ร้านอาหาร Rampila เป็นร้านอาหารมอลทีส ตั้งอยู่ไม่ไกลจากประตูเมืองวาเลตต้า (Valletta City Gare) ที่มีทั้งในส่วนของร้านอาหาร ไวน์บาร์ เทอร์เรส และนิทรรศการ เรื่องราวที่ซ่อนตัวอยู่ภายใต้ร้านอาหารแห่งนี้เกิดขึ้นเมื่อสมัยศตวรรษที่ 16 สถานที่ตั้งของร้านอาหารในปัจจุบันนี้ถูกสร้างขึ้นโดยอัศวินในนักบุญเซนต์จอห์น (Knights of St. John) เพื่อเป็นแนวป้องกันเมืองวาเลตต้า เมื่อคุณเดินทางไปถึงที่ร้านอาหารแล้ว คุณอาจจะนึกถึงตัวอาคารที่ดูหรูหราและคลาสสิค แต่เปล่าเลย ร้านอาหารนั้นซ่อนตัวอยู่ที่ด้านล่าง อุโมงค์โบราณจะปรากฏต่อสายตาคุณเมื่อเดินลงบันไดไป ทอดยาวไปถึงไวน์บาร์และทางเดินขึ้นไปยังเทอร์เรสที่ด้านบน
ร้านอาหารในอุโมงค์นี้ถือว่าเป็นซิกเนเจอร์ของทางร้าน Rampila เลยก็ว่าได้ ในอดีต อุโมงค์ถูกใช้เป็นสถานที่ที่เหล่าอัศวินในนักบุญเซนต์จอห์นนั้นลำเลียงและจัดวางปืนใหญ่เพื่อป้องกันแนวกำแพงเมือง ประตูเมือง และสะพานที่ทอดเข้ามาที่เมืองวาเลตต้าจากเหล่าศัตรู ปัจจุบันนี้อุโมงค์ได้ถูกรีโนเวทให้กลายมาเป็นร้านอาหารที่มีเสน่ห์ไม่เหมือนใคร ปูพื้นด้วยไม้โอ๊ค ติดตั้งไฟสีส้มเพื่อให้เกิดบรรยากาศที่อบอุ่น อีกทั้งยังมีแอร์และฮีตเตอร์เพื่อในแน่ใจว่าแขกทุกคนจะได้รับความสะดวกสบายมากที่สุด
ขนมปังมอลทีสอุ่นๆถูกห่อมาในผ้าสีขาว เสิร์ฟมาคู่กับน้ำมันมะกอกและซอสครีมบัลซามิก เพื่อเป็นจานเรียกน้ำย่อยและรองท้องไปพลางรออาหารมาเสิร์ฟ ขนมปังมอลทีสนี้เป็นขนมปังมักจะเสิร์ฟเป็นอย่างแรกตามร้านอาหารทั่วไปและมักจะเสิร์ฟตอนที่ยังอุ่นๆ เพื่อให้คุณได้สัมผัสถึงความนุ่มของเนื้อขนมปังด้านในราวกับว่าเพิ่งถูกนำออกมาจากเตาอบใหม่ๆ
แน่นอนว่าต้องเริ่มที่จานเรียกน้ำย่อยกันก่อน ที่เห็นในภาพนี้คือซุปทะเลซึ่งเป็นหนึ่งในอาหารท้องถิ่นของมอลต้า ประกอบไปด้วยหอยแมลงภู่ กุ้ง ปลา ผักหลากชนิดหั่นเต๋า และเลม่อนเพื่อเพิ่มเติมรสชาติให้แก่ซุป ซุปนี้เป็นซุปน้ำใสหากแต่เต็มไปด้วยรสชาติและกลิ่นที่หอมเย้ายวน พนักงานเสิร์ฟแนะนำว่าจานนี้รับประทานคู่กับไวน์โรเซ่ Medina Grenache Rose จะเข้ากันได้เป็นอย่างดี
อีกหนึ่งอาหารท้องถิ่นที่ไม่ควรพลาดเลยก็คือสตูว์กระต่าย โดยจะนำเนื้อกระต่ายลงไปเคี่ยวกับผลอินทผาลัมและลูกเกด เพื่อเพิ่มเติมความหวานให้แก่อาหารจานนี้ เนื้อกระต่ายถูกเคี่ยวจนเปื่อยล่อนกระดูก ทำให้สามารถรับประทานได้อย่างสะดวกสบาย แต่อย่างไรก็ตาม กระต่ายมีกระดูกที่เล็กที่คุณอาจจะเผลอไปเคี้ยวโดนหรือกลืนลงไปได้ เพราะฉะนั้นควรระวังให้ดี ทางร้านเสิร์ฟเนื้อกระต่ายมาพร้อมกับเครื่องในด้วย ถ้าหากไม่คุณไม่ต้องการรับประทานเครื่องในสามารถแจ้งที่พนักงานเสิร์ฟได้เลย
ด้านนอกมีพื้นที่ของเทอร์เรสตั้งอยู่ เป็นพื้นที่ที่คุณสามารถมานั่งชิลล์ได้ท่ามกลางอากาศที่เย็นสบายในช่วงซัมเมอร์พลางชมวิวประตูเมืองวาเลตต้าที่ตั้งอยู่ไม่ไกลได้ ที่นี่ถือว่าเป็นร้านอาหารเอ้าท์ดอร์ที่สวยที่สุดในวาเลตต้าเลยก็ว่าได้ โดยพื้นที่เทอร์เรสแห่งนี้ ในอดีตนั้นเคยเป็นที่ตั้งของปืนใหญ่มาก่อน และกำแพงเมืองที่เป็นส่วนหนึ่งของร้านอาหารนั้นก็มีอายุกว่า 450 ปีมาแล้ว ห้อมล้อมไปด้วยต้นไม้และน้ำพุ ทำให้บรรยากาศที่ดูเคร่งขรึมจากประวัติศาสตร์ความเป็นมานั้นผ่อนคลายลง ช่วงเวลาที่คุณมานั่งที่เทอร์เรสนี้มีผลต่อบรรยากาศที่คุณจะได้รับ ถ้าหากเป็นในช่วงกลางวันคุณก็ได้รับแสงแดดอุ่นๆและอากาศที่บริสุทธิ์ ในขณะที่ช่วงกลางคืนบรรยากาศจะดูโรแมนติคกว่าภายใต้แสงสีส้มโทนอุ่น อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 ช่วงเวลาก็ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่สวยงามไม่แพ้กันเลย
ที่ปลายอุโมงค์จะมีนิทรรศการตั้งอยู่ เป็นนิทรรศการเกี่ยวกับชีวิตท้องถิ่นของชาวมอลทีสในอดีตที่คุณสามารถไปเดินชมได้หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ นิทรรศการนี้เปิดให้เข้าชมฟรี ถ้าหากคุณกำลังมองหาร้านอาหารเพื่อรับประทานอาหารรสชาติอร่อน บรรยากาศดี บอกได้เลยว่าร้านอาหาร Rampila จะไม่ทำให้คุณผิดหวัง ทางเราแนะนำว่าควรสำรองที่นั่งล่วงหน้า ถึงแม้ว่าร้านอาหารจะดูกว้างขวางและเพียงพอสำหรับทุกคน แต่คุณคงจะไม่อยากเสียเที่ยวและอดรับประทานอาหารที่ร้านอาหารที่ดีที่สุดในวาเลตต้าอย่างแน่นอน
เรื่องและภาพ: Aphinya Kasemsukphaisan
ที่อยู่: St. Johns Cavalier, Il-Belt Valletta VLT 1110, Malta
การเดินทาง: รถบัสสาย 71 หรือ 73 สถานี Valletta A4
เวลาทำการ: เปิดทุกวัน 12:00-22:30
เว็บไซต์: www.rampila.com