พิพิธภัณฑ์ปีกัสโซและภาพเขียนน่าฉงน

พิพิภัณฑ์ศิลปะปีกัสโซเริ่มเปิดให้เข้าชมมาตั้งแต่ปี 1985  พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่ในย่านมาเร่ส์ (Marais) และเป็นที่โด่งดังได้รับความนิยมเนื่องมาจากชื่อของศิลปินเจ้าลัทธิคิวบิสม์(cubism) อย่าง Pablo Picasso (ปาโบล ปีกัสโซ) ตัวอาคารของพิพิธภัณฑ์นั้นหากมองด้านอกก็เป็นอาคารเเบบฝรั่งเศสตามขนบ ซึ่งต่างจากผลงานศิลปะที่จัดแสดงอยู่ภายใน งานของปีกัสโซเป็นศิลปะที่เรียกได้ว่าเริ่มก้าวเข้ามาสู่ยุคโมเดิร์น  นิทรรศการภาพวาดของปีกัสโซนั้นจะมีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปเรื่อยๆตลอดทั้งปี

ณ ช่วงเวลานี้ ทางพิพิธภัณฑ์จัดแสดงภาพภายในแนวคิด  Picasso, Magic Paintings  (Picasso, Tableaux Magiques) ซึ่งเริ่มจัดมาตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2019 และจะจัดแสดงเรื่อยไปจนถึงวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2020 ภายใต้ชื่อนิทรรศการนี้ ภาพเขียนที่นำมาจัดแสดงจะเน้นไปที่ผลงานที่เกิดขึ้นในช่วงปี 1926 ถึง 1930 ภาพเขียนของปีกัสโซในช่วงเวลานั้นเป็นการแสดงอารมณ์ที่รุนเเรงของปีกัสโซผ่านลายเส้นของศิลปิน 

ผลงานของปีกัสโซมักจะเต็มไปด้วยลายเส้น ซึ่งอาจทำให้ผู้เข้าชมเกิดคำถามถึงเหตุผล ที่มาของลายเส้นบนภาพ 

ความหมายของชื่อนิทรรศการ

ภาพเขียนของปาโบล ปีกัสโซแบ่งเป็นยุคหลักๆ คือ ยุคที่ภาพเขียนเน้นไปที่โทนสีฟ้า ยุคที่เน้นไปที่โทนสีชมพู ภาพเขียนรูปทรงเรขาคณิต (cubism art) และยุคของการเขียนภาพเหมือน ในช่วงฤดูร้อนปี 1926 ถึง 1930 ปีกัสโซสร้างสรรค์ผลงานที่เต็มไปด้วยการเเสดงออกถึงจินตนาการและอารมณ์ ความรู้สึกของเขาอย่างชัดเจน การจัดแสดงนิทรรศการภายใต้ชื่อ Picasso, Magic Paintings นี้ประกอบไปด้วยภาพเขียนจำนวน 150 ภาพที่เน้นให้เห็นถึงโครงสร้างของมนุษย์ที่ประกอบด้วยรูปทรง ลายเส้นต่างๆ ภาพเขียนสองมิติ เเละรูปทรงที่อาจจะดูแปลกประหลาดออกไปจากรูปทรงเรขาคณิตทั่วๆไป สีสันที่ปีกัสโซใช้ มีทั้งสีสันสดใส จัดจ้าน และสีขาวดำที่สร้างความรู้สึกที่เเตกต่างกันออกไปสำหรับผู้พบเห็น

ในปี 1938 บรรณาธิการนิตยสารด้านศิลปะ Cahier d’art Christian Zervos ได้ตั้งชื่อคอลเลกชั่นในช่วงปี 1926 ถึง 1930 ของปีกัสโซว่า "magic paintings" บรรณาธิการนิตยสารผู้นี้มองว่าปีกัสโซนั้นเปรียบเสมือนกับนักมายากล ที่สร้างสรรค์ผลงานซึ่งทำให้ผู้ชมต้องค้นหาที่มาและวิธีการการสร้างสรรค์ผลงานของเขา มีนักวิจารณ์จำนวนไม่น้อยที่แสดงความเห็น และตีความถึงที่มาและเทคนิคของปีกัสโซ เรียกได้ว่าเป็นการสร้างอีกหนึ่งปรากฎการณ์ในวงการศิลปะก็ว่าได้

ผลงานของปีกัสโซในคอลเลกชั่นนี้นั้นเต็มไปด้วยความเรียบง่าย เป็นเอกลักษณ์ เเนวคิดของปีกัสโซนั้นค่อนข้างสวนทางกับภาพวาดแบบตะวันตก เเละนี่อาจเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ภาพเขียนเเละผลงานของเขาได้รับการเรียกชื่อว่า “magic object” แน่นอนว่าปีกัสโซมีชื่อเสียงอย่างมากในฐานะผู้นำลัทธิภาพเขียนคิวบิสม์ เเนวคิดนี้มีที่มาจากรูปปั้น เเละหน้ากากจากเเอฟฟริกาและโอเชียเนีย วัตถุเหล่านี้โดยปกติแล้วเคยถูกใช้ในพิธีการทางศาสนาต่างๆ ซึ่งหากสังเกตดูก็จะเห็นว่ามีรูปทรงที่ต่างจากศิลปะของตะวันตกอย่างมาก และนี่เองที่ทำให้งานของปีกัสโซนั้นเเตกต่างเเละโดดเด่น

คำถามต่อไปที่หลายๆคนอาจสงสัยเมื่อได้พบภาพของปีกัสโซ คือ เรื่องของรูปทรงที่จัดเรียงในลักษณะที่เเปลกออกไป ส่วนประกอบต่างๆของร่างกายในรูปภาพถูกวางผิดที่ผิดทาง ลักษณะของรูปทรงที่ผิดที่ผิดทางนั้นมาจากลำดับการสร้างสรรค์ผลงานของปีกัสโซที่ไม่เหมือนกับศิลปินคนอื่นๆ ปีกัสโซสร้างสรรค์ผลงานโดยการสังเกตสิ่งของหรือคนที่ต้องการวาด เเละนำมาสร้างสรรค์องค์ประกอบตามจินตนาการของตนเองจึงทำให้ภาพเขียนของเขานั้นเต็มไปด้วยรูปทรงที่เเปลกตา แต่ยังเน้นไปที่การใช้รูปทรงเรขาคณิตเพื่อประกอบเป็นรูปร่างในผลงาน

มาถึงอีกภาพหนึ่งของปีกัสโซ ที่มีชื่อว่า BUSTE DE FEMME AU FAUTEUIL ซึ่งเป็นภาพที่อยู่ตรงด้านหน้าของผู้เข้าชมนิทรรศการในภาพด้านบน หากมองดูรายละเอียดของภาพ จะเห็นว่าใบหน้าของผู้หญิงนั้นเป็นรูปสามเหลี่ยม ดวงตาทั้งสองข้างไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน รูปของฟันก็ไม่ได้จัดให้เป็นระเบียบ ส่วนของจมูกย้ายไปอยู่ที่ด้านบนของใบหน้า การสร้างสรรค์ผลงานนี้สามารถพูดได้ว่าเป็นการถ่ายทอดจินตนาการส่วนตัวของศิลปินอย่างเต็มตัว

ภาพวาดของปีกัสโซเต็มไปด้วยรูปทรงเรขาคณิตที่สร้างความฉงนให้กับผู้พบเห็น Christian Zervos ให้คำนิยามของผลงานปิกัสโซซึ่งนำเสนอจินตนาการที่เกิดจากภาพจริงที่เขาพบเห็นโดยเลือกใช้คำว่า  "transmutation" หรือ "การแปลงร่าง" นั่นเอง ลวดลาย เส้นสายที่เรียบง่ายแบบสุดโต่งทำให้ภาพเขียนของปีกัสโซนั้นถูกตีความไปหลากหลาย ไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน

อย่างที่ได้กล่าวไปด้านต้นว่าปีกัสโซเเสดงเเนวคิด สื่ออารมณ์ที่ค่อนข้างชัดเจน เเละเข้มข้มผ่านผลงานศิลปะของเขา ตลอดระยะเวลาในการสร้างสรรค์คอลเลกชั่นที่เรียกว่า “magic object”  นี้ว่ากันว่าปีกัสโซได้พัฒนาวิธีการเขียนภาพของเขา และหากเข้าไปดูที่ภาพเขียน Guernica  ก็จะพบว่ามีการเเสดงอารมณ์ผ่านผลงานอย่างชัดเจน ความทรงจำที่ปวดร้าวของปีกัสโซ เป็นการนำเอาเเนวคิดจากรูปปั้นต่างๆนอกจารีตของตะวันตกมาสร้างเป็นเเรงบันดาลใจในภาพเขียนของเขา

หากได้พบกับภาพเขียน USTE DE FEMME AVEC AUTOPORTRAIT ซึ่งเกิดขึ้นในปี 1929 จะได้เห็นการสร้างสรรค์ภาพเขียนที่เรียบง่าย ไม่ซับซ้อน ภาพของใบหน้าที่เป็นรูปทรงสามเหลี่ยม ลายเส้นที่ดูชัดเจน เส้นตรงดูแข็งๆ ภาพนี้เป็นภาพของภรรยาปีกัสโซ ซึ่งว่ากันว่าเป็นภรรยาขี้หึงชื่อว่า Olga นั่นเอง ด้วยลายเส้นทำให้เราพอเดาได้ถึงความดุดันจากอารมณ์ของภาพ

นอกจากอารมณ์ที่ชัดเจนจากภาพเเล้ว ปีกัสโซยังสร้างความลึกลับให้กับภาพของเขาด้วยเช่นกัน เส้นโค้งที่ลากซ้ำไปมาให้ความรู้สึกถึงภาพมายา ความลึกลับ พิศวง ปีกัสโซอาจจะกำลังพยายามเเสดงเรื่องราวของสิ่งเหนือธรรมชาติ หรือพิธีกรรมศาสนาในผลงานของเขาก็เป็นไปได้ ตัวอย่างเช่นภาพเขียนที่มีชื่อว่า “Autoportrait” เป็นภาพเขียนที่เห็นเป็นเงาใบหน้าภายในห้องวาดภาพของปีกัสโซ ว่ากันว่าเป็นเงาของเพื่อนปีกัสโซ หากเเต่ปีกัสโซอธิบายว่าเป็นใบหน้าของตัวเขาเองก็ได้

ภาพเขียนของปีกัสโซมักจะถูกนำไปเปรียบเทียบกับผลงานศิลปะ Surrealist  แต่สำหรับนักวิจารณ์สัญชาตเยอรมันอย่าง Carl Einstein นั้น เขาให้คำจำกัดความแนวคิดของปีกัสโซว่าเป็น "mythic realism" เนื่องจากเป็นผลงานศิลปะที่มีพื้นฐานมาจากเรื่องราวรอบตัว ความจริงในสังคม ไม่ได้เป็นเพียงการสร้างสรรค์คิดจากจินตนาการหรือแฟนตาซีเพียงอย่างเดียว

O'bon Paris' tip

พิพิธภัณฑ์ศิลปะปีกัสโซมีเปิดให้เข้าชมสำหรับทุกเพศทุกวัย เเละมีออดิโอไกด์เพื่ออธิบายภาพเขียน เเละผลงานต่างๆภายในพิพิธภัณฑ์ หากสนใจ เราขอแนะนำให้ทำการสำรองตั๋วออนไลน์ล่วงหน้า เพื่อเป็นการปรหยัดเวลาในการเข้าชมผลงานศิลปะของศิลปินชื่อดังผู้นี้ เพียงคลิ๊กที่ เว็บไซต์ ของพิพิธภัณฑ์  และอย่าลืมใช้โค้ดส่วนลด “TROBON” จาก O'bon Paris เพื่อรับส่วนลด 2 ยูโรทันทีในการสำรองตั๋วออนไลน์

 หลังจากเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์เป็นที่เรียบร้อย เราก็ยังมีไอเดียเกี่ยวกับร้านกาแฟในย่านมาเร่ส์หรือย่านอื่นๆในปารีสเพื่อให้คุณได้ไปผ่อนคลายกันต่อเพื่อเติมเต็มวันดีด้วยบรรยากาศและวิถีแบบปารีสแท้ๆ คลิ๊ก ที่นี่ แล้วตามไปดูคาเฟ่เก๋ๆในปารีสกันได้เลย

เรื่อง : Supawadee Pinkhao

ภาพ : Olga Andrianova