TUTANKHAMUN

ในปี 1922 การค้นพบหลุมฝังศพของฟาโรห์ตุตันคาเมน (Tutankhamun หรือภาษาฝรั่งเศส Toutankhamon) นั้นเป็นที่สนใจและเลื่องลือไปทั่วโลก ฟาโรห์ตุตันคาเมนเป็นฟาโรห์แห่งอียิปต์ในสมัยโบราณผู้ที่ขึ้นครองราชย์ตั้งแต่เยาว์วัย แต่หลังจากที่ขึ้นครองราชย์ได้เพียง 9 ปีพระองค์ก็ได้เสียชีวิตลง ระหว่างที่ฟาโรห์ตุตันคาเมนขึ้นครองราชย์นั้น พระองค์ไม่ได้กระทำการอะไรพิเศษให้เป็นที่น่าจดจำ จนกระทั่งวันหนึ่งหลุมฝังศพของพระองค์ได้ถูกค้นพบในหุบเขาแห่งกษัตริย์ (Valley of the Kings) และกลายมาเป็นบุคคลผู้มีชื่อเสียงระดับโลกในทันใด นั่นก็เป็นเพราะว่าร่างอันไร้วิญญาณของพระองค์นั้นถูกเก็บรักษาไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบในรูปแบบของมัมมี่ในโลงทองคำ และในปีนี้ที่กรุงปารีสก็ได้มีการจัดนิทรรศการฟาโรห์ตุตันคาเมนขึ้น เพื่อให้ผู้คนได้เข้ามาเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งที่หลงเหลืออยู่ของอิยิปต์โบราณเมื่อ 3,000 กว่าปีที่แล้ว

นิทรรศการฟาโรห์ตุตันคาเมนที่ใหญ่ที่สุดนอกประเทศอียิปต์

นิทรรศการนี้มีการจัดแสดงพิเศษเกี่ยวกับความเชื่อหลังความตายของชาวอียิปต์โบราณ โดยของที่นำมาจัดแสดงนั้นมีกว่า 150 ชิ้นที่ถูกขุดขึ้นมาจากหลุมฝังศพของฟาโรห์ตุตันคาเมน และประมาณ 60 ชิ้นจากทั้งหมดนั้นไม่เคยถูกนำไปแสดงที่ไหนเลยนอกประเทศอียิปต์และจะถูกนำมาจัดแสดงเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวเท่านั้นใน World Tour ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้ และหลังจาก World Tour ครั้งนี้เสร็จสิ้น ของที่นำมาจัดแสดงเหล่านี้จะถูกนำกลับไปจัดแสดงที่ประเทศอียิปต์ต่อไป ที่พิพิธภัณฑ์ที่กำลังสร้างขึ้นใหม่ระหว่างนี้ 

รูปปั้นของผู้ปกครองทางเข้าหลุมศพฟาโรห์หรือ The Guardian นั้น ถือว่าเป็นของชิ้นแรกที่ถูกนำมาจัดแสดงที่ต่างประเทศ โดย The Guardian ถือว่าเป็นเทพแห่งดวงอาทิตย์ที่มีผิวสีดำ เป็นสัญลักษณ์ของสัญญานิรันดร์ของความอุดมสมบูรณ์ของแม่น้ำไนล์ (Nile) และสีทองหรือทองคำนั้นหมายถึงธรรมชาติอันศักดิ์สิทธิ์ของดวงอาทิตย์และฟาโรห์ตุตันคาเมน รูปปั้นเหล่านี้ถือว่าเป็นรูปปั้น The Guardian ที่ยังสมบูรณ์แบบและได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดี

เมื่อเดินเข้าไปในห้องนิทาาศการ รูปปั้นของเทพ Amun ก็ตั้งอยู่ตรงหน้า โดยเทพ Amun นี้คือเทพเจ้าที่คอยคุ้มกันและปกป้องฟาโรห์ ย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่เจ้าหน้าที่ทำการขุดค้น รูปปั้นเทพ Amun นี้แท้จริงแล้วถูกตั้งอยู่ที่หน้าทางเข้าของพีรามิด และรูปปั้นนี้ก็ถูกนำมาจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ จนกระทั่งนิทรรศการฟาโรห์ตุตันคาเมนเกิดขึ้น ทางทีมงานจากพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์จึงได้ร่วมมือกับนิทรรศการนี้และนำรูปปั้นของเทพ Amun มาจัดแสดงร่วมกัน

ชาวอียิปต์โบราณมีความเชื่อว่าชีวิตหลังความตายนั้น วิญญาณของผู้ตายจะต้องข้ามผ่านหุบเข้าแห่งความตายก่อนที่จะได้ผื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งความตายนี้เปรียบเสมือนเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตใหม่ งานศพที่เต็มไปด้วยสีสนสดใสและข้าวของเครื่องใช้หรูหราก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ ที่ในนิทรรศการนั้นจะเต็มไปด้วยเครื่องมือล่าสัตว์ แจกัน เครื่องประดับ และบอร์ดเกม Senet และอีกมากมาย โดยบอร์ดเกม Senet นี้เป็นเกมที่ฟาโรห์โปรดปราน หากแต่มาจนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงแล้วกติกาและการเล่นเกมนี้เล่นยังไง

การนอนหลับสำหรับชาวอียิปต์โบราณนั้นเปรียบเสมือนการเข้าใกล้ชีวิตหลังความตายมากที่สุด พวกเขาคิดว่าพวกเขาสามารถพบพระเจ้าได้ในฝัน และพระเจ้าจะช่วยประทานพร ให้คำปรึกษาแนะนำ และทดสอบพวกเขาด้วยฝันร้าย ภาพด้านบนที่เห็นอยู่นี้คือพนักพิงศีรษะที่ชาวอียิปต์โบราณเชื่อว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมากในการใช้เพื่อหลับนอน พนักพิงศีรษะชิ้นนี้ทำมาจากเซรามิกสีน้ำเงิน เป็นสัญลักษณ์ของท้องฟ้าและชีวิตหลังความตาย ของชิ้นนี้ก็เป็นหนึ่งในไม่กี่ชิ้นที่ถูกนำมาจัดแสดงครั้งในต่างประเทศเช่นเดียวกัน

"คำสาปของตุตันคาเมน" ความปรารถนาในการเป็นอมตะ

ประตูทางเข้าบานสุดท้ายของหลุมศพนั้น มีชื่อเรียกว่า Resurrection Gate ที่จะนำไปสู่โลกของมัมมี่ ชาวอียิปต์โบราณได้เตรียมการอย่างละเอียดและพิถีพิถันในการเตรียมศพเพื่อให้ผ่านขั้นตอนของความตายไปได้อย่างสงบสุขและต้อนรับชีวิตใหม่หลังความตายอย่างปลอดภัย การเก็บรักษาร่างไร้วิญญาณของฟาโรห์ให้ได้อย่างสวยงามนั้นถือว่าเป็นงานอาศัยความละเอียดเป็นอย่างมาก การที่ใช้ผ้าพันรอบตัวเพื่อทำมัมมี่นั้น ชาวอียิปต์โบราณเชื่อว่าจะช่วยทำให้การฟื้นคืนชีพในร่างเดิมสามารถนั้นทำได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยผ้าที่ถูกพันจนแน่นจะทำให้หน้าที่เก็บรักษาร่างของฟาโรห์เอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบและไม่ถูกทำลาย หลุมฝังศพของกษัตริย์นั้นมักจะถูกตกแต่งประดับประดาอย่างสวยงามด้วยเครื่องประดับทองคำและรองเท้าทองคำเพื่อแสดงให้เห็นถึงพลังอำนาจของฟาโรห์ นอกเหนือจากนั้นแล้วยังมีแถบสีทองรอบโลงศพที่ถูกจารึกด้วยอักษรอียิปต์โบราณเพื่อเป็นตัวแทนของเวทมนต์เพื่อป้องกันตัวและชื่อของฟาโรห์ตุตันคาเมน

เมื่อฟาโรห์ได้เสียชีวิตลง ร่างอันไร้วิญญาณของฟาโรห์นั้นจะถูกเปิดออกเพื่อเอาเครื่องในทั้งหมดออกมาแล้วนำไปดองไว้ในโหลดองศพหรือที่เรียกกันว่า Canopicjar เพื่อจัดการทำมัมมี่ โหลดองศพที่เห็นในภาพนั้นคือโหลดองศพของฟาโรห์ตุตันตาเมน อุทิศให้แก่เทพเจ้าอิมเสตซี (Imseti) และไอซิส (Isis) ที่ยังคงสภาพไว้อย่างสมบูรณ์แบบ

เช่นเดียวกันกับโลงศพของฟาโรห์ตุตันคาเมนที่ถือว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับการอนุรักษ์และดูและรักษาเป็นอย่างดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของอียิปต์โบราณ เนื่องจากว่าสถานที่ฝังศพของฟาโรห์ตุตันคาเมนนั้นไม่เคยถูกค้นพบโดยโจรปล้นสมบัติเลย อีกหนึ่งความเชื่อที่ทำให้ฟาโรห์ตุตันคาเมนนั้นโด่งดังไปทั่วโลกนั้นก็คือคำสาป ที่ทุกคนเชื่อว่าที่หลุมฝังศพยังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์แบบขนาดนี้ก็เพราะว่าไม่ว่าใครที่คิดร้ายเข้ามาในสถานที่แห่งนี้จะถูกต้องคำสาปและจบชีวิตด้วยการเจ็บป่วยกระทันหันหรือประสบอุบัติเหตุ

เมื่อจบนิทรรศการแล้ว แน่นอนว่าต้องมีร้านขายของที่ระลึกตั้งอยู่ โดยร้านขายของที่ระลึกแห่งนี้ก็น่าตื่นเต้นไม่แพ้กับนิทรรศการด้านในเลย ที่นี่เต็มไปด้วยหนังสือเกี่ยวกับฟาโรห์ตุตันคาเมน หนังสือโบราณคดีวิทยา และอีกมากมาย นอกจากหนังสือแล้วก็ยังมีเครื่องเขียน ของตกแต่งบ้าน เสื้อผ้า และอีกนับไม่ถ้วนให้เลือกซื้อกัน ที่เห็นจะพิเศษไปจากสินค้าอื่นๆก็น่าจะเป็นที่คั่นหนังสือลายอียิปต์โบราณที่ทำมาจาก Papyrus ซึ่งถือว่าเป็นสินค้าที่น่าประทับใจมากๆ

O'bon Paris' tip

ความลึกลับและน่าค้นหานี้ รอให้คุณเข้าไปสำรวจอยู่ที่นิทรรสการตุตันคาเมน ที่ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่หรือเด็กก็สามารถเข้าชมได้ แนะนำว่าให้ตรวจสอบเวลาเข้าชมและจองตั๋วล่วงหน้าเนื่องจากนิทรรศการนี้เป็นนิทรรศการพิเศษ ที่ไม่เพียงแต่ดึงดูดนักท่องเที่ยวเท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงชาวฝรั่งเศสอีกด้วย เมื่อคุณทำการจองตั๋วล่วงหน้าออนไลน์ คุณสามารถเลือกช่วงเวลาที่คุณต้องการเข้าชมได้ และคุณจะต้องเข้าไม่เกิน 30 หลังจากเวลาที่กำหนด ยกตัวอย่างเช่นคุณเลือกเวลาเข้าชมที่เวลา 09:00 คุณจะต้องทำการแสกนตั๋วเพื่อเข้าชมนิทรรศการระหว่าง 09:00-09:30 เท่านั้น มิเช่นนั้นอาจจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าชมได้

สถานที่จัดงานตั้งอยู่ไม่ไกลจากสวนสาธารณะ La Villette Park คุณสามารถไปนั่งเล่นที่สวนได้เมื่อชมนิทรรศการเรียบร้อยแล้ว

เรื่อง: Aphinya Kasemsukphaisan

ภาพ: Youra CHOI