ถ้าถามว่าใครชอบออกเดินทางท่องเที่ยวกันบ้าง ทุกคนคงจะตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า "เราเอง!" คงไม่มีใครไม่ชอบเที่ยวหรอกจริงมั้ย การออกเดินทางก็เหมือนการได้พักผ่อนจากงานประจำ ได้ออกไปเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ สถานที่ใหม่ๆ ผู้คน อาหาร วัฒนธรรม แต่จะไปเที่ยวยังไงดีล่ะให้สนุกและไม่เหนื่อยจนเกินไป?
ก่อนอื่นต้องถามทุกคนคำถามแรกก่อนว่า..
.jpg)
คำถามแรกเลยก็คือคุณต้องการที่จะท่องเที่ยวแบบไหน ขึ้นอยู่กับความต้องการส่วนตัว บางคนอาจจะต้องการเก็บสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆให้ได้มากที่สุด ในขณะที่บางคนอาจจะแค่ต้องการเปิดประสบการณ์ใหม่ ทำความเข้าใจในวัฒนธรรมและผู้คนที่แตกต่างจากประเทศของตน แน่นอนว่าหลายคนยังต้องพึ่งบริษัททัวร์หรือหนังสือท่องเที่ยวที่มักจะพาเราไปในสถานที่ที่มีชื่อเสียง โดยที่เราอาจจะไม่ได้ต้องการไปที่นั่นก็ได้ แต่ทำยังไงได้ ก็ต้องไปตามคนอื่นเค้า ลองหยุดจากตรงนั้นสักแปปนึงแล้วหันกลับมาถามตัวเองว่า อยากเที่ยวแบบไหน? อยากเห็นอะไร? อยากทำอะไร? และถ้าคำตอบของคุณคือการที่จะออกเดินทางท่องเที่ยวอย่างคนท้องถิ่น ทำอะไรที่คนท้องถิ่นเค้าทำกัน ก็ตามมาทางนี้เลย เรามีอะไรดีๆมาบอก
.png)
นี่ถือว่าเป็นกฏข้อแรกเลย แน่นอนว่าพอจะได้ออกเดินทางไปเที่ยวทั้งทีก็อยากจะทำทุกอย่างที่สามารถทำได้ในช่วงเวลาอันสั้น นานๆทีจะได้หยุดงานมาเที่ยว แต่นั่นอาจจะทำให้คุณเหนื่อยจนเกินไป กลายเป็นว่าแทนที่จะได้มาเที่ยวพักผ่อน กลับเหนื่อยกว่าเดิมอีก เดินเที่ยวจนเหนื่อยทั้งวัน กลับดึก นอนดึก แล้วก็ต้องรีบตื่นเช้าเพื่อออกไปเที่ยวให้ทันตามแผนที่วางไว้ แต่อย่าลืมว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้และมันอาจจะกระทบกับแผนที่วางไว้ในวันอื่นๆด้วย รถเสีย ตื่นสาย หรืออะไรก็ตาม และนั่นอาจจะทำให้คุณผิดหวังจากการคาดหวังได้ ลองจินตนาการดูว่าถ้าคุณเลือกที่จะเที่ยวช้าๆ โปรแกรมหลวมๆสบายๆ เดินเล่นในตัวเมือง คุณอาจจะได้พบกับอะไรดีๆที่ซ่อนอยู่ก็ได้
.jpg)
ในแต่ละสถานที่ ถึงแม้จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับโลก แต่ก็ไม่ได้แปลว่าที่นั่นจะต้องเป็นสถานที่ที่เพอร์เฟ็ค สวยงามหรูหราดั่งในภาพที่คุณวาดเอาไว้ก่อนมา ทุกที่มีข้อดีและข้อเสียเสมอ และนั่นทำให้บางครั้งนักท่องเที่ยวก็มักจะเกิดอาการช็อคและตกใจได้ เนื่องจากประเทศ เมือง หรือผู้คนที่จุดหมายปลายทางที่ต้องการเดินทางไปนั้น ไม่ได้เป็นอย่างที่วาดฝันเอาไว้ สิ่งที่เห็นจากอินเทอร์เน็ตหรือหนังสืออาจจะเป็นแค่ด้านดีที่ผู้คนนำเสนอกันเสียมากกว่า บางครั้ง รถไฟใต้ดินอาจจะไม่ได้ใหม่เอี่ยมและเร็วอย่างที่หนังสือกล่าว มันอาจจะมาเสียตอนที่คุณกำลังอยู่บนรถไฟคันนั้นก็ได้ นั่นหมายความว่า ให้คุณลบภาพฝันที่เคยวาดเอาไว้ออกไปก่อน และเตรียมตัวเผชิญหน้ากับความเป็นจริง บางครั้งการที่ไม่คาดหวังอะไรเลยอาจจะทำให้การออกเดินทางของคุณในครั้งนั้น ดีกว่าครั้งไหนๆก็ได้
สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นประจำก็คือเมื่อคุณออกเดินทางท่องเที่ยวด้วยบริษัททัวร์ ทัวร์มักจะนำคุณไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เมื่อเที่ยวเสร็จก็ขึ้นรถไปยังสถานที่ต่อไป โดยที่คุณยังไม่มีโอกาสได้เห็นอะไรอย่างอื่นนอกจากสถานที่ท่องเที่ยวเลย ถ้าคุณต้องการที่จะเปิดประสบการณ์การท่องเที่ยวแบบใหม่ ถึงแม้การเที่ยวกับบริษัททัวร์จะสะดวกสบายแค่ไหนก็ตาม อยากให้คุณลองออกเดินทางด้วยตัวเองดู ใช้รถสาธารณะอย่าง รถบัส รถไฟใต้ดิน แทรม หรือแม้แต่เช่าจักรยานขี่ชมเมือง นั่นจะเป็นโอกาสดีที่คุณจะได้สัมผัสการใช้ชีวิตอย่างคนท้องถิ่นที่แท้จริง
.JPG)
ที่พักก็เป็นอีกสิ่งที่สำคัญที่สุดในการท่องเที่ยว หลายๆคนอาจจะเลือกใช้บริการโรงแรมชื่อเสียงระดับโลก เพราะไว้ใจในบริการ ห้องพัก และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ได้รับ ลองเปิดใจให้กับที่พักในสถานที่อื่นๆดูบ้างมั้ย อย่างเช่น Airbnb ที่เปิดโอกาสให้คนท้องถิ่นเปิดบ้าน เปิดห้องให้นักท่องเที่ยวมาเข้าพัก ส่วนมากคนท้องถิ่นที่เปิดบ้านให้นักท่องเที่ยวเข้าพักมักจะเป็นคนที่ต้องการเรียนรู้อะไรใหม่ๆจากนักท่องเที่ยว นั่นเป็นโอกาสดีที่นักท่องเที่ยวอย่างเราจะได้เรียนรู้จากคนท้องถิ่นเช่นกัน
เคยมั้ยที่พอวางแผนเที่ยวมาแล้วโดนแผนที่ตัวเองวางไว้กลับมากดดันตัวเราเอง นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงต้องไม่อัดทุกอย่างเข้าไปในทริปเดียว ลองเลือกเพียงแค่ไม่กี่สถานที่ที่สำคัญจริงๆ ที่ต้องการจะไปเห็นจริงๆดู และเที่ยวแบบหลวมๆ สบายๆ ชมเมือง ซึมซับบรรยากาศ และปล่อยใจไปเรื่อยๆ ระหว่างทางที่คุณกำลังจะไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่อไป คุณอาจจะได้พบกับอะไรที่คุณไม่คิดว่าจะได้เจอก็ได้ อาจจะเป็นคาเฟ่น่ารักที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมถนน เต็มไปด้วยคนท้องถิ่นมากมาย หรือร้านขายของที่ระลึกทำมือที่ไม่เหมือนร้านไหนๆในเมืองนี้ แน่นอนว่าคุณต้องการแผนที่ในการเดินทาง แต่อย่าลืมลองปล่อยใจและเดินออกไปตามทางบ้าง อาจจะทำให้คุณสนุกกับการท่องเที่ยวมากขึ้นก็ได้
สถานที่ที่น่าสนใจและร้านอาหารที่อร่อยไม่ได้มีแค่ในหนังสือท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังมีสถานที่และร้านอาหารท้องถิ่นอีกมากมายที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่อาจจะมองข้ามไป ลองหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตว่าคนท้องถิ่นที่เมืองนี้เค้านิยมไปที่ไหนกัน ไม่ว่าจะเป็นบล็อคหรืออินสตาแกรม หรือแม้กระทั่งกลุ่มใน Facebook ที่ผู้คนส่วนใหญ่มักจะนำข้อมูลที่น่าสนใจมาแบ่งปันกัน มากไปกว่านั้น Facebook มักจะมีแจ้งเตือนอีเว้นท์ที่กำลังจะเกิดขึ้นใกล้ๆคุณ ลองไปเดินเที่ยวตามอีเว้นท์ต่างๆ อาจจะมีอะไรที่น่าสนใจที่หาไม่ได้ในหนังสือท่องเที่ยวก็ได้
ในแต่ละเมืองมักจะมีเว็บไซต์ของ Tourism Office ที่มีข้อมูลเกี่ยวกับเมืองนั้นๆ รวมไปถึงกิจกรรมและอีเว้นท์ต่างๆที่กำลังจะเกิดขึ้น คุณสามารถเข้าไปดูข้อมูลในเว็บไซต์เหล่านั้นได้ อีเว้นท์และงานเทศกาลเฉลิมฉลองต่างๆอาจจะทำให้คุณสามารถเข้าถึงวัฒนธรรมและการใช้ชีวิตของผู้คนมากขึ้น และถ้ามีโอกาส ลองไปเดินเล่นตามตลาดขายของเก่าดู ที่นี่มักจะมีคนเอาข้าวของเครื่องใช้เก่าๆออกมาวางขายกัน คุณจะได้เห็นว่าคนท้องถิ่นนั้นจริงๆแล้วเค้าใช้ชีวิตกันยังไง ดีไม่ดีอาจจะได้ของเก่าสไตล์วินเทจติดไม้ติดมือกลับบ้านไปก็เป็นได้
.JPG)
นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอย่างจัตุรัสกลางเมือง วิหาร และโบสถ์ต่างๆ ลองมองหาที่ที่เต็มไปด้วยคนท้องถิ่นดูแทนที่จะเป็นนักท่องเที่ยว ยกตัวอย่างเช่นร้านอาหาร การที่มีคนท้องถิ่นนั่งอยู่เต็มร้านอาหาร นั่นอาจจะแปลว่าอาหารในร้านอาหารนั้นอร่อยและถูกปากคนท้องถิ่นมากจริงๆ ต่างจากร้านอาหารที่เป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวที่อาจจะมีการปรับเปลี่ยนรสชาติให้ถูกปากนักท่องเที่ยวมากกว่าคนท้องถิ่น ลองถามคนท้องถิ่นตามร้านค้าดูก็ได้ ว่าเค้าชอบไปที่ไหนกันแล้วลองเปิดใจ อาจจะพบกับอะไรดีๆที่คาดไม่ถึงก็ได้
ชอบใครดูหนังบ้าง? หรืออ่านหนังสือ? ลองหาข้อมูลการท่องเที่ยวจากสิ่งที่คุณชอบดู อย่างเช่นหาภาพยนตร์หรือหนังสือที่เกี่ยวข้องกับประเทศนั้นๆมาดู สิ่งเหล่านั้นอาจจะทำให้คุณได้เรียนรู้วิถีชีวิตและประวัติศาสตร์ความเป็นมาของประเทศนั้นๆมากขึ้น และเมื่อไรที่เรารู้เรื่องและเข้าใจความเป็นมาของสถานที่นั้นๆ เรามักจะสนุกสนานกับการท่องเที่ยวมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และจะไม่ได้รู้สึกเลยว่ากำลังเรียนรู้สิ่งใหม่ๆอยู่เพราะเรากำลังทำในสิ่งที่เรารัก!
ถ้าจู่ๆจะให้มาเรียนภาษาใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งภาษาก็อาจจะเป็นเรื่องยาก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าภาษาก็เป็นอีกหนึ่งทางที่เราจะสามารถเรียนรู้วัฒนธรรมของประเทศนั้นๆได้ และภาษาก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการใช้ชีวิตอยู่ในประเทศนั้นๆ การที่เราสามารถพูดภาษาท้องถิ่นได้จะทำให้เราเดินทางท่องเที่ยวได้อย่างสะดวกสบายและสนุกสนานยิ่งขึ้น แต่ก็ไม่ได้จำเป็นจะต้องพูดได้อย่างคล่องแคล่วเสมอไป แค่ลองเรียนคำและประโยคง่ายๆอย่างเช่น "สวัสดี" "ขอบคุณ" "ขอโทษ" "ฉันไม่พูดภาษา... คุณพูดภาษาอังกฤษได้ไหม?" เพียงเท่านี้ คนท้องถิ่นก็จะรู้สึกว่าคุณต้องการที่เรียนรู้ภาษาของเค้าจริงๆแล้วเต็มใจที่จะช่วยเหลือคุณอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม ภาษาสากลที่สุดเลยก็คือภาษาอังกฤษ คุณไม่จำเป็นจะต้องพูดให้ถูกหลักไวยากรณ์เสมอไป แค่เพียงพยายามที่จะสื่อสารกับผู้คนให้รู้เรื่อง เพียงเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว
สำหรับใครที่ต้องการจะเข้าถึงคนท้องถิ่นจริงๆ อยากเรียนรู้ทั้งจากวัฒนธรรม อาหาร และผู้คน มาดูคำแนะนำเพิ่มเติมกันเลย
EATWITH
EATWITH เปิดโอกาสให้เราเข้าไปยังบ้านของคนท้องถิ่นและรับประทานอาหารร่วมกัน พูดคุยถึงเรื่องราวต่างๆมากมาย ทำได้ด้วยการเข้าไปที่เว็บไซต์ เลือกเมืองและวันที่ต้องการ กดจอง ชำระเงิน เพียงเท่านั้นก็เสร็จเรียบร้อย ลองเข้าไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่
COUCHSURFING
ปัจจุบันนี้ Couchsurfing นั้นได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆจากนักท่องเที่ยวทั่วทุกมุมโลก โดย Couchsurfing คือการที่เราหาที่พักเพื่อแชร์ร่วมกับคนท้องถิ่นโดยไม่เสียเงินสักบาท ทุกอย่างฟรี! นี่เป็นอีกทางหนึ่งที่จะได้มีโอกาสเข้าถึงการใช้ชีวิตกับคนท้องถิ่นจริงๆ โดยส่วนมาก Couchsurfing มักจะนิยมใช้ในหมู่วัยรุ่น นอกจากนั้นแล้ว Couchsurfinh ยังมีอีเว้นท์ต่างๆที่จัดขึ้นเพื่อเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้เชื่อมต่อกับคนท้องถิ่น การสร้างเพื่อนใหม่ในต่างประเทศก็ดูจะเป็นความคิดที่ไม่เลวนัก อย่างไรก็ตาม ตามเมืองที่มีประชากรจำนวนมากและประชากรส่วนใหญ่มักอาศัยอยู่ในพื้นที่เล็กๆ อาจจะทำให้หาที่พักแบบ Couchsurfing ยากหน่อย อย่างเช่นโตเกียว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานที่และจำนวนประชากร
WORKAWAY
สำหรับใครที่มีเวลาเยอะหน่อยและอยากที่จะออกเดินทางท่องเที่ยวไปพร้อมๆกับการทำงานเล็กๆน้อยๆหรือเป็นจิตอาสา WORKAWAY ก็ถือว่าเป็นความคิดที่ดีอีกความคิดหนึ่ง Workaway เป็นการทำงานเล็กๆน้อยๆหรืองานจิตอาสาเพื่อแลกที่พักและอาหารตามจำนวนวันที่เราต้องการ โดยงานมักจะเป็นงานที่ไม่หนักมาก เช่นผู้ช่วยสอนโยคะ ผู้ช่วยสอนเด็กนักเรียน งานโรงแรม งานในฟาร์ม เลี้ยงสัตว์ และอื่นๆอีกมากมาย