สวนสาธารณะ PARC GUELL

แรกเริ่มเดิมที Parc Guell ถูกสร้างขึ้นมาให้เป็นหมู่บ้านจัดสรรตามความต้องการของ Guell ผู้เป็นเพื่อนเเละผู้ที่คอยให้การสนับสนุนสถาปนิกและศิลปินชื่อดังอย่าง Gaudi ต่อมาสถานที่แห่งนี้ก็ได้ถูกยกย่องให้เป็นสวนสาธารณะที่ทำให้โลกแห่งเทพนิยายกลายมาเป็นความจริง และได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก รวมไปถึงเป็นสถานที่ซึ่งชาวบาร์เซโลนาใช้เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจเเละหลบหนีจากความวุ่นวาย นอกจากนี้องค์การยูเนสโกได้ทำการยกย่องให้สภานที่แห่งนี้เป็นมรดกโลกในปี 1985  อีกด้วย

บ้านคุกกี้ในการ์ตูน Hansel และ Gretel

โครงสร้างดั้งเดิมที่ Guell และ Gaudi ตั้งใจสร้างขึ้นคือ สถานที่สำหรับการอยู่อาศัยที่มีความหรูหราและหมู่บ้านที่ล้อมรอบด้วยสวนสาธารณะและสนามเด็กเล่น ด้วยเหตุนี้ที่ทางเข้าของสวนแห่งนี้จึงมีห้องของผู้ดูแลความปลอดภัยของสถานที่แห่งนี้ บรรยากาศของสวนเปรียบเสมือนฉากในการ์ตูน Hansel และ Gretel หรือเทพนิยาย ทั้งนี้ทั้งนั้นอาจเป็นเพราะตัวอาคารที่ล้อมรอบด้วยธรรมชาติ และผสมกลมกลืนกันเป็นอย่างดีกับธรรมชาติแวดล้อมโดยรอบ

เทคนิคที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของสถาปนิกชื่อดังอย่าง Gaudí  มีชื่อว่า "Trencadis" ซึ่งเป็นการใช้เเผ่นกระเบื้องเซรามิคในการตกเเต่งรูปปั้นหรือกำแพงต่างๆ ภายในสวน Parc Guell  มีการนำเสนอเทคนิคนี้อยู่หลายจุด แต่ที่ที่โดดเด่นและเป็นที่รู้จักมากที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นเจ้ารูปปั้นตุ๊กแกชื่อดัง เจ้าตุ๊กแกนี้ เรียกได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของเมืองบาร์เซโลนาที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก  น้ำที่เห็นไหลออกมาจากตัวตุ๊กแกนี้เป็นน้ำฝนจากธรรมชาติซึ่งมาจากแหล่งเก็บน้ำของสวนสาธารณะเอง ถ้าเห็นรูปปั้นเเละไอเดียในการสร้างสรรค์ผลงานของเกาดี หลายคนก็น่าจะพอเดาได้ว่าสถาปนิกผู้นี้อัจฉริยะจริงๆ

ม้านั่งรูปทรงงูในสวน Guell นับเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์สำคัญของสวนแห่งนี้ มานั่งรูปงูนี้ได้รับการาจารึกจากกิเนสบุ๊ค (Guinness Book) ว่าเป็นม้านั่งที่ยาวที่สุดในโลก โดยลักษณะของมานั่งนี้คือ ตกแต่งด้วยเซรามิคสีสันหลากหลายซึ่งเป็นรูปแบบเฉพาะที่หาดูได้ในสวนสาธาณะแห่งนี้เท่านั้น และแน่นอนว่านักออกแบบอัจฉริยะอย่าเกาดีได้ทำการออกแบบม้านั่งโดยไม่ลืมที่จะคำนึงถึงสรีระร่างกายของมนุษย์เพื่อความสบายและประโยชน์ใช้สอย ถ้าไปถึงเเล้วก็ลองนั่งชมวิวของทะเลเมดิเตเรเนียนจากจากม้านั่งนี้ดู คงจะได้วิวเเละความสบายไปอีกแบบ

ถ้ำหินโค้งเว้า หรือ "Wave Cave" เป็นจุดถ่ายรูปสุดนิยมในสวนสาธารณะ Guell เกาดีมีแนวคิดในการสร้างสรรค์งานออกแบบโดยเน้นความเป็นมิตรกับธรรมชาติ เขาจึงพยายามสร้างผลงานที่กลมกลืนกับธรรมชาติโดยการสร้างกำแพงและเสาที่มีความเว้าโค้ง เพื่อรับกับสภาพภูมิประเทศของสวนซึ่งเป็นภูเขาที่มีความชัน และเพื่อให้ลมสามารถผ่านเข้ามาในพื้นที่เเห่งนี้ได้

พิพิธภัณฑ์เกาดี 

อย่างที่ได้กล่าวไปว่าความตั้งใจแรกของการก่อสร้างพื้นที่แห่งนี้คือ เพื่อตั้งเป็นหมู่บ้านจัดสรร แต่เมื่อการก่อสร้างเริ่มต้นไปได้ 20% ก็มีการเริ่มต้นขายพื้นที่บ้าน แต่น่าเสียดายที่มีเพียงบ้านสามหลังที่ขายได้ และยิ่งไปกว่านั้นผู้ซื้อทั้งสามก็ไม่ใช่ใครอื่นไกล หากแต่เป็นเกาดี ทนายความของเกาดี และ Guell นั่นเอง โดยบ้านของเกาดียังได้รับการดูแลเป็นอย่างดีมาจนถึงปัจจุบันเเละใช้เป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อบอกเล่าเรื่องราวของเกาดีมาจนถึงปัจจุบัน

 เฟอร์นิเจอร์ต่างๆที่เกาดีใช้ในสมัยที่เขายังมีชีวิตอยู่ ถูกนำมาจัดแสดง ดังที่ได้เห็นในภาพ รวมไปถึงเฟอร์นิเจอร์ที่เขาออกแบบด้วย

O'bon Paris' tip

สวนสาธารณะ Guell  เปิดให้เข้าชมฟรี แต่ถ้าต้องการเยี่ยมชมผลงานของเกาดีบางส่วนนั้นจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ในส่วนของเจ้าตุ๊กแกชื่อดัง ที่เปิดให้ชมตั้งเเต่ก่อน 8:30  ในฤดูหนาวและราว 8:00 ในฤดูร้อน เป็นต้น

นอกจากนี้ สวนสาธารณะ Guell ตั้งอยู่บนพื้นที่ซึ่งเป็นภูเขาซึ่งเป็นจุดเด่นไม่เหมือนสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ เนื่องจากผลงานของเกาดีนั้นมีอยู่มากมาย ยังไงเราขอเเนะนำให้วางเเผนการเดินทางให้ดี เพื่อที่จะได้ไม่พลาดการชื่นชมผลงานทุกชิ้นของสถาปนิดอัจฉริยะผู้นี้

เรื่อง : Supawadee Pinkhao

ภาพ : Yuna LEE