มี Audio Guide เช่นกัน เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เข้าใจที่มาที่ไปของคาซ่ามิล่าแห่งนี้ หรือถ้าอยากสัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่ คุณสามารถมาทัวร์ตอนกลางคืนได้โดยจะมีเครื่องดื่มและดนตรีคลอ
ที่อยู่: Passeig de Gràcia, 92 08008 Barcelona
เวลาทำการ: ทัวร์ช่วงกลางวัน 09:00-18:30 (ประตูปิดตอน 18:00) / ทัวร์ช่วงกลางคืน 19:00-21:00
ค่าเข้า: ทัวร์ช่วงกลางวัน - ผู้ใหญ่ 22€ อายุระหว่าง 7-12 ปี 11€ อายุต่ำกว่า 6 ปีเข้าฟรี / ทัวร์ช่วงกลางวัน Skip the line - ผู้ใหญ่ 29€ อายุระหว่าง 7-12 ปี 11€ อายุต่ำกว่า 6 ปีเข้าฟรี / ทัวร์ช่วงกลางคืน - ผู้ใหญ่ 41€ อายุระหว่าง 7-12 ปี 20.50€ อายุต่ำกว่า 6 ปีเข้าฟรี
เว็บไซต์: www.lapedrera.com
ปาร์คกูเอล หรือสวนสาธารณะกูเอลถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO ในปี 1985 ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1900 และแล้วเสร็จในปี 1914 แรกเริ่มเดิมทีนั้นตระกูล Guell ตั้งใจอยากจะสร้างที่นี่เพื่อเป็นบริเวณบ้านประจำตระกูล โดยมี Gaudi เป็นสถาปนิคผู้ดูแลการสร้าง แต่หลังจาก Guell ได้เสียชีวิตลง ที่นี่ก็ถูกเปลี่ยนแปลงให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวและกลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของบาร์เซโลน่า โดยจะสังเกตุเห็นได้ว่าการตกแต่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการตกแต่งโดยเทคนิค Trencadis ซึ่งคล้ายกับกระเบื้องโมเสก เมื่อมาถึงที่นี่จะพบกับห้อง 2 ห้องตั้งอยู่ขนาบข้างประตูทางเข้ารูปร่างหน้าตาคล้ายกับบ้านขนมหวานที่ทำมาจากคุกกี้อย่างไรอย่างนั้น โดย 2 ห้องนั้นในอดีตถูกใช้เป็นห้องพักคนทำความสะอาด ด้านบนมีระเบียงให้ถ่ายรูปวิวด้านล่างได้อย่างสวยงาม
ที่อยู่: 08024 Barcelone, Espagne
เวลาทำการ:
วันที่ 1 มกราคมถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 08:30-18:15 (ประตูปิดตอน 17:30)
วันที่ 16 กุมภาพันธ์ถึงวันที่ 30 มีนาคม 08:30-19:00 (lประตูปิดตอน 18:00)
วันที่ 31 มีนาคมถึงวันที่ 28 เมษายน 08:00-20:30 (ประตูปิดตอน 19:30)
วันที่ 29 เมษายนถึงวันที่ 25 สิงหาคม 08:00-21:30 (ประตูปิดตอน 20:30)
วันที่ 26 สิงหาคมถึงวันที่ 26 ตุลาคม 08:00-20:30 (ประตูปิดตอน 19:30)
วันที่ 27 ตุลาคมถึงวันที่ 31 ธันวาคม 08:30-18:15 (ประตูปิดตอน 17:30)
***หมายเหตุ: เวลาทำการนี้เป็นเวลาทำการของปี 2019 (2562)
ค่าเข้า: ซื้อตั๋วล่วงหน้าออนไลน์ 8.50€ เด็กอายุระหว่าง 7-12 ปี 6€
เว็บไซต์: www.parkguell.cat
จุดชมวิวเมืองบาร์เซโลน่าที่ดีที่สุดก็เห็นจะหนีไม่พ้นที่ Bunker del Carmel ที่ในอดีตนั้นเคยถูกใช้เป็นสถานที่หลุมหลบภัยสำหรับทหารที่ทำหน้าที่ปกป้องเมืองจากการโจมตีของสงครามกลางเมือง โดยจุดชมวิวนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง 262 เมตร สามารถมองเห็นวิวเมืองได้แบบ 360 องศา ที่นี่อาจจะแตกต่างจากเมืองอื่นๆในยุโรปอยู่สักหน่อยตรงที่ไม่ใช่จุดชมวิวจากตึกสูงหรือสะพานแต่อย่างใด โดยนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่นมักจะนิยมนำอาหารและเครื่องดื่มขึ้นมาปิคนิคกันที่ด้านบนนี้ พร้อมชมวิวเมืองไปพลางพูดคุยเรื่องสัพเพเหระ ทางเดินขึ้นค่อนข้างที่จะมืดและเปลี่ยว เพราะฉะนั้นแนะนำว่าถ้าเดินทางไปตอนกลางคืน ไม่ควรเดินทางคนเดียว
ที่อยู่: Carrer de Marià Labèrnia, s/n, 08032 Barcelona
การเดินทาง: รถบัสสาย 22 มุ่งหน้าไปทาง El Carmel ลงที่สถานี Gran Vista / รถบัสสาย 24 มุ่งหน้าไปทาง El Carmel ลงที่สถานี Doctor Bové - Gran Vista/ เมโทรสาย L4 มุ่งหน้าไปทาง Trinitat Nova ลงที่สถานี Alfons X
เวลาทำการ: เปิดทุกวัน 24 ชั่วโมง
ทาปาสหรือของว่างของชาวสเปนนั้น มีอยู่เมนูหนึ่งที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก นั่นก็คือ กัมบัส อัล อาคิโย่ (Gambas al Ajillo) หรือกุ้งผัดกระเทียม และปุลโป (Pulpo) หรือปลาหมึกปรุงรสด้วยเครื่องเทศและมายองเนส เป็นของว่างที่ชาวสเปนนิยมกันเป็นอย่างมาก โดยทางร้าน Pura Brasa นั้นมีชื่อเสียงในเรื่องทาปาสนี้ มีหลากหลายสาขาทั่วบาร์เซโลน่า ใครสะดวกสาขาไหนก็ไปที่สาขานั้นได้เลย
ที่อยู่: Rambla de Catalunya, 13, 08007 Barcelona
เวลาทำการ: เปิดทุกวัน 09:30-24:00
คำว่า "Xurreria" ในภาษาสเปนแปลว่า ร้านที่ขายขนมชูโรส ขนมชูโรส (Churros) หรือที่คนไทยเรียกกันว่าปาท่องโก๋สเปนนั้น เป็นขนมที่หาได้ทั่วไปในบาร์เซโลน่า โดยร้าน Xurreria นั้นมีตั้งอยู่ทั่วไปในตัวเมือง แต่ที่ร้าน Banys Nous Xurreria ที่เปิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 1968 นั้น เป็นร้านชูโรสที่มีชื่อเสียงมากที่สุด หอม กรอบ อร่อย และมีราคาที่ไม่สูง ทางร้านมีชูโรสในหลากหลายรูปแบบให้เลือก ตั้งแต่แบบออริจินัลไปจนถึงชูโรสที่สอดไส้ช็อกโกแลต
ที่อยู่: Carrer dels Banys Nous, 8, 08002 Barcelona
เวลาทำการ: วันจันทร์ถึงวันศุกร์ 07:00-13:30 และ 15:30-20:15 / วันเสาร์ 07:00-14:00 และ 15:30-20:30 / ปิดทุกวันอาทิตย์
นั่งรถไฟออกจากบาร์เซโลน่าไปเพียง 30 นาทีเท่านั้น ก็จะได้พบกับสวรรค์บนดิน เมืองเล็กๆที่เงียบสงบ ตั้งอยู่เลียบชายหาด เดินเล่นไปเรื่อยๆ ลองสำรวจเมืองโดยไม่ต้องพึ่ง Google Maps ดูบ้าง แล้วจะพบกับความสงบสุขที่หาไม่ได้ในเมืองใหญ่
การเดินทาง: นั่งรถไฟจากสถานี Barcelona Sants ไปยังสถานี Sitges โดยเวลารถไฟและชานชาลานั้นขึ้นอยู่วันที่และเวลานั้นๆ ซื้อตั๋วรถไฟจากเครื่องขายตั๋วอัตโนมัติสีส้ม และเช็คเวลารถไฟและชานชาลาได้ที่บอร์ดที่สถานีรถไฟ
ราคา: ตั๋วไปกลับราคา 8.40€
ใครจะปฏิเสธวิวทะเลแบบนี้ได้ลงคอ ร้านอาหาร Vivero Beach Club Restaurant นั้นตั้งหันหน้าออกไปทางทะเลเมติเตอร์เรเนียน เพื่อให้ได้รับลมทะเลเต็มๆ รับแดดอุ่นๆ นอกจากนั้นแล้วยังมีที่นั่งที่บนระเบียงด้านบน นั่งจิบกาแฟสักหน่อย พร้อมทาปาสเล็กๆน้อยๆ นอกจากนั้นแล้วทางร้านยังเสิร์ฟอาหารท้องถิ่นมากมาย ทั้งอาหารกลางวันและดินเนอร์
ที่อยู่: Paseo Balmins, s/n, 08870 Sitges, Barcelona
เวลาทำการ: เปิดทุกวัน 10:00-02:30
.jpg)
ร้าน La Pepita นั้นเป็นหนึ่งในร้านทาปาสที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในบาร์เซโลน่า ตั้งอยู่ไม่ไกลจากคาซ่ามิล่า โดยร้านอาหารแห่งนี้นั้นมีชื่อเสียงทั้งในหมู่คนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว ที่นี่เสิร์ฟทาปาสที่ไม่เหมือนใคร มีการผสมผสานเอาวัตถุดิบต่างๆทั่วโลกมารวมกันทำให้เกิดขึ้นเป็นเมนูใหม่ๆ อย่างเช่นที่เห็นในภาพ คาลามารีทอดราดด้วยซอสมายองเนสกิมจิ, สลัดปลาซีบาสราดด้วยสตรอว์เบอร์รี่สด, คร็อกเก้แรปด้วย Jamon และอีกมากมายหลายหลาก ถ้าหากต้องการที่จะลองลิ้มชิมรสทาปาสเหล่านี้ จะไปไหนไม่ได้นอกจากที่ร้าน La Pepita
ที่อยู่: Carrer de Còrsega, 343, 08037 Barcelona
เวลาทำการ: เปิดทุกวัน 10:00-01:00
คงไม่มีใครไม่เคยได้ยินชื่อของ Pablo Picasso จิตรกรชื่อดังชาวสเปน ที่พิพิธภัณฑ์ปิกัสโซ่นั้น เต็มไปด้วยผลงานของปิกัสโซ่ที่ถูกจัดแสดง ในแต่ละคอลเลคชั่นของเขานั้น สื่อให้เห็นถึงความสร้างสรรค์และพรสวรรค์ที่เขามีได้เป็นอย่างดี
ที่อยู่: Carrer Montcada, 15-23, 08003 Barcelona
เวลาทำการ: วันอังคารถึงวันอาทิตย์ 09:00-19:00 / ปิดทุกวันจันทร์ / เข้าฟรีทุกวันอาทิตย์แรกของเดือนและวันพฤหัส 18:00-21:30
ค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 12€ / อายุระหว่าง 18-25 ปี 7€
เว็บไซต์: www.bcn.cat/museupicasso/en/visiting/hours-and-tickets.html
อาจจะฟังดูน่าแปลกใจไม่เสียหน่อย แต่ชายหาด La Barceloneta นั้น ตั้งอยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวงของสเปนอย่างบาร์เซโลน่าเลย โดยทะเลที่นี่เป็นทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทำหน้าที่เป็นที่พักตากอากาศได้เป็นอย่างดีสำหรับคนเมืองที่ไม่ค่อยมีเวลาเดินทางไปไหนไกลๆ ที่ชายหาดนี้มีร้านอาหารซีฟู้ด คาเฟ่ และบาร์มากมายเปิดให้บริการ รับประทานอาหารหรือจิบค็อกเทลเบาๆ พลางชมวิวทะเลอย่างสบายใจ
ที่อยู่: Paseo Maritimo Barceloneta, 14, 08003 Barcelona
อีกพลาซ่าหนึ่งที่มีชื่อเสียงในบาร์เซโลน่าคือ Placa Reial ตั้งอยู่ใกล้กันกับถนนคนเดินรัมบลาส ที่พลาซ่านี้ถูกล้อมรอบไปด้วยตึกอาคารสวยงามมากมาย รวมไปถึงน้ำพุและต้นปาล์มอีกมากมาย เสาไฟให้แสงสว่างในยามค่ำคืนนั้นเป็นผลงานศิลปะชิ้นแรกๆที่ถูกออกแบบโดย Gaudi
ที่อยู่: Plaça Reial, 9, 08002 Barcelona
ด้านในพลาซ่า Placa Reial มีร้านปาเอยาตั้งอยู่ ที่ Les Quinze Nits คุณสามารถสั่งปาเอยาสำหรับ 2 คนขึ้นไป เลือกได้ระหว่างปาเอยาซีฟู้ด, ปาเอยารวมมิตร หรือปาเอยาหมึกดำ โดยถ้าหากไปรับประทานปาเอยาในช่วงดินเนอร์ ปาเอยาจะมีราคาที่ถูกลงมาเล็กน้อย ด้านในร้านเน้นตกแต่งด้วยสีแดง ในวันที่อากาศดี คุณสามารถเลือกนั่งที๋โต๊ะด้านนอกได้เพื่อกินลมชมวิวเมืองไปเรื่อยๆระหว่างรับประทานอาหาร
ที่อยู่: 08002, Plaça Reial, 6, 08002 Barcelona
เวลาทำการ: เปิดทุกวัน 09:00-23:30
เรื่อง: Aphinya Kasemsukphaisan
ภาพ: Yuna Lee