พิพิธภัณฑ์ปีกัสโซ ปารีส

โลกศิลปะของปีกัสโซใจกลางเมืองปารีส

พิพิธภัณฑ์แห่งชาติปิกัสโซตั้งอยู่ในกลางย่านมาเร่ (Marais) ซึ่งอาจจะเรียกได้ว่าเป็นศูนย์รวมของผู้คนที่หลงรักในการเสพย์งานศิลปะและศูนย์กลางที่เต็มไปด้วยบรรยากาศของความวิจิตรงดงามจากศิลปะ พิพิธภัณฑ์ปีกัสโซแห่งนี้ตั้งอยู่ โอเต็ล ซาเล่ (Hôtel Salé) ซึ่งสร้างขึ้นในปี 1656 ถึง 1660 และได้รับการยกย่องให้เป็นอนุสรณ์สถานประวัติศาสตร์ในปี 1986 พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก เนื่องจากภาพเขียนของศิลปินชื่อดังอย่างปาโบล ปีกัสโซ ภาพเขียนในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้รับบริจาคมาจากเหล่าทายาทของปีกัสโซและแจ็คเกอรีน ผู้เป็นภรรยาของปีกัสโซนั่นเอง

ปีกัสโซเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงที่สุดในศตวรรษที่ 20 เขาเป็นบุตรชายของ Don José Ruiz Blasco และ Dona Maria Picasso y Lopez เนื่องจากพ่อของปีกัสโซนั้นมีอาชีพเป็นอาจารย์ในโรงเรียนศิลปะในเมือง Malaga จึงเป็นแรงผลักดันให้ปีกัสโซนั้นเริ่มวาดรูปตั้งแต่อายุเจ็ด แปดขวบ หลังจากนั้นได้เรียนต่อศิลปะในเมืองโคโลญและเมืองบาเซโลนา รวมไปถึงศิลปะคลาสสิคที่พิพิธภัณฑ์ปราโด (Prado Museum)ในเมืองมาดริด

ปีกัสโซมีโอกาสแสดงผลงานครั้งแรกเมื่อครั้งที่อาศัยอยู่ที่เมืองบาเซโลนา ต่อมาในปี 1902 เขาได้ย้ายมาใช้ชีวิตอยู่ที่ปารีสและได้ทำความรู้จัก คุ้นเคยกับนักเขียนและศิลปินจำนวนมาก เช่น Henri Matisse, and Guillaume Apollinaire ซึ่งเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงอย่างมากในลัทธิศิลปะแบบคิวบิสม์ (cubism) ปีกัสโซอาศัยอยู่ในย่านมงมาร์ต (Montmarte) และได้ก่อตั้งสมาคมศิลปิน Bateau-Lavoir ในปี 1912 ที่ย่านมงมาร์ตนี้เอง สถานที่แห่งนั้นถูกใช้เป็นที่ชุมนุม สร้างสรรค์ผลงานของศิลปินชื่อดังในยุคนั้น ในอดีตที่แห่งนี้ใช้เป็นที่ที่ศิลปินแวะเวียนมาในช่วงกลางคืน เพื่อถกเถียงแลกเปลี่ยนแนวคิด และพูดคุยกัน

ภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ มีการแสดงผลงานของปีกัสโซในหลายช่วงเวลาของชีวิต ซึ่งล้วนแล้วแต่มีรายละเอียดที่ลึกซึ้ง ไม่ว่าจะเป็นยุคสีฟ้า (blue period) ซึ่งเป็นช่วงเวลาหม่นหมองของปีกัสโซจากการสูญเสียเพื่อนรัก ในช่วงนั้นภาพเขียนของปีกัสโซจะเน้นที่สีฟ้าเป็นหลัก  ต่อมาเป็นช่วงสีชมพู(rose period)ซึ่งเป็นช่วงที่เขากำลังมีความรัก ช่วงของคิวบิสม์ (cubist period) ที่ใช้รูปเรขาคณิตในการสร้างสรรค์ผลงาน เนื่องจากความคิดพื้นฐานที่ว่าสิ่งต่างรอบตัวล้วนมีโครงสร้างมาจากรูปเรขาคณิตนั่นเอง  ช่วงเวลาของสีขาวดำ และความสนใจในความเรียบง่ายซึ่งได้แรงบันดาลใจมากจากศิลปะแอฟริกันหรือเชียเนียที่เรียกว่า ‘primitive art’

งานศิลปะชิ้นสำคัญของปีกัสโซ

ปัจจุบันพิพิธภัณฑ์แห่งนี้กำลังจัดงานแสดงศิลปะภายใต้นิทรรศการที่ชื่อว่า “Calder-Picasso” ซึ่งให้ความสำคัญกับตัวศิลปินและความสนใจในสิ่งที่เป็นนามธรรมและนัยของพื้นที่ หากใครต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนิทรรศการนี้สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ ที่นี่ อีกนิทรรศการหนึ่งที่น่าสนใจคือ "Picasso Diurnes" และ  "Picasso Intérieur Nuit" ซึ่งบอกเล่าเรื่องราว พัฒนาการศิลปะเเละสไตล์ของปีกัสโซผ่านภาพเขียนของเขา เช่น ภาพ LES BAIGNEUSES  (1918) และ DEUX FEMMES COURANT SUR LA PLAGE (1922) เป็นต้น นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นอีกด้วยว่าภาพเขียนของปีกัสโซนั้นได้รับแรงบันดาลใจจากภาพเขียนของ Paul Cézanne จนกระทั่งนำไปสู่การกำเนิดของลัทธิคิวบิสม์ ทั้งนี้ทั้งนั้น เราขอนำเสนอภาพเขียนที่น่าสนใจให้ทุกคนที่ด้านล่างนี้

โลกของปีกัสโซภายใต้แสงอาทิตย์

ผลงานชิ้นแรก เริ่มกันที่ภาพเขียนชุด PICASSO, DIURNES ตั้งอยู่ี่ชั้น 2 ของพิพิธภัณฑ์ ตีมหลักของภาพเขียนชุดนี้คือ โลกภายใต้เเสงอาทิตย์  ปีกัสโซเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงในเรื่องสไตล์การเขียนภาพที่หลากหลาย ทั้งภาพเขียนคลาสสิค คิวบิสม์ รวมไปถึงโครงสร้างที่เรียบๆ  ดังนั้นที่ชั้นนี้จึงได้รวบรวมภาพเขียนหลากสไตล์ไว้ให้ได้ชมกัน

ในช่วงปี 1920 ปีกัสโซได้เดินทางไปเยี่ยมชมเมืองออทีป (Antibes) ซึ่งตั้งอยู่ทางใต้ของประเทศฝรั่งเศส เขาได้สัมผัสกับบรรยากาศของทะเลเมดิเตอเรเนียนภายใต้แสงแดด ซึ่งเป็นที่มาของแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานรูปมือสองมือดังที่เห็นในภาพด้านบน (ภาพด้านขวามือสุด) ภาพเขียนนี้มีองค์ประกอบตามแบบฉบับนีโอคลาสสิค (neo-classic) นิ้วมือที่แข็งแรง และน้ำหนักที่สร้างความหนักเเน่นให้กับภาพเขียน สีฟ้าน้ำทะเลถูกเน้นให้ชัดเจนด้วยสีอื่นๆที่ถูกใช้ในภาพเดียวกัน ภาพนี้เเสดงให้เห็นถึงความแข็งแรงของธรรมชาติและสิ่งมีชีวิต

ภาพวาดเหมือน DORA MAAR ผู้เป็นแรงบันดาลใจของปีกัสโซ

ภาพเขียนด้านบน คือ ภาพวาดเหมือน Dora Maar หญิงสาวซึ่ง Paul Eluard ได้แนะนำให้ปีกัสโซรู้จักในปี 1938 ปีกัสโซได้วาดภาพจำนวนมากโดยมีหญิงสาวผู้นี้เป็นแบบ ภาพเขียนนี้มีการใช้สีและรูปแบบที่เหนือความจริง แต่ยังคงเค้าของความการเขียนภาพเหมือนเอาไว้ ปีกัสโซอธิบายภาพเขียนของ Dora ว่าเป็นการถ่ายทอดสิ่งที่เขามองเห็น นั่นคือ ความเป็นตัวตนที่แท้จริงของดอร่านั่นเอง ("I was just obeying the vision that forced itself upon me. That was the deep reality of Dora." )  ภาพเขียนลักษณะนี้ นับว่าเป็นกระจกสะท้อนทฤษฎีของเซซาน์ ที่พูดถึงการวิเคราะห์สิ่งต่างๆรอบตัวเเละนำมาถ่ายทอดด้วยความรู้ ความเข้าใจของศิลปิน จึงกล่าวได้ว่าภาพเขียนของปีกัสโซนี้เป็นการแปลความหมายของสิ่งที่ศิลปินได้พบเห็นและถ่ายทอดออกมาด้วยความรู้สึก และความคิดของเขาที่มีต่อต้นแบบ

พื้นที่สีดำในตอนกลางคืน

หลังจากเยี่ยมชมงานศิลปะที่ชั้น 2 เราแนนำให้เดินต่อไปที่ชั้น 3 เพื่อพบกับงานนิทรรศการศิลปะที่มีชื่อว่า "INTERIEUR NUIT" ซึ่งหมายถึง ภายในช่วงเวลากลางคืน (inside night) ที่ชั้นนี้ คุณจะได้พบกับผลงานของปิกัสโซที่แสดงให้เห็นพื้นที่สีดำในตอนกลางคืน หรือการมีสมาธิอยู่กับช่วงเวลากลางคืน ซึ่งจะช่วยให้ได้ทำความเข้าใจจิตใจและความรู้สึกของปีกัสโซได้ลึกซึ้งมากขึ้น

นับตั้งแต่สงครากลางเมืองในประเทศสเปน ปีกัสโซได้เริ่มสร้างสรรค์ผลงานจำนวนมาที่เป็นสีขาวดำ ศิลปะของปีกัสโซที่มีชื่อเสียงอย่างมากในคอลเลกชั่นภาพเขียนโทนสีดำ คือ "Guernica"  ภาพเขียนในคอลเลคชั่น INTERIEUR NUIT นี้เป็นการจัดแสดงภาพเขียนที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากความตาย มุมมองของปีกัสโซในเรื่องนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลากลางคืน ซึ่งเป็นช่วงเวลาของความมืดนั่นเอง ภาพเขียนต่างๆของบอกเล่าความโศรกเศร้าของปีกัสโซ และภายในนิทรรศการยังจะได้พบกับภาพต่างๆที่เกิดขึ้นในสงคราม Guernica อีกด้วย

สิ่งมีชีวิตในจินตนาการ

ภาพเขียนด้านบนนำเสนอเทพปกรณัมกรีก มินะทอร์ ซึ่งมีศรีษะเป็นโคและมีกายเป็นคน ที่มาของมินะทอร์ เกิดจากการที่เทพเจ้ากรีกองค์หนึ่งได้ฝ่าฝืนกฎจึงถูกสาปให้กลายมาเป็นมินะทอร์ ภาพเขียนนนี้ยังนำเสนอแนวคิดที่ว่ามนุษย์คือ สิ่งมีชีวิตที่อยู่ระหว่างความเป็นสัตว์เดียรัจฉานและความเป็นเทพ ภาพของขาที่กำลังเคลื่อนที่เเสดงให้เห็นถึงความพยายามในการจะหนีออกจากวังวนที่เเสนจะเจ็บปวดอีกด้วย

O’bon Paris’ tip

โฮเต็ล ซาเล่ซึ่งเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ปีกัสโซสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 17 ดังน้ันการมาที่พิพิธภัณฑ์ นอกจากจะได้ชื่มชมผลงานศิลปะเเล้วยังเป็นโอกาสดีที่จไดื่มด่ำกับสถาปัตยกรรมที่สวยงาม การตกแต่ง และเฟอร์นิเจอร์ซึ่งออกแบบโดย Diego Giacometti พี่ชายของ Alberto Giacometti พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีชื่อเสียงมากในหมู่นักท่องเที่ยวและชาวปารีสเอง ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงการต่อคิวเพื่อซื้อตั๋ว เราขอแนะนำให้คุณสำรองตั๋วล่วงหน้าเพียงคลิ๊ก ที่นี่ เพื่อรับส่วนลด 2 ยูโรในการสำรองตั๋วออนไลน์ เพื่อให้การเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์สนุกยิ่งขึ้น เราแนะนำให้คุณลองใช้บริการออดิโอไกด์ที่จะช่วยบรรยายภาพเขียนเเละงานศิลปะต่างๆให้คุณได้ฟังเพื่อทำความเข้าใจที่มาและแรงบันดาลใจของศิลปิน หลังจากเยี่ยมชมงานศิลปะ คุณยังจะสามารถเลือกซื้อของที่ระลึกได้จากร้านค้าของพิพิธภัณฑ์อีกด้วย

เรื่อง: Supawadee Pinkhao

ภาพ: Yuna Lee