Bicerin เป็นเครื่องดื่มท้องถิ่นของเมืองตูริน ประเทศอิตาลี และเป็นที่รู้จักกันในฐานะ "เครื่องดื่มโบราณของแคว้นปีเยมอนเต (Piedmont)" โดย Bicerin นั้นทำมาจากกาแฟเอสเพรสโซ่, ช็อกโกแลต และนม เสิร์ฟในแก้วทรงกลมขนาดเล็กจิ๋ว น่ารัก เวลาเดินทางไปเที่ยวที่เมืองตูรินจะสังเกตุเห็นว่าคนท้องถิ่นมักจะชอบออกมานั่งดื่ม Bircerin กัน ถือเป็นส่วนหนึ่งชีวิตประจำวันของคนที่นี่ไปแล้ว
แค่เพียงเดิน 5 นาทีจากพระราชวังหลวงตูริน (Palazzo Reale di Torino) ก็จะพบกับคาเฟ่ Caffè Mulassano ที่เปิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 1925 ตั้งอยู่ใน Arcade ที่จัตุรัส Castello (Piazza Castello) โดยทั่วไปแล้วคาเฟ่ในเมืองตูรินจะเปิดตั้งแต่เช้า ลากยาวไปจนถึงเที่ยงคืน จึงทำให้ค่อนข้างสะดวกที่จะเดินทางมารับประทานอาหารตอนไหนก็ได้ หรือแค่จะแวะมารับประทานขนมเล่นๆตอนดึกๆก็ยังได้อยู่
Bicerin ที่คาเฟ่ Caffè Mulassano นั้นมีเนื้อสัมผัส และมีรสชาติของช็อกโกแลตที่เข้มข้น แต่ก็ไม่มากจนเกินไปจนกลบรสชาติของเอสเพรสโซ่เสียหมด นอกจากนั้นยังมีครัวซองสอดไส้เฮเซลนัทด้วย เหมาะที่จะรับประทานคู่กันกับ Bicerin เป็นอย่างยิ่ง เป็นการเริ่มต้นวันที่สวยงามก่อนที่จะออกเดินทางท่องเที่ยวในเมืองตูริน
ที่อยู่: Piazza Castello, 15, 10124 Torino TO, Italie
การเดินทาง: สถานีรถบัส Carlo Alberto
เวลาทำการ: วันจันทร์ถึงวันอาทิตย์ 08:00-00:00 (ปิดทุกวันพุธ)
ตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 มาจนถึงศตวรรษที่ 19 เมืองตูรินได้ทำหน้าที่เป็นเมืองหลวงแห่งราชวงศ์ซาวอย ที่ทำการปกครองเมืองทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศอิตาลี และค่อยๆมีอำนาจขึ้นมาเรื่อยๆจนปกครองประเทศอิตาลีทั้งหมดในที่สุดจนถึงปี 1946 ที่พระราชวังหลวงตูริน (Royal Palace of Turin) หรือในภาษาอิตาลีที่เรียกว่า Palazzo Reale เป็นหนึ่งในสถานที่พำนักอาศัยของราชวงศ์ในอดีต ปัจจุบันนี้ถูกเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO ไปเรียบร้อยแล้ว ด้านในพระราชวังหลวง จะสังเกตุเห็นได้ว่ามีสิ่งของสะสมมากมายของราชวงศ์ รวมไปถึงอาวุธต่างๆที่ถูกนำมาตั้งโชว์
เยื้องไปทางตะวันตกของพระราชวังหลวง ก็จะเห็น Turin Cathedral หรือมหาวิหารตูริน (Duomo di Torino ในภาษาอิตาลี) เป็นสถานที่จัดเก็บผ้าห่อศพแห่งตูริน (Shroud of Turin) หรือผ้าลินินผืนใหญ่ที่อ้างว่าเป็นผ้าที่ใช้ห่อหุ้มร่างอันไร้วิญญาณของพระเยซูหลังจากเหตุการณ์สังหารโดยตรึงร่างกายไว้บนไม้กางเขน บรรยากาศด้านในมีความเคร่งขรึมและศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมาก
ที่อยู่: Piazzetta Reale, 1, 10122 Torino TO, Italie
การเดินทาง: สถานีรถบัส Duomo-Polo Reale, สถานี Corte d'Appello หรือสถานี Garibaldi
การเดินทาง: วันอังคารถึงวันอาทิตย์ 08:30-19:30 (ปิดทุกวันจันทร์)
ราคา: ผู้ใหญ่ 12€ / อายุต่ำกว่า 25 ปี 6€
ตรงกันข้ามกับพระราชวังหลวงตูริน จะเห็นว่ามีพิพิธภัณฑ์หนึ่งตั้งอยู่ นั่นก็คือ Museo Egizio หรือพิพิธภัณฑ์อียิปต์ ใช้เป็นสถานที่จัดเก็บและจัดแสดงวัตถุโบราณจากประเทศอียิปต์ เป็นพิพิธภัณฑ์อียิปต์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกรองลงมาจากพิพิธภัณฑ์ที่เมืองไคโร ประเทศอียิปต์ ที่นี่มีทั้งมัมมี่, มหาสฟิงซ์จากเมืองกิซ่า (Great Sphinx of Giza), และวัตถุโบราณอีกมากมายที่แสดงถึงวัฒนธรรมของประเทศอียิปต์ในสมัยโบราณ ที่พิพิธภัณฑ์อียิปต์แห่งนี้ มี Audio Guide หลากหลายภาษาไว้ให้บริการ ที่จะช่วยให้คุณได้เข้าถึงข้อมูลต่างๆของวัตถุโบราณแต่ละชิ้นว่ามีความเป็นมาอย่างไร ถ้ามีโอกาสได้ไปเดินชมที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ แนะนำว่าควรเผื่อเวลาเอาไว้ประมาณ 2 ชั่วโมงเพื่อศึกษาและซึมซับเอาเรื่องราวประวัติศาสตร์ของประเทศอียิปต์
ที่อยู่: Via Accademia delle Scienze, 6, 10123 Torino TO, Italie
การเดินทาง: สถานีรถบัส Bertola
เวลาทำการ: วันจันทร์ 09:00-14:00 / วันอังคารถึงวันอาทิตย์ 09:00-18:30
ราคา: ผู้ใหญ่ 15€ / เด็กอายุระหว่าง 15-18 ปีและนักข่าวที่มีใบอนุญาต 11€ / เด็กอายุระหว่าง 6-14 ปี 1€ / เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีเข้าฟรี
ตลาด Porta Palazzo Market เป็นตลาดกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรป ตั้งอยู่ทางเหนือของเมืองตูริน เป็นบริเวณที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมที่หลากหลาย และสินค้ามากมายทั้งสินค้ามือสองอย่างเสื้อผ้า กล้องถ่ายรูป ของตกแต่งภายในบ้าน ไปจนถึงผักผลไม้สดจากเกษตรกร นอกจากจะมีของให้เลือกเยอะแยะเต็มไปหมดแล้วสินค้าที่นี่ยังมีราคาถูกและสมเหตุสมผลอีกด้วย แน่นอนว่าพ่อค้าแม้ค้าเยอะ แผงสินค้าก็จะแน่นและเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่นที่มาเดินเลือกซื้อสินค้าเข้าบ้าน ระวังเหล่ามิจฉาชีพเอาไว้ด้วย เนื่องจากคนแน่น อาจจะมีมิจฉาชีพแฝงตัวเข้ามาในนี้ได้
ที่อยู่: Piazza della Repubblica, 10152 Torino TO, Italie
การเดินทาง: สถานีรถบัส Porta Palazzo Ovest
เวลาทำการ: วันจันทร์ถึงศุกร์ในช่วงเช้า และเปิดทั้งวันจนถึงช่วงกลางคืนในวันเสาร์
Mara dei Boschi เป็นร้านเจลาโต้เล็กๆ ตั้งอยู่ไม่ใกล้จากสวนวาเลนติโน (Park Valentino) ผู้คนส่วนใหญ่ที่มาที่นี่มักจะเป็นคนท้องถิ่นที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้น ไม่ว่าจะเป็นเด็กๆที่มาซื้อเจลาโต้ไปรับประทานหรือจะเป็นผู้ใหญ่ที่มานั่งจิบกาแฟที่ร้าน รสชาติของเจลาโต้ที่นี่จะเป็นรสชาติที่ค่อนข้างเป็นธรรมชาติ จึงทำให้สามารถรับประทานได้ไม่มีเบื่อ หลังจากรับประทานเจลาโต้เสร็จแล้วก็ยังสามารถไปเดินเล่นต่อได้ที่สวนวาเลนติโน ซึมซับบรรยากาศในเมืองก่อนเดินทางท่องเที่ยวต่อไป
ที่อยู่: Via Claudio Luigi Berthollet, 10125 Torino TO, Italie
การเดินทาง: สถานีรถบัส Pellico
เวลาทำการ: วันจันทร์ถึงวันพฤหัส 12:00-00:00 / วันศุกร์ 12:00-01:00 / วันเสาร์ 11:00-01:00 / วันอาทิตย์ 11:00-00:00
Park Valentino หรือสวนวาเลนติโน (Parco del Valentino ในภาษาอิตาลี) เป็นสวนสาธารณะแห่งแรกในประเทศอิตาลี ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโป (Po) เต็มไปด้วยต้นไม้ใบหญ้าหลากหลายชนิดพันธุ์ที่อุดมสมบูรณ์ ด้านในมีปราสาทวาเลนติโน (Castle of Valentino) หนึ่งในที่อยู่อาศัยของราชวงศ์ซาวอย (House of Savoy) ซึ่งถูกยกให้เป็นหนึ่งในมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO ปัจจุบันนี้ปราสาทวาเลนติโนได้กลายมาเป็นคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ แห่งมหาวิทยาลัย Polytechnic University of Turin หลบหลีกจากตัวเมืองไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะริมแม่น้ำสักหน่อย บอกได้เลยว่าจะตกหลุมรักเมืองเล็กๆแห่งนี้ได้อย่างง่ายดาย
ที่อยู่: Corso Massimo d'Azeglio, 10126 Torino TO, Italie
การเดินทาง: สถานีแทรม Valentino
เดินต่อไปเรื่อยๆมาทางทิศใต้ของสวนวาเลนติโนก็จะพบกับ National Automobile Museum (Museo Nazionale dell'Automobile ในภาษาอิตาลี) หรือพิพิธภัณฑ์ยานยนต์แห่งชาติ ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองตูริน ไม่ไกลจากแม่น้ำโป (Po) พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีรถยนต์กว่า 200 คันจากทั่วทวีปยุโรปและจากหลากหลายแบรนด์ที่ถูกนำมาจัดแสดง นอกจากนั้นแล้วยังมีร้านหนังสือ ร้านอาหาร และห้องสมุดด้านในอีกด้วย เมื่อไปถึงจะสะดุดตากับตัวอาคารเป็นอย่างแรก ตัวอาคารนั้นได้รับการออกแบบโดย Amedeo Albertini ในปี 1960 เน้นความโมเดิร์นและเรียบง่ายที่มาจนถึงทุกวันนี้ ถึงแม้เวลาจะผ่านไปนานเกือบ 60 ปีแล้ว ตัวอาคารก็ยังคงความโมเดิร์นเอาไว้ได้ไม่เปลี่ยนแปลง และหลังจากนั้น 1 ปีให้หลัง ก็ได้มีการจัดนิทรรศการ Universal Labour Exposition ขึ้นมาที่บริเวณใกล้ๆกันนี้ ทำให้ในบริเวณนี้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของความโมเดิร์นของเมืองตูรินไปโดยปริยาย
ที่อยู่: Corso Unità d'Italia, 40, 10126 Torino TO, Italie
การเดินทาง: สถานีรถบัส C.T.O.
เวลาทำการ: วันจันทร์ 10:00-14:00 / วันอังคารถึงวันอาทิตย์ 10:00-19:00
ราคา: ผู้ใหญ่ 12€ / นักเรียน 10€ / เด็กอายุต่ำกว่า 6 ปีเข้าฟรี
ใครเคยได้ยินคำว่า "เวทมนตร์ขาวดำ" (Black and White Magic) บ้าง? สำหรับใครที่เป็นแฟนแฮร์รี่ พอตเตอร์ ขอต้อนรับเข้าสู่เมืองตูริน ขอเตือนไว้ก่อนว่าที่นี่ไม่เหมาะสำหรับมักเกิ้ล
ว่ากันว่าเมืองตูรินนั้นเป็นเมืองแห่งปีศาจ (City of Devil) และเป็นจุดกำเนิดของไพ่ทาโร่ ย้อนกลับไปเมื่อศตวรรษที่ 16 เมื่อสมัยที่ราชวงศ์ซาวอยยังปกครองประเทศอิตาลีอยู่ ทางราชวงศ์ได้มีการเรียกร้องให้นักเล่นแร่แปรธาตุ นักวิทยาศาสตร์ นักปราชญ์ และผู้มีเวทมนตร์ มาทำการทดลองในถ้ำ Three Alchemical Caves of Turin เพื่อตามหาศิลาอาถรรพ์ (Philosopher's Stone) ไม่มีใครรู้ว่าการทดลองนั้นสำเร็จหรือไม่ และมีใครเจอศิลาอาถรรพ์หรือเปล่า เรื่องราวที่เล่ากันมาปากต่อปากนี้กลายเป็นตำนานลึกลับที่ไม่มีวันสิ้นสุด ว่ากันอีกว่าที่ Piazza Statuto นี้เป็นสถานที่หลักในการทดลอง และปากทางเข้าถ้ำต่างๆก็อยู่ใต้บริเวณ Piazza Castello และ Pallazo Madame
เมืองตูรินแห่งนี้เต็มไปด้วยเรื่องเล่าที่เกี่ยวกับเวทมนตร์และเรื่องราวลึกลับน่าค้นหา เหล่ารูปปั้นปีศาจที่ทำตั้งอยู่หน้าประตูทางเข้าต่างๆ อีกทั้งยังมีรูปปั้นนางฟ้าอีกมากมาย ถ้าช่างสังเกตุจะเห็นได้ว่ามีสัญลักษณ์เกี่ยวกับเวทมนตร์ขาวดำอยู่ทั่วเมืองตูริน ถ้าหากมีเวลาแวะเวียนไปเดินเล่นที่ Piazza Statuto สักหน่อย คุณอาจจะค้นพบพลังพิเศษบางอย่างก็ได้
ที่อยู่: Piazza Statuto, 13, 10122 Torino TO, Italie
การเดินทาง: สถานีรถบัส Statuto
Mole Antonelliana หรือตึกอันโตเนลลีอานา ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1863 ถือเป็นอนุสาวรีย์ประจำเมืองตูรินเลยก็ว่าได้ ชื่อ Mole Antonelliana ถูกตั้งชื่อตามสถาปนิก Alessandro Antonelli ผู้สร้างตึกนี้ขึ้นมา ตึกอันโตเนลลีอานานี้มีความสูงกว่า 167.5 เมตร ด้านในมีลิฟท์ให้บริการเพื่อขึ้นไปยังจุดสูงสุดของตึกและรับชมวิวพาโนราม่าของเมืองตูรินได้เต็มๆ ด้านในตัวตึกคือ National Museum of Cinema หรือพิพิธภัณฑ์ภาพยนตร์แห่งชาติ (Museo Nazionale del Cinema ในภาษาอิตาลี) ที่เปิดให้ผู้คนเข้าชมคอลเลคชั่นภาพยนตร์ต่างๆในอดีต รวมไปถึงขั้นตอนการผลิตอีกด้วย
ที่อยู่: Via Montebello, 20/A, 10124 Torino TO, Italie
การเดินทาง: สถานีรถบัส Gaudenzio Ferrari หรือสถานี Mole Antonelliana
เวลาทำการ: วันจันทร์ถึงวันศุกร์ และวันอาทิตย์ 09:00-20:00 / วันเสาร์ 09:00-23:00 (ปิดทุกวันอังคาร)
ราคา:
พิพิธภัณฑ์และลิฟท์พาโนราม่า: ผู้ใหญ่ 15€ / อายุระหว่าง 6-26 ปี 12€
พิพิธภัณฑ์: ผู้ใหญ่ 11€ / อายุระหว่าง 6-26 ปี 9€
ลิฟท์พาโนราม่า: ผู้ใหญ่ 8€ / อายุระหว่าง 6-26 ปี 6€
โฮสเทล Attic Hostel ตั้งอยู่ที่ใจกลางเมือง ซึ่งถือว่าสะดวกสบายมากๆในการเดินทางไปไหนมาไหน พนักงานให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น สถานที่สะอาดสะอ้าน อีกทั้งยังตั้งอยู่ในบริเวณที่ปลอดภัย จึงไม่แปลกเลยที่โฮสเทลแห่งนี้จะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเข้าพักได้อย่างล้นหลาม นอกจากนั้นแล้วที่นี่ยังเปิดให้นักเรียนที่มาเรียนระยะสั้น เช่าอยู่ได้เป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือนอีกด้วย สำหรับใครที่กำลังวางแผนจะเดินทางมาท่องเที่ยวที่เมืองตูริน เก็บเอาโฮสเทล Attic Hostel นี้เอาไว้เป็นหนึ่งในตัวเลือก และพิเศษสุดๆ! รับคูปองส่วนลดจาก O'bon Paris เพื่อรับส่วนลดทันที 5% ต่อคืนเมื่อสำรองห้องพักผ่านเว็บไซต์ Attic Hostel
ที่อยู่: Piazza Pietro Paleocapa, 2, 10121 Torino TO, Italy
การเดินทาง: เดินเท้าเพียง 5 นาทีจาก Porta Nuova
เว็บไซต์: www.attichostel.it
เรื่อง: Aphinya Kasemsukphaisan
ภาพ: Che Fen OU YANG